มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1393

เมื่อหลายหมื่นปีก่อน เทพสงครามเอกภพถูกซือถูเจิ้งเจี้ยนพาคนไล่ตามฆ่า อีกทั้งตนเองยังถูกวางยาพิษ เขาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่อแหวกพิภพอนัตตา เผาผลาญชีวิตมายังโลกแสงดาว ก็ได้มาตกลงมาที่นี่ จากนั้นก็เปิดแดนปริศนาไว้ และนั่งจนตายไปในที่แห่งนี้

หลายหมื่นปีต่อมา ชายหนุ่มคนหนึ่งของโลกแสงดาวได้รับสมบัติที่เทพสงครามเอกภพทิ้งเอาไว้ ต่อสู้กับซือถูเจิ้งเจี้ยน อีกทั้งยังมาถึงที่แห่งนี้ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่จะตัดสินความเป็นตายกำลังจะเกิดขึ้น

เหตุและผลเชื่อมต่อกัน ทุกสรรพสิ่งล้วนมีชะตาเป็นของตนเอง ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้ มันได้เป็นจุดจบที่ถูกลิขิตเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

“โครม!”

หลัวซิวร่วงหล่นลงมายังพื้นดิน ร่างเนื้อของเขาแข็งแกร่งจนสามารถเทียบเท่าสมบัติแห่งเทพฟ้า สองเท้าของเขาเยียบย่ำไปบนดินแดนที่แห้งแล้ง รอยแยกขนาดมหึมาที่ไร้ก้นบึ้ง คลื่นลมพัดไปทุกทิศทุกทาง พัดผงธุลีให้คละคลุ้งไปทั่วท้องฟ้า

หว่างคิ้วของเขาแยกออก สำนักเต๋าเสวียนเทียนบินออกมา ประตูที่ถูกปิดตายเปิดออก ซือถูเจิ้งเจี้ยนรีบรุดออกมาโจมตีทันที

ในขณะที่ผ่านทะลุชั้นพิภพ ผลการฝึกตนของซือถูเจิ้งเจี้ยนก็ได้ถูกกดให้อยู่ในระดับกึ่งเทพฟ้าแล้ว

เขาไม่ได้รู้สึกอ่อนแอเช่นนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโลกเสวียนเทียนหรือว่าจะเป็นโลกาอสูรฟ้า ไม่ว่าจะเป็นเทพฟ้าคนใดก็สามารถฆ่าเขาในเวลานี้ให้ตายได้อย่างง่ายดาย

กึ่งเทพฟ้ากับเทพฟ้าจริง ๆ นั้นดูเหมือนไม่ต่างกันเท่าไร แต่พลังกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว นอกจากปีศาจประหลาดอย่างหลัวซิวแล้ว เมื่อถึงระดับนี้เป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามแดน

ซือถูเจิ้งเจี้ยนเมื่อออกมาจากสำนักเต๋าแล้วก็ไม่ได้โจมตีในทันที สายตาจ้องเขม็งไปยังหลัวซิว พบว่าร่างของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยเลือด ร่างยุทธ์ร่างเนื้อดูเหมือนว่ากำลังจะแตกสลายไปอย่างไรอย่างนั้น

“เจ้าผนึกข้าเพื่อพามายังพิภพต่ำ คิดจะอาศัยการควบคุมของกฎพิภพเพื่อต่อกรกับข้า?”

“ตลอดทางที่ข้ามผ่านอนัตตาไม่สิ้นมานี้ ผลจากการโจมตีสำนักเต๋าเสวียนเทียนของข้าถูกเจ้ารับไว้ทั้งหมด เจ้ายังสามารถอดทนมาได้ถึงตอนนี้ ช่างน่าประทับใจเสียจริง!”

