บทที่ 1768 เพื่อนสนิทที่ชุมชนจัดสรร + ตอนที่ 1769 เลี้ยงมื้อใหญ่

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1768 เพื่อนสนิทที่ชุมชนจัดสรร

 

วันนี้เป็นวันแข่งขันของเฉินเจีย เหมยเหมยเลยตื่นแต่เช้าตรู่ ตอนทานข้าวเช้าหยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะมาอ่านพอพลิกไปหน้าที่สองก็เห็นบทความข่าวอันน่ารังเกียจเข้า

 

พาดหัวข่าวว่าเป็นกลุ่มศิลปินจากแผ่นดินใหญ่ที่มาแลกเปลี่ยนความรู้กับทางฮ่องกงโดยมีผู้นำกลุ่มเป็นหร่วนหวาไฉ่ พอทำมาหากินที่แผ่นดินใหญ่ไม่ได้ก็หนีมาหลอกลวงชาวฮ่องกงแทน เหอะ ๆ…

 

เหมยเหมยไม่ยุ่งเรื่องกุเรื่องหลอกลวงในเมื่อฝ่ายที่โดนหลอกไม่ใช่เธอแต่ไอ้แก่นี่ดันใช้ชื่อคุณปู่เป็นเครื่องมือ ไม่ได้ เรื่องนี้เธอไม่มีวันยอม

 

“เสี่ยวอวิ๋นไปสืบดูสิว่าผู้จัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นใคร? จัดที่ไหน เริ่มตั้งแต่เมื่อไร สืบมาให้หมด” เหมยเหมยสั่ง

 

คงต้องโทษหร่วนหวาไฉ่อับโชคที่ดันมาฮ่องกงในเวลานี้ หึ ตาแก่นี่เตรียมตัวโดนเธอบุกถึงที่ได้เลย!

 

ไม่นานรถของตระกูลโจวก็มาถึง โจวซิงเอ๋อร์อยู่บนรถกำลังโบกมือให้เหมยเหมยอย่างร่าเริง

 

ยัยหนูแต่งตัวได้สดใสมาก เธอใส่หมวกกันแดดสีขาว เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนรัดรูปสีน้ำเงินคู่กับรองเท้าผ้าใบสีขาว รวบผมตึงสูงขับให้ดูสูงโปร่งแข็งแรงดูแล้วสบายตาอย่างมาก

 

“ถ้าเธอเปลี่ยนกางเกงเป็นกระโปรงสั้นจะสวยกว่านี้” เหมยเหมยยิ้มเอ่ย

 

โจวซิงเอ๋อร์มีสัดส่วนหุ่นที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ขาทั้งยาวและตรงไม่มีไขมันสักนิด ใส่กระโปรงสั้นจะต้องสวยมากแน่ ๆ

 

“เฮ้อ…ปู่ไม่ให้ฉันใส่กระโปรงสั้นเลยขึ้นเข่า ถ้าใส่กระโปรงยาวก็วิ่งไม่ได้ สู้ใส่กางเกงสะดวกกว่า” โจวซิงเอ๋อร์ยักไหล่อย่างระอาแต่ดูท่าทางอารมณ์ดีไม่หยอก

 

ใกล้จะได้เจอไอดอลในระยะประชิดแล้ว ไม่แน่อาจจะได้สนทนากันหลายประโยคด้วย!

 

เหมยเหมยส่ายหน้า ตระกูลโจวช่าง…

 

ยากที่จะให้คนเชื่อว่าตระกูลโจวได้ดีจากวงการตลาดมืด กลับคร่ำครึหัวโบราณยิ่งกว่าตระกูลผู้ดีบางส่วนเสียอีก

 

“แบบนี้ก็สวย กระโปรงสั้นไม่สะดวกจริง ๆแหละ อีกอย่างโป๊ง่ายด้วย ข้อกังวลของปู่เธอมีเหตุผลดี” เหมยเหมยกล่าว

 

โจวซิงเอ๋อร์ไม่สนใจในเมื่อเธอเองก็ไม่ชอบใส่กระโปรงสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะขนขาของเธอทั้งยาวทั้งดำเหมือนผู้ชายไม่มีผิดจึงทำให้ดูน่าเกลียดเวลาใส่กระโปรง เพียงแต่บางครั้งเห็นเพื่อนใส่กระโปรงสวย ๆแล้วเธอแอบอิจฉาบ้างก็เท่านั้นละ!

