ตอนที่ 1764 มีความรัก
เหมยเหมยเดาออกว่าสาวน้อยคนนี้เป็นหลานสาวสุดที่รักของโจวจื่อหัวตั้งแต่แวบแรกและเป็นหลานสาวคนโตประจำตระกูลโจวนามว่าโจวซิงเอ๋อร์ปีนี้อายุสิบหกปี เพราะเป็นหลานคนแรกของรุ่นสามประจำตระกูลโจวจึงเป็นที่โปรดปรานของสองสามีภรรยาโจวจื่อหัว
แน่นอนว่านิสัยของโจวซิงเอ๋อร์เองก็น่าเอ็นดู แค่ดูก็รู้ว่าเป็นสาวร่าเริงสดใส มีเธออยู่บ้านต้องมีเสียงหัวเราะอยู่ร่ำไป
โจวซิงเอ๋อร์สูงมากแต่เตี้ยกว่าเซียวเซ่อเพียงเล็กน้อย เซียวเซ่อสูง 175 โจวซิงเอ๋อร์น่าจะสูง 170 ได้ หนำซ้ำเธอยังมีหุ่นเพรียวได้รูปสีผิวเป็นสีแทนน้ำผึ้งฉบับสาวแข็งแรง บ่งบอกว่าเด็กสาวคนนี้ชอบออกกำลังกายมาก
“สวัสดี เด็กผู้หญิงสวย ๆอย่างเธอพี่จะจำไม่ได้ได้ไงล่ะ เพียงแต่พี่ไม่รู้ว่าเธอเป็นหลานสาวของลุงหัว”
เหมยเหมยยิ้มตาหยีพูดปด งานวันแจกลายเซ็นผู้คนท้วมท้นจำนวนนับพันคนคอยโอบล้อม เธอแจกลายเซ็นจนตาลายไปหมดแล้วจะมีเวลาว่างไปสังเกตโฉมหน้าใครอื่นเสียเมื่อไร จำได้สิแปลก!
แน่นอนว่าเธอไม่มีทางพูดความจริงไปอยู่แล้วไม่อย่างนั้นจะเป็นการทำร้ายจิตใจสาวน้อยคนนี้มากเลยละ!
คำโกหกสีขาวจะช่วยให้โลกงดงามมากขึ้น
โจวซิงเอ๋อร์ยิ้มแก้มปริตามคาด พอเห็นชุดนิยายเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์ที่เหมยเหมยมอบให้เธอก็ยิ่งยิ้มกว้างจนแทบไม่เห็นตา ความสุขล้นปรี่เกินจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
“ขอบคุณพี่เหมย ฉันรักพี่มาก ๆเลย ฉันต้องเป็นคนเดียวในเมืองที่มีนิยายพร้อมลายเซ็นครบชุดของพี่แน่ ๆ เพื่อนฉันอิจฉาฉันจะแย่อยู่แล้ว!”
