บทที่ 1774 ศิลปะจีนเป็นแขนงวิชาสูงส่งที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณธรรม + ตอนที่ 1775 แตกฮือ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1774 ศิลปะจีนเป็นแขนงวิชาสูงส่งที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณธรรม

เหมยเหมยแค่นเสียงกล่าว “คุณเจียง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็พูดเหลวไหลไม่ได้ คุณคิดว่ามีแค่ฮ่องกงที่มีกฎหมายเหรอ? ฉันกล้าพูดขนาดนี้ก็ต้องมีหลักฐานอยู่แล้ว แต่คุณอยากให้ฉันเอาออกมาจริงเหรอ?”

เจียงโส่วเฉิงใจหล่นตุบ จ้าวเหมยพูดด้วยเสียงมั่นอกมั่นใจหรือว่าเธอมีอะไรอยู่ในมือจริง ๆ?

แต่ไม่นานเขาก็สงบสติลงได้ จ้าวเหมยเพิ่งมาถึงฮ่องกง ในถิ่นที่ไม่คุ้นเคยนี้จะตามสืบเรื่องราวพวกนั้นของเขาได้อย่างไร?

จ้าวเหมยกำลังหลอกเขาอยู่แน่ ๆ!

“ฉันไม่เคยทำเรื่องเสียหายแล้วต้องกลัวอะไรล่ะ? คุณจ้าวคุณอย่ามากุข่าวหลอกลวงที่นี่ เรากำลังทำการแลกเปลี่ยนความรู้อย่างจริงจัง ขอให้คุณจ้าวอยู่ในความสงบด้วยไม่อย่างนั้นผมจะเชิญให้คุณออกไป” เจียงโส่วเฉิงทำหน้าจริงจัง

“ศิลปะจีนเป็นแขนงวิชาที่สูงส่งบริสุทธิ์ ให้ความสำคัญกับคุณธรรมเป็นอันดับแรก พวกคุณไม่มีแม้แต่คุณธรรมแล้วมีสิทธิ์อะไรมาแลกเปลี่ยนความรู้เหรอคะ? ไม่กลัวทำให้ลูกศิษย์เข้าใจผิดเหรอ?” เหมยเหมยพูดประชด

“ใครก็ได้…ใครก็ได้ มาเชิญตัวคุณจ้าวคนนี้ออกไปที” เจียงโส่วเฉิงตะโกน

ชายในชุดเครื่องแบบสองคนก้าวออกมา แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้เสียวหลี่ก็แวบออกมาราวกับวิญญาณ ถึงแม้รูปร่างของเขาจะไม่ได้สูงใหญ่และไม่ได้ดูแข็งแรงบึกบึน ทว่าแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ดูน่าเกรงขามแล้ว ทำให้รู้สึกเย็นจากภายในถึงภายนอกดียิ่งกว่ายืนตากเครื่องปรับอากาศเสียอีก

เสียวหลี่ไม่ชอบพูด ปกติเขาจะใช้วิชาการต่อสู้กำราบคู่ต่อสู้ ฉะนั้น–

เขาหยิบแก้วสแตนเลสบนโต๊ะข้าง ๆขึ้นมา “ขอยืมหน่อย”

เสียวหลี่กระตุกยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ พูดอย่างรวดเร็ว เจ้าของแก้วน้ำพยักหน้าให้อย่างมึนงง “…ได้…”

“โฮ้…”

ทุกคนเผลอสูดปากกันโดยถ้วนหน้า ตาโตอ้าปากค้าง

ที่แท้เสียวหลี่แค่บีบเบา ๆแก้วน้ำที่ทำจากสแตนเลสก็ถูกเขาขยำเป็นก้อนราวกับแก้วกระดาษ นอนส่องประกายวาววับบนฝ่ามือเขา เสี่ยวอวิ๋นเหลือบมองอย่างนึกรังเกียจ ใช้แต่วิธีนี้อยู่เรื่อยเพื่อโชว์ให้เห็นถึงพลังของเขา

“หึ!”

มีเพียงเสียงแค่นหัวเราะเบา ๆดังออกมาเหมือนเสียงยุง เสียวหลี่มองมาทางเธอแวบหนึ่งด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม ของในมือถูกดึงไปทางซ้ายทางขวาทีเสมือนขนมมาร์ชเมลโล่ เรียกให้ทุกคนเผลอสูดปากอีกทีลูกตาแทบถลนออกจากเบ้า

แก้วน้ำที่ถูกบดบี้กลายเป็นเศษเหล็กในตอนนี้ถูกปั้นเป็นทรงกลมเพียงแต่ไม่ได้สมบูรณ์เท่าอย่างเดิม บูดเบี้ยวเป็นรอยแต่ยังใช้ใส่น้ำได้อยู่ เสียวหลี่พูดกับเจ้าของแก้วน้ำอย่างรู้สึกผิดว่า “ไว้ผมจะซื้ออันใหม่คืนให้นะครับ”

“ไม่ต้อง ๆ ไม่ได้มีราคาหรอก จอมยุทธ์ไม่ต้องคิดมาก” เจ้าของแก้วน้ำตื่นเต้นอย่างมากถึงขั้นเรียกอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธ์ด้วยสีหน้ายกย่องนับถือ

เสียวหลี่มองยามสองคนพลางถามเสียงเบา “พวกคุณจะเดินไปเองหรือให้ผมเชิญพวกคุณไป?”