 

“ยังต้องไปรับเพื่อนสนิทของฉันก่วนเสี่ยวอวี้ เธอพักไกลหน่อยพี่เหมยอย่าว่ากันนะ!” โจวซิงเอ๋อร์รู้สึกผิดหน่อย ๆเพราะกลัวไม่ทันเวลา

 

“ไม่รีบ อีกตั้งชั่วโมงครึ่งถึงจะเริ่มแข่ง”

 

เหมยเหมยเองก็สงสัยว่าก่วนเสี่ยวอวี้เป็นใคร ได้ยินว่าเป็นเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของโจวซิงเอ๋อร์ที่ได้รับการยอมรับหลังสืบประวัติครอบครัวสิบแปดชั่วโคตรของโจวจื่อหัว อีกทั้งก่วนเสี่ยวอวี้ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีไม่มีแม้แต่บ้านเป็นของตัวเอง ทั้งครอบครัวต้องอาศัยอย่างแออัดภายในบ้านจัดสรรจากทางรัฐ

 

สองคนนี้เป็นเพื่อนกันโดยที่คนหนึ่งก็เป็นต้นหญ้าอีกคนก็เป็นเจ้าหญิง ไม่รู้เลยจริง ๆว่าพวกเธอมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้อย่างไร

 

บ้านจัดสรรสาธารณะของฮ่องกงความจริงก็คือบ้านเช่าราคาถูกที่แน่นอนว่าสภาพความเป็นอยู่ต้องไม่ดีอยู่แล้ว บ้านหลังเก่าสภาพแวดล้อมรอบข้างที่แสนเลวร้าย คนที่อาศัยอยู่ตรงนั้นส่วนมากเป็นชาวบ้านที่มีรายได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ค่าเช่าบ้านเลยมีราคาถูก

 

แม้พักที่บ้านจัดสรรสาธารณะจะช่วยประหยัดเงินแต่กลับต้องโดนดูถูก โดยเฉพาะเด็กที่อาศัยอยู่บ้านจัดสรรสาธารณะที่ต้องโดนข่มเหงรังแกในโรงเรียนอย่างแน่นอน

 

โจวซิงเอ๋อร์เข้าเรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติที่ดีที่สุดในฮ่องกง ค่าเล่าเรียนราคาสูงลิ่วเด็กที่เรียนที่นั่นจึงเป็นลูกหลานเศรษฐี เหตุผลที่ก่วนเสี่ยวอวี้เข้าเรียนได้เพราะเธอมีผลการเรียนดีได้รับทุนการศึกษาสูงสุดจากโรงเรียน

 

ฟังแล้วน่าจะเป็นผู้หญิงที่กระตือรือร้นทะเยอทะยานไม่ยอมพ่ายแพ้ให้กับโชคชะตาคนหนึ่ง มิน่าถึงผ่านการทดสอบของโจวจื่อหัวได้

 

“เสี่ยวอวี้ ทางนี้!”

 

โจวซิงเอ๋อร์ให้คนขับรถจอดรถในสวนสาธารณะแล้วโบกมือเรียกเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มจริงใจที่พอจะเห็นได้ว่าเธอชอบเพื่อนคนนี้มากจริง ๆ

 

………………………..

 

 ตอนที่ 1769 เลี้ยงมื้อใหญ่

 

ก่วนเสี่ยวอวี้ตัวเล็กเตี้ยกว่าโจวซิงเอ๋อร์กว่าคืบน่าจะสูงราว 160 เซนติเมตร มีหน้าตาน่ารักผิวขาวเนียนสวมแว่นหนาเตอะ ตัวผอมบางและขอบตาดำ ท่าทางได้รับสารอาหารไม่ครบและนอนหลับไม่เพียงพอ

 

เธอเป็นนักเรียนที่ขยันขันแข็งคนหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่ดูแล้วสภาพร่างกายของเธอน่าจะแบกรับไม่ค่อยไว้แล้ว!

 

ก่วนเสี่ยวอวี้เป็นคนขี้อายเสียหน่อยเลยไม่ชอบคุยกับใคร หลังขึ้นรถก็แค่ทักทายก่อนจะนั่งอยู่เงียบ ๆ ไม่ปริเสียงใด

 

แต่เธอเป็นผู้ฟังที่ดีคนหนึ่ง บางครั้งจะส่งเสียงตอบกลับมาทำให้โจวซิงเอ๋อร์ไม่ดูเป็นคนคุยจ้อแต่เพียงฝ่ายเดียว

 

เหมยเหมยสังเกตเห็นว่าเธอสวมชุดนักเรียนเลยรู้ได้ทันทีว่าฐานะทางบ้านของก่วนเสี่ยวอวี้แย่กว่าที่เธอคาดคิด ผู้หญิงล้วนรักสวยรักงาม ในวันหยุดสุดสัปดาห์ใครอยากจะสวมชุดนักเรียนกัน ก่วนเสี่ยวอวี้ยังคงสวมชุดนักเรียนแบบนี้บ่งบอกว่าเธอไม่มีตัวเลือกชุดอื่นให้สวมใส่แล้ว

 

หรือบางทีเสื้อผ้าตัวอื่นของเธอใส่ออกบ้านไม่ได้เพราะเทียบไม่ได้แม้แต่กับชุดนักเรียน

 

ชุดนักเรียนประจำโรงเรียนของโจวซิงเอ๋อร์ถูกออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดังที่แบ่งออกเป็นสี่ฤดู ชุดที่ดูดีที่สุดคือชุดประจำฤดูร้อน หากไม่ได้มีหุ่นอ้วนกลมเป็นลูกบอลสาวน้อยทุกคนจะดูดีเมื่อสวมใส่ และก่วนเสี่ยวอวี้กับโจวซิงเอ๋อร์เองต่างก็ใส่สวยกันทั้งคู่