โจวซิงเอ๋อร์หอบนิยายนับยี่สิบกว่าเล่มกลับห้องไปอย่างมีความสุข บอกว่าจะเก็บมันเองไม่ให้คนรับใช้แตะต้องเด็ดขาด
สยงมู่มู่ก็ได้ให้ซีดีอัลบั้มพร้อมลายเซ็นแก่บรรดาหลาน ๆของโจวจื่อหัวเช่นกัน เด็กพวกนี้ล้วนอายุสิบสามถึงสิบห้าปีนับว่าเป็นช่วงวัยที่ร่าเริงสดใสที่สุดจึงเข้ากับสยงมู่มู่อู่เชาได้ดี มีเพียงเซียวเซ่อที่ทำหน้านิ่งมาโดยตลอดและไม่ชอบสุงสิงกับใคร
โจวจื่อหัวย่อมรู้ดีถึงความเป็นมาเป็นไปของเซียวเซ่อเลยไม่ถือสาแม้แต่น้อย กลับยิ้มร่าอย่างปลื้มใจเสียด้วยซ้ำ
ในบ้านตระกูลโจวถูกจัดไว้สองโต๊ะให้ผู้ใหญ่หนึ่งโต๊ะเด็กหนึ่งโต๊ะ โจวซิงเอ๋อร์รั้นจะขอนั่งร่วมโต๊ะผู้ใหญ่ด้วยและโจวจื่อหัวเองก็ตามใจเธอ โดยปกติเขามักใจกว้างต่อหลานสาวอยู่แล้วแต่กับหลานชายกลับเข้มงวดเป็นพิเศษ ไม่แม้แต่จะส่งมอบรอยยิ้มให้สักนิด พอดูออกว่าพวกผู้ชายบ้านตระกูลโจวต่างเคารพยำเกรงโจวจื่อหัวกันมาก
“พวกนี้แม่ครัวทำให้โดยเฉพาะเลย พวกเธอลองทานดูสิว่ารสชาติเหมือนต้นตำรับไหม?” โจวจื่อหัวยิ้มเอ่ย
กับข้าวอุดสมบูรณ์อย่างมาก น้ำแกงปลาสะใภ้ซ่ง แผ่นเต้าหู้ยัดไส้ทอดกรอบ หมูสามชั้นตุ๋นผักดอง หัวสิงโตน้ำแดง เคาหยก ปลากะพงขาวนึ่ง น้ำซุปเป็ดหน่อไม้…ล้วนเป็นอาหารประจำบ้านที่เห็นได้ทั่วไปมาก ไม่ได้ดูน่าตะลึงเหมือนในโรงแรมใหญ่โตและดูเป็นธรรมชาติที่สุด
แต่แค่ได้กลิ่นหอมเหมยเหมยก็รู้ทันทีว่าแม่ครัวผู้เลื่องชื่อคนนี้มีความสามารถอย่างแท้จริง ทำอาหารทางใต้ได้เหมือนต้นตำรับขนาดนี้
“อร่อย รสชาติดีมาก ๆ ไม่ได้ทานน้ำแกงปลาที่เหมือนต้นตำรับขนาดนี้มานานแล้ว”
เหมยเหมยทานน้ำแกงปลาหนึ่งถ้วยซึ่งรสชาติหอมสดใหม่ก็อดชูนิ้วโป้งให้ไม่ได้และพูดชมไม่ขาดปาก
คุณนายโจวยิ้มอย่างใจดี “อร่อยก็ทานเยอะ ๆ เมนูหัวสิงโตอันนี้ก็เป็นเมนูถนัดของแม่ครัวเขาด้วย พวกเธอลองชิมดู”
อาหารอร่อยเจ้าบ้านก็ต้อนรับอย่างอบอุ่น ทำเอาพวกเหมยเหมยทานข้าวได้อย่างเอร็ดอร่อยและพูดคุยกับเจ้าบ้านอย่างสนุกสนาน
หลังทานข้าวเหมยเหมยไม่ได้ขอตัวกลับทันทีแต่เลือกจะนั่งอีกครู่หนึ่ง โจวซิงเอ๋อร์เอาแต่ตามเหมยเหมยแจพูดเจื้อยแจ้วราวกับนกแก้ว แต่ทว่าไม่ได้สร้างความน่ารำคาญใจแก่คนฟังเลยสักนิด
“พี่เหมย พี่คือเพื่อนสนิทกับเฉินเจียใช่ไหมคะ?” จู่ ๆโจวซิงเอ๋อร์เอ่ยถามเสียงเบาและทำหน้าขวยเขิน
เหมยเหมยเลิกคิ้ว นี่สาวน้อยกำลังมีความรักหรือเนี่ย?
เธอจงใจถาม “ฉันรู้จักเฉินเจียหลายคน เธอถามถึงคนไหนเหรอ?”
โจวซิงเอ๋อร์หลงคิดว่าเป็นความจริงเลยตอบกลับไปอย่างเขินอาย “ก็เฉินเจียคนฮ่องกงไง เขากับพี่เหมยเคยออกรายการเดียวกันด้วยนะ”
…………………….