“ไปเอง…ไปเอง…จอมยุทธ์ตามสบายเลย…” ยามตัวสั่นระริกจะกล้าไล่อีกฝ่ายได้ที่ไหนกัน ใช่ว่าอยากรนหาที่ตายสักหน่อย

เสียวหลี่ถอยไปอยู่หลังเหมยเหมยอย่างพึงพอใจ ยืนเฝ้าเหมือนคิงคองที่อยู่เงียบ ๆ น่าเคารพยำเกรง

หร่วนหวาไฉ่ที่อยู่บนเวทีใจหล่นวูบนึกโทษในความโชคร้ายแต่ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ นับตั้งแต่เจิ้งซื่อหลินถูกนางแพศยาจ้าวเหมยจับเข้าคุกไปบ้านเขาก็เงียบเป็นป่าช้า ไม่มีแม้แต่แมลงวันสักตัวบินเข้ามาอีก

ครอบครัวมีอีกหลายชีวิตรอข้าวกิน ไหนจะมีอีกหลายชีวิตนอกบ้านอีก หากใช้เงินที่มีอยู่ไปวัน ๆคงอยู่ได้ไม่เกินสองปี เขามาฮ่องกงก็เพื่อตั้งตัวใหม่ หากราบรื่นละก็เงินเลี้ยงชีพตอนบั้นปลายชีวิตคงไม่มีปัญหา

“แม่เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งหล่อนไม่มีสิทธิ์มาปฏิวัติสำนักแทนท่านอาจารย์ เรื่องพวกนั้นเป็นแค่เรื่องที่หล่อนทำเองฝ่ายเดียวเท่านั้น ฉันหร่วนหวาไฉ่ยังคงเป็นลูกศิษย์ของสำนักเหยียน นอกจากท่านอาจารย์กับศิษย์พี่เซี่ยทิงเทาแล้วใครก็ไม่มีสิทธิ์มาขับไล่ฉัน”

หร่วนหวาไฉ่มองเหมยเหมยอย่างไร้ความสำนึกผิด เซี่ยทิงเทาหายตัวไปหลายสิบปีคงตายไปแล้วอย่างแน่นอน สองแม่ลูกเหยียนซินหย่าไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเขา

…………………

ตอนที่ 1775 แตกฮือ

แม้หร่วนหวาไฉ่เคยใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาก่อนแต่เขากลับมีความคิดหัวโบราณและดูถูกผู้หญิงอย่างมาก ความดูถูกหยามเหยียดแบบนี้ถูกสื่อผ่านสีหน้าท่าทางของเขาอย่างชัดเจน

แต่เขากลับลืมไปว่าตอนนี้อยู่ในยุคปีเก้าศูนย์ หนำซ้ำยังอยู่ในเมืองที่เทคโนโลยีเศรษฐกิจก้าวหน้าอย่างฮ่องกง ถ้อยคำแบบนี้ของเขาเท่ากับกำลังหยดน้ำมันลงบนกองไฟอย่างไม่ต้องสงสัย พลันก็เกิดพลุประกายไฟออกเป็นวงกว้าง

“หร่วนหวาไฉ่คุณชอบอ้างว่าแม่ฉันเป็นผู้หญิงเลยไม่ยอมรับว่าแม่ฉันเป็นผู้สืบทอดสำนักเหยียน เหอะ แม่ฉันเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณตาและยังได้รับคำชี้แนะจากคุณตามาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างแม่ฉันก็ประสบความสำเร็จในวงการศิลปะไม่น้อย คุณมีสิทธิ์อะไรมาหาว่าแม่ฉันไม่มีสิทธิ์? หรือแค่เพราะแม่ฉันเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ?”

เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่งพลางชี้ไปยังเหล่าผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ก่อนจะตะโกนพูดเสียงดังว่า “ผู้หญิงแล้วไงล่ะ? บูเช็กเทียน ราชินีวิคตอเรีย…ก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น แล้วก็ไนติงเกล มารีคูรี…พวกเธอแย่กว่าผู้ชายตรงไหน? อย่างน้อยก็เก่งกว่าคนที่ไร้คุณธรรมหน้าไม่อายอย่างคุณหลายร้อยเท่าหมื่นเท่า!”

