มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1399

อีกทั้งอสูรดูดจิตโบราณยังครอบกลั่งพลังกลั่นวิญญาณวิญญาณ อาหารหลักของมันคือช่องจิตของ ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมาร ภายในนั้นเต็มไปด้วยพลังงานวิญญาณอันบริสุทธิ์ของผู้แข็งแกร่งโลกยุทธ์ อสูรโบราณใช้พลังงานวิญญาณเหล่านี้เป็นสารอาหาร เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการวิวัฒนาการ

“โฮก!”

กรงเล็บสีดําที่ดุร้ายทั้งแปดตะครุบเข้าไปในอนัตตา ร่างกายขนาดมหึมาของอสูรดูดจิตโบราณทำให้ทางปริภูมิถูกยัดจนเต็มแน่น

ทันใดนั้นดวงตาสีแดงเข้มคู่หนึ่งน่าเกรงขาม ก็หันมามองทางหลัวซิว ส่งเสียงดังคำราม

“ผุ!”

ลำแสงหนึ่งถูกพ่นออกมาทางปากของอสูรดูดจิตโบราณ ลอยไปทางหลัวซิว

หลัวซิวเงื้อมมือออกไปจับลำแสงนั้นไว้ พบว่าที่แท้คือแหวนเก็บของ ไม่ต้องคิดก็สามารถรู้ได้ทันที เจ้าของแหวนนี้ต้องเป็นซือถูเจิ้งเจี้ยนอย่างแน่นอน

อนัตตาแยกออก เมื่อหลัวซิวหันกลับไปมองทางอสูรดูดจิตโบราณอีกครั้ง เจ้าอสูรโบราณที่หยิ่งผยองและแปลกประหลาดเป็นเอกลักษณ์ได้หายเข้าไปในอนัตตาเสียแล้ว

ปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทิน เกราะเทพเวหากาลทั้งหมดเก็บเข้าไปในร่างของเขา ภาพมายาดาราบรรพกาลก็สลายไปตามไปด้วย หลัวซิวมีอาการทรุดหนักไปทั้งตัว

ก่อนนี้เขาก็เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อน อย่างเช่นครั้งนั้นที่ปลุกผู้เป็นอมตะในแดนนานาอสูร รวมทั้งทุกครั้งที่กระตุ้นผู้เป็นอมตะ ต่างก็ต้องอยู่บนขอบของชีวิตและความตาย

แต่ว่านับตั้งแต่ที่พลังผลการฝึกตนของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกราวกับกำลังเข้าใกล้ความตายเช่นนี้

ผลการแว้งกัดของสำนักเต๋าเสวียนเทียน การแผดเผาของเปลวไฟฮู้เทพระดับเจ็ด เผาผลาญพลังและเลือด เขารู้สึกว่าสติของเขาพร่ามัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นร่างกายของเขาก็ล้มลง และร่างกายที่แตกร้าวก็ยังคงมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา

“เหวิง!……”

ออร่าชีวิตได้ปะทุขึ้นมาภายในร่างกายของเขา ผู้เป็นอมตะที่ไม่ได้เจอกันมานานถูกปลุกขึ้นในตอนที่เขากำลังจากตายลง

พลังยิ่งแข็งแกร่งมาก การสัมผัสกับผู้เป็นอมตะก็ยิ่งลำบากมากขึ้นไปด้วย เพราะนักยุทธ์ที่มีพลังแข็งแกร่ง เมื่ออยู่ในสภาวะใกล้ตายในระหว่างการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย นั่นหมายความว่าคู่ต่อสู้ต้องมีพลังอย่างมากและสามารถถูกฆ่าได้ตลอดเวลา

แต่ผู้เป็นอมตะ เมื่อถูกกระตุ้นขึ้นแล้ว ตราบใดที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มันจะทำลายและยืนหยัดขึ้นใหม่ เกิดการเปลี่ยนแปลงและขัดเกลาอีกครั้งอย่างสมบูรณ์

แสงแห่งชีวิตหลายสายต่างสลายออกมาจากภายในร่างกายของหลัวซิวแล้วแสงหลายดวงก็พันกันก่อตัวเป็นแสงรังไหมสีขาวปิด ผนึกร่างกายของเขาไว้อย่างแน่นหนา

……

โลกเสวียนเทียน ด้านนอกสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน

สำนักเซียนไร้เจตสิกบุกรุกเต็มกำลัง รวมเทพฟ้าทั้งแปดที่มาพร้อมกับถึงซือถูเจิ้งเจี้ยนด้วย ทั้งหมดมีผู้แข็งแกร่งแดนเทพฟ้า 18 ตน

เทพฟ้าสองตนสามารถบังคับค่ายใหญ่อลวนไร้ผลค่ายหนึ่งได้ กลายเป็นยักษ์จ้าวนภา มีความพลังที่น่ากลัวที่จนแทบจะสามารถทำลายฟ้าดินได้

ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งของยักษ์จ้าวนภาหมื่นฟุตเก้าตน ค่ายพิทักษ์เขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินโอนเอนไปมาเหมือนจะล้มลง ใกล้จะถึงขั้นพังทลายแล้ว

ค่ายพิทักษ์เขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์ เป็นตาค่ายโดยใช้อัญบัลลังก์แห่งสำนักของสำนักเต๋าเสวียนเทียน ในเวลานี้เฟิ่งหวูซินรวมถึงผู้อาวุโสและผู้อาวุโสไท่ซ่างทุกคนต่างก็รวมตัวกันที่บริเวณใกล้ ๆ ของสำนักเต๋า ใช้พลังกฎภายในร่างกายครอบคลุมสำนักเต๋าเอาไว้อย่างต่อเนื่อง

“จ้าวศักดิ์สิทธิ์ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ใช่ทางแก้ รากฐานของสำนักเซียนไร้เจตสิกแข็งแกร่งเกินไป ผู้แข็งแกร่งมากเกินไป หากเทียบการสูญเสียพลังพวกเราไม่มีทางเทียบได้ เมื่อใดที่ผลการฝึกตนของพวกเราหมดสิ้น ค่ายใหญ่ถูกทำลาย ทุกอย่างก็จะจบลง!” ผู้อาวุโสไท่ซ่างผู้หนึ่งเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

สำหรับในจุดนี้ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครสามารถคิดหาทางออกให้กับปัญหาได้

“จ้าวศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้นท่านก็ไปเถิด พวกเราที่แก่ชราจะอยู่ที่นี่เพื่อรักษาสำนักศักดิ์สิทธิ์เอาไว้จนตัวตาย”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ชายชราคนหนึ่งก็ถอนหายใจและพูดออกมา