สายตาของซือถูเจิ้งเจี้ยนน่ากลัวถึงขีดสุด “เจ้าเข้าใจกฎเวลา ดูแล้วชิ้นส่วนของใจแห่งศุภร น่าจะอยู่ที่เจ้าเป็นแน่แล้ว”

“ตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าเพียงแค่ฆ่าเจ้า ไม่เพียงแค่ฆ่าเจ้าเพื่อระบายความเกลียดชังเท่านั้น ยังจะเก็บชิ้นส่วนของใจแห่งศุภรกลับไปด้วย อีกทั้งยังได้รับความรักบนตัวเจ้าด้วย เจ้าว่าข้าควรจะขอบใจเจ้าอย่างไรดี?”

ซือถูเจิ้งเจี้ยนค่อย ๆ เดินตรงมายังหลัวซิวทีละก้าว ๆ ในขณะที่ผ่านสิ่งกีดขวางของพิภพ เขาก็สัมผัสได้ถึงการควบคุมของกฎพิภพแล้ว กระทั่งวังเซียนและหอคอยเทวต่างก็ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ถูกทิ้งเอาไว้กลางสำนักเต๋าเสวียนเทียน

ในตอนที่อยู่ในแดนกึ่งราชาเทพ หลัวซิวยังสามารถยืนหยัดต่อสู้กับเขาได้ เมื่อมายังพิภพต่ำ เขาจำต้องยอมรับว่าตนนั้นต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิวเป็นแน่

แต่ในเวลานี้ หลัวซิวได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างยุทธ์ร่างเนื้อต่างก็กำลังจะแตกสลาย เขายังมีสิ่งใดที่ต้องกังวลอีก?

หลัวซิวในเวลานี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ไอเป็นเลือดไม่หยุด ร่างกายที่แตกร้าวยังคงมีเลือดออก

เขาเงยหน้าที่ซีดเซียวของเขาขึ้น นัยน์ตาไร้ความรู้สึกคู่นั้นจ้องไปยังซือถูเจิ้งเจี้ยน มุมปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ที่พิภพต่ำแห่งนี้ ต่อให้ตัวข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างของเขาก็หายไปในทันใด จากนั้นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของซือถูเจิ้งเจี้ยน มือซ้ายเอื้อมออกไป

จุดลมปราณที่หนึ่งที่เขาได้เปิดออกก็คือที่ฝ่ามือซ้าย เพราะฉะนั้นมือซ้ายของเขาสามารถเรียกได้ว่าเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของพลังโจมตี

ภายใต้การควบคุมของกฎพิภพ ความเร็วของซือถูเจิ้งเจี้ยนไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ไหล่ขวาของเขาถูกหลัวซิวจับเอาไว้ เสียงฉึกดังขึ้น ดึงมันลงมาอย่างง่ายดาย

“อ้าก!……”

เสียงร้องที่น่าเวทนานั้นดังก้องไปทั่วทั้งดินแดนที่แห้งแล้ง เลือดสดร้อน ๆ ทะลักออกมา ย้อมผืนดินให้เป็นสีแดงสด สีหน้าของซือถูเจิ้งเจี้ยนบิดเบี้ยว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด

หลัวซิวกระอักเลือดอีกออกมาอีกครั้ง ภายใต้สภาวะที่บาดเจ็บสาหัส พลังของเขาก็ยังไม่อาจคาดเดาได้อยู่ดี ในตอนที่โจมตีซือถูเจิ้งเจี้ยน อาการบาดเจ็บในร่างกายของเขาได้รับผลกระทบด้วย

แต่ว่าภายในร่างกายของเขามีกฎชีวิตหมุนเวียนอยู่ พลังชีวิตที่แข็งแกร่งจนเรียกได้ว่าไม่ปกตินี้ ยังสามารถฝืนได้ไหว

“ตอนนี้เจ้าคิดว่า เจ้ายังจะมีโอกาสที่จะฆ่าข้าได้อีกหรือไม่?” มุมปากของหลัวซิวเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน เหมือนกับรอยยิ้มของปีศาจ