“ใช่…ผู้หญิงไม่ได้แย่กว่าผู้ชายตรงไหนเลย สิ่งที่ผู้ชายทำได้ผู้หญิงก็ทำได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่ผู้หญิงทำได้ผู้ชายกลับทำไม่ได้” เหล่าผู้ชมที่เป็นผู้หญิงล่างเวทีถูกเหมยเหมยจุดอารมณ์ขึ้นมา ความเคารพนับถือที่มีต่อหร่วนหวาไฉ่ก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังทั้งหมด เริ่มมีเสียงไม่พอใจดังขึ้นมาเรื่อย ๆ

“นั่นสิ ผู้หญิงขับเครื่องบินได้ขับยานอวกาศขับเรือดำน้ำได้ รู้ศิลปะรู้ตำราหนังสือ ข้างนอกเป็นหญิงแกร่งในที่ทำงานได้ กลับบ้านไปก็เป็นภรรยาที่ดีแม่ที่ดีได้เหมือนกัน ผู้ชายทำได้ไหมล่ะ?”

“อย่างเดียวที่ผู้ชายทำไม่ได้ก็คือพวกเขามีลูกได้ไหมล่ะ? คงไม่มีแม้แต่ไข่สักฟองเดียวด้วยซ้ำ!”

“นั่นสิ เงินเดือนฉันสูงกว่าสามีของฉัน ลูกฉันก็เป็นคนคลอดมาเอง ค่าผ่อนบ้านค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันฉันรับผิดชอบเกินครึ่ง งานประชุมผู้ปกครองของลูกงานอบรมสั่งสอนลูกหรือลูกป่วยก็เป็นเรื่องของฉันทั้งหมด ผู้ชายก็เหลือประโยชน์แค่บนเตียงเท่านั้นแหละ”

“ฉันเหมือนกับเธอเลย ปัญหาคือแม้แต่เรื่องบนเตียงสามีฉันก็ใช้ไม่ได้ สามนาทีก็เสร็จแล้ว ฉันยังไม่ทันเตรียมตัวดีเลย!”

“ผู้ชายแบบนี้เธอเก็บไว้ไม่รู้สึกรังเกียจบ้างเหรอ?”

“ฉันปรึกษากับทนายแล้ว ลูกและบ้านเป็นของฉัน ให้เขาออกไปตัวเปล่า!”

……

เหมยเหมยมองเหล่าผู้หญิงที่ส่งเสียงลุกฮือขึ้นมาด้วยสีหน้าตกตะลึง ณ เวลานี้กลายเป็นงานประชุมความไม่พอใจที่มีต่อบรรดาสามีไปแล้ว เธอไม่รู้เลยว่าเหล่าหญิงแกร่งที่ภายนอกดูสวยงามสดใสนี้จะมีเรื่องไม่พอใจอยู่มากขนาดนี้!

ส่วนผู้ชมเพศชายอื่น ๆก็ยิ้มเก้อปนอึดอัดน้อย ๆ แอบตีตัวออกห่างพวกผู้หญิงที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วย พวกเขาน่าสงสารจัง!

ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่กลุ่มผู้หญิงพวกนี้กำลังพูดถึงเลย!

ภายในงานเกิดความวุ่นวายจนอยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว พวกผู้หญิงที่สั่งสมอารมณ์มาเป็นเวลานานในที่สุดก็เจอทางออกสักที พวกเธอต่างพรั่งพรูคำด่าทอสามีตัวเองออกมายิ่งกว่าของเสียอย่างหนำใจ

มีผู้หญิงหลายคนถึงขั้นตัดสินใจว่ากลับไปจะเรียกทนายฟ้องหย่าสามีด้วย!

“ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว ฉันจะฟ้องหย่าผู้ชายเลว ๆ ใช้ชีวิตอยู่กับลูกอย่างมีความสุข อย่างมากถ้ากลางคืนเหงาก็ไปซื้อกินก็ได้!” มีผู้หญิงคนหนึ่งโพล่งขึ้นอย่างตรงไปตรงมาและได้รับการสนับสนุนจากผู้หญิงทั้งกลุ่ม

“ฉันแนะนำร้านบาร์โฮสร้านหนึ่งให้เธอเอง หนุ่ม ๆที่นั่นทั้งหล่อทั้งล่ำ แถมปากยังหวานอีกด้วย รับรองว่าเก่งกว่าสามีเธอร้อยเท่า!”

…………

เหมยเหมยทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทำไมถึงกลายเป็นงานประชุมปรึกษาร้านบาร์โฮสได้ล่ะเนี่ย?

กล้าหาญเกินไปแล้ว!

แต่ก็สะใจดีจริง ๆ!

ให้พวกผู้ชายที่ดูถูกผู้หญิงฟังเถอะ จุดจบของการไม่ให้เกียรติผู้หญิงก็จะถูกผู้หญิงทอดทิ้ง!

เหมยเหมยตะโกนเสียงออกโทรโข่งว่า “พี่ ๆทั้งหลายใจเย็นก่อนนะคะ ปัญหาอื่นอีกเดี๋ยวพวกพี่ค่อยไปคุยกันเป็นการส่วนตัว ฉันขอสะสางปัญหาภายในก่อนได้ไหมคะ?”

“ได้…เราสนับสนุนเธอ!”

……………………..