 

“เสี่ยวอวี้ พ่อเธอตีเธออีกแล้วใช่ไหม?” โจวซิงเอ๋อร์คว้าแขนก่วนเสี่ยวอวี้ขึ้นมาในฉับพลันด้วยสีหน้าเดือดดาล

 

“เปล่าหรอก ฉันเดินชนเอง”

 

ก่วนเสี่ยวอวี้ชักมือกลับเงียบ ๆ ใช้มืออีกข้างปกปิดรอยแผลตรงแขน รอยฟกช้ำเขียวจ้ำมีหลายจุดที่น่าจะโดนของประเภทเชือกฟาดเข้า

 

“เธอโกหกฉันอีกแล้ว แค่ดูก็รู้ว่าโดนไม้หวายฟาด พ่อเธอแพ้พนันอีกแล้วสินะ? หึ ฉันจะหาคนไปสั่งสอนพ่อเธอเธอก็ไม่ยอม น่าโมโหที่สุด…”

 

โจวซิงเอ๋อร์พร่ำบ่นอย่างโมโหเพราะรู้สึกไม่เป็นธรรมแทนเพื่อนโดยไม่สังเกตเห็นความอึดอัดที่ฉายบนใบหน้าก่วนเสี่ยวอวี้

 

เหมยเหมยจงใจพูดเสียงดัง “โอ้โห น้ำพุข้างนอกสวยจัง ซิงเอ๋อร์เธอเลื่อนหน้าต่างลงหน่อย”

 

ไม่นานโจวซิงเอ๋อร์ก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปแล้วเลื่อนหน้าต่างลงแต่โดยดี แล้วยังแนะนำสถานที่ตามท้องถนนให้เหมยเหมยอย่างกระตือรือร้น ก่วนเสี่ยวอวี้มองเหมยเหมยแวบหนึ่งเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะพรูลมหายใจออกเบา ๆ

 

เธอรู้ว่าโจวซิงเอ๋อร์หวังดีแต่ต่อหน้าคนนอกแบบนี้ การเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวภายในบ้านของเธอทำให้เธอรู้สึกอึดอัดสิ้นดี

 

โดยเฉพาะยังมีพวกสยงมู่มู่กับเหมยเหมยอยู่ ก่วนเสี่ยวอวี้ก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

 

เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจขึ้นเรื่อย ๆ อุปนิสัยของโจวซิงเอ๋อร์กับก่วนเสี่ยวอวี้ต่างกันสุดขั้วดูอย่างไรก็ไม่เข้ากันเลยสักนิด ฐานะทางบ้านเองก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว แล้วสองคนนี้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้อย่างไร?

 

ไม่นานจากนั้นก็เดินทางมาถึงสนามแข่งที่ยังห่างจากเวลาเริ่มการแข่งขันอีกหนึ่งชั่วโมง เฉินเจียหาเวลาว่างออกมาพบพวกเขา สภาพเขาดูดีไม่หยอกไหนจะเป็นฝ่ายล้อเล่นกับพวกเขาอีกด้วย

 

“ถ้าฉันแข่งได้อันดับดีพวกเธอต้องเลี้ยงมื้อใหญ่ฉัน แต่ถ้าไม่ฉันจะเป็นฝ่ายเลี้ยงพวกเธอเอง…”

 

“ถุย ๆ…เฉินเจียนายจะต้องได้อันดับที่ดีแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์…”

 

โจวซิงเอ๋อร์ดูจะกระวนกระวายยิ่งกว่าเฉินเจียราวกับว่าคนที่ลงแข่งเป็นเธอเสียอย่างนั้นแหละ

 

เฉินเจียชะงักไปครู่หนึ่งแล้วอมยิ้มน้อย ๆ “ขอบคุณนะ ฉันจะพยายาม”

 

เหมยเหมยแนะนำโจวซิงเอ๋อร์กับก่วนเสี่ยวอวี้ให้เขารู้จักโดยไม่พูดถึงพื้นหลังครอบครัวของโจวซิงเอ๋อร์ บอกเพียงว่าเป็นลูกของเพื่อนที่รู้จัก “ซิงเอ๋อร์เป็นแฟนคลับของนาย บอกว่าจะมาให้กำลังใจนาย นายต้องทำตัวดี ๆนะ ถ้าได้อันดับดีฉันจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงมื้อใหญ่ที่ภัตตาคารป้าหวังเอง”

 

เฉินเจียตาเป็นประกาย “…เพื่อมื้อใหญ่ที่ภัตตาคารป้าหวัง…ฉันจะสู้!”

 

เขาไม่ได้อยู่นานแค่ครู่เดียวก็ขอตัวไปแล้ว โจวซิงเอ๋อร์กับก่วนเสี่ยวอวี้ต่างตื่นเต้นกันทั้งคู่ ใบหน้าแดงระเรื่อดวงตาระยิบระยับและใบหน้าแต้มยิ้มอย่างหลงใหล

 

…………………..