ตอนที่ 1765 ส่งสายตาพลอดรัก
เหมยเหมยมองโจวซิงเอ๋อร์อย่างมีเลศนัยแล้วลากเสียงยาว “…อ๋อ…ที่แท้ก็เขานี่เอง ซิงเอ๋อร์รู้จักเฉินเจียด้วยเหรอ?”
โจวซิงเอ๋อร์กลับเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงตรงไปตรงมา ถึงแม้จะเขินจนหน้าแดงก่ำแต่กลับตอบอย่างตรงไปตรงมา “ฉันรู้จักเขา เขาไม่รู้จักฉันหรอก ฉันแทบจะไปดูทุกการแข่งขันของเฉินเจียมาหมดแล้ว”
สาวน้อยกะพริบตาหยาดเยิ้ม แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่ากำลังตกอยู่สภาวะแอบรัก
เฉินเจียเป็นคนหน้าตาหล่อเหลา นิสัยดีและเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าหญิงสาว โจวซิงเอ๋อร์จะแอบชอบก็เป็นเรื่องปกติ
เหมยเหมยหันข้างมาถามเสียงเบา “เธอชอบเฉินเจียเหรอ?”
“ค่ะ ฉันชอบเฉินเจีย มีผู้หญิงห้องฉันหลายคนเลยที่ชอบเขาแต่มีแค่ฉันที่รักเดียวใจเดียวที่สุด ชอบเขาคนเดียว ไม่เหมือนคนอื่นที่นอกจากชอบเฉินเจียแล้วยังชอบจางกั๋วหรงกับหลิวเต๋อหัว…”
โจวซิงเอ๋อร์ทำหน้าหยามเหยียด หลายใจแบบนี้มีสิทธิ์อะไรมาแย่งเฉินเจียกับเธอล่ะ?
เหมยเหมยหลุดขำ ช่างเป็นสาวน้อยที่น่ารักเสียจริง
“ฉันกับเฉินเจียไม่ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทแต่ก็พอจะรู้จักกันบ้าง ซิงเอ๋อร์ถามเรื่องนี้ทำไมเหรอ?” เหมยเหมยบอกไปตามความจริง
โจวซิงเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกายและขยับหน้าเข้ามาใกล้เหมยเหมยกว่าเดิมอีกนิด คุณนายโจวเห็นทุกอย่างในสายตาเลยมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ คิดว่าอีกประเดี๋ยวจะลองปรึกษากับโจวจื่อหัวดู
“พี่เหมย…พี่สนิทกับฉันยิ่งกว่าพี่แท้ ๆของฉันซะอีก พี่ช่วยขอตั๋วเข้าชมการแข่งขันในอีกสามวันข้างหน้าของเฉินเจียให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?” โจวซิงเอ๋อร์ทำหน้าเว้าวอนส่งเสียงออดอ้อนจนคนฟังใจอ่อนยวบ
“อีกสามวันเฉินเจียมีแข่งเหรอ?” เหมยเหมยทำหน้าสงสัยอย่างมาก คราวก่อนที่ทานข้าวกับเฉินเจียไม่เคยได้ยินหมอนี่พูดถึงมาก่อนนี่นา
โจวซิงเอ๋อร์ส่งสายตาผิดหวังและเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเหมยเหมยกับเฉินเจีย ถึงขนาดไม่รู้ว่าเฉินเจียมีแข่งด้วยซ้ำ!
เซียวเซ่อที่ทานข้าวเงียบ ๆอยู่ข้างเหมยเหมยมาตลอดเอ่ยแทรกขึ้นมาประโยคหนึ่ง “สามวันข้างหน้าตอนเช้าเก้าโมงครึ่งแข่งรอบรองชนะเลิศระดับเอเชีย ฮ่องกงเป็นหนึ่งในเขตของการแข่งขัน”
เซียวเซ่อคีบเคาหยกมันวาวใส่ปากทั้งคำเช่นเดียวกับสยงมู่มู่ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็คีบมาทานเช่นกัน แต่กัดไปเพียงครึ่งชิ้นด้วยท่าทางเรียบร้อยสง่าคนละขั้วกับเซียวเซ่ออย่างชัดเจน
“ตุ๊ด…”
เซียวเซ่อแค่นเสียงอย่างหยามเหยียดไปทีหนึ่งแล้วเพ่งสายตาไปยังอาหารอีกจาน หมูสามชั้นตุ๋นผักดองส่งกลิ่นหอมโชยมาคิดว่ารสชาติต้องอร่อยอย่างแน่นอน แม่ครัวตระกูลโจวฝีมือไม่เลวหรืออาจจะฝีมือดีกว่าป้าฟางบ้านเหมยเหมยด้วยซ้ำ
“…คนตะกละ!”
สยงมู่มู่เค้นเสียงพูดออกมานึกรังเกียจสภาพการกินตะกละมูมมามของเซียวเซ่อ ผู้ชายห่าม ๆยังไม่ทานเก่งเท่าเธอเลย เคาหยกกว่าครึ่งจานใหญ่ถูกยัยทอมนี่ฟาดเรียบ
โจวซิงเอ๋อร์เบิกตากว้างทำท่าอิจฉาอย่างมาก “เหมาะสมกันจังเลย…”
สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อหันขวับมาอย่างพร้อมเพรียง จับจ้องโจวซิงเอ๋อร์อย่างอาฆาตและสายตาที่กำลังสื่อความหมายว่า ‘พูดภาษาคนได้ไหม…’
โจวซิงเอ๋อร์เบะปากอย่างน่าสงสาร ทั้ง ๆที่ส่งสายตาพลอดรักกันเสียขนาดนั้น แม้แต่หมายังดูออกเลยว่ามีใจให้กันแต่ก็ยังไม่ยอมรับสักที…
ฮือ…เกลียดคู่รักที่ชอบสวีทหวานต่อหน้าคนโสดที่สุดเลย!
“ซิงเอ๋อร์อยากได้ตั๋วกี่ใบ? เดี๋ยวฉันจะโทรไปขอเฉินเจียให้” ในเมื่อรู้ว่าเฉินเจียจะมีการแข่งขันเธอย่อมต้องไปเป็นกำลังใจให้ คิดว่าเฉินเจียน่าจะรู้มาจากหลินฮั่นเหวินว่าเธอใกล้กลับแผ่นดินใหญ่แล้วเลยไม่กล้าพูดถึงเรื่องการแข่งขันสินะ
โจวซิงเอ๋อร์ทำท่าดีใจกลบความผิดหวัง “พี่เหมยดีที่สุดเลย…ฉันขอแค่ใบเดียว…ไม่สิ…ขอให้ฉันสองใบได้ไหมคะ? เพื่อนสนิทฉันก็อยากไปดูการแข่งขันเหมือนกัน”
“ได้เลย ฉันจะให้คำตอบเธอพรุ่งนี้นะ”
เหมยเหมยรับปากทันควัน ตั๋วหนึ่งใบหรือสองใบไม่ต่างกันมาก การแข่งขันระดับนี้ฝ่ายผู้จัดมักมีตั๋วเหลือจำนวนไม่น้อย ต่อให้เฉินเจียขอมาไม่ได้เสี่ยวอวิ๋นก็หาทางเอามาให้ได้
นอกจากนี้สถานะของโจวจื่อหัว อย่าว่าแต่ตั๋วสองใบเลยต่อให้ยี่สิบใบก็ไม่มีปัญหา
“ทำไมเธอไม่ขอคุณปู่เธอช่วยหาตั๋วมาให้เธอล่ะ? ปู่เธอเก่งกว่าเยอะเลย” เหมยเหมยพูดเชิงล้อเล่น
………………………..