เครื่องบินของตระกูลเย่ บินขึ้นในความมืด และด้วยความเร็วที่สุด บินตรงไปยังภูเขาฉางไบ

เครื่องบินลำนี้เร็วกว่าเครื่องบินทั่วไปจริงๆ แม้แต่เย่เฉินเองก็ยังชื่นชม ถึงว่าตระกูลเย่ถึงได้ก้าวขึ้นสู่สุดยอดตระกูลใหญ่แห่งประเทศจีนได้ แค่เรื่องเครื่องบินแค่นี้ ก็ยังไม่เหมือนใคร

ในเมืองสำคัญในประเทศ มีเครื่องบินแบบนี้เตรียมพร้อมอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าคนในตระกูลจะไปถึงก่อนคนอื่นได้ ในสถานการณ์ที่รีบร้อน ขอเพียงไปถึงก่อน ก็อาจจะมีชัยชนะมาครอบครองแล้ว

เฉินจื๋อข่ายบอกกับเย่เฉินว่า “คุณชายครับ จริงๆ แล้วตระกูลเย่ยังมีเครื่องบินที่เร็วกว่านี้ แต่เครื่องลำนั้นมีแค่ลำเดียว ถูกนายท่านเก็บไว้ในโรงจอดในสนามบินเย่นจิง”

“อ่อหรือ? ” เย่เฉินก็ถามอย่างสงสัยว่า “ยังมีเครื่องบินที่เร็วกว่านี้อีกหรือ? ”

“ใช่ครับ!” เฉินจื๋อข่ายพยักหน้าพูดว่า “ไม่ทราบคุณเคยได้ยิน เครื่องบินเสเหอไหม? หลายปีก่อน ประเทศฝรั่งเศสเปิดตัวเครื่องบินที่เร็วกว่าความเร็วเสียง เครื่องบินแบบนี้สามารถใช้ความเร็วได้เร็วกว่าความเร็วเสียง2เท่า ด้วยความเร็ว2150กิโลเมตร ต่อชั่วโมง”

เย่เฉินก็พูดอย่างอึ้งๆ ว่า “เครื่องบินเสเหอ ผมเคยได้ยิน แต่ว่าเครื่องบินรุ่นนี้ ถูกยกเลิกไปแล้วไม่ใช่หรือ? ”

เฉินจื๋อข่ายตอบว่า “ยกเลิกไปในสายตาคนทั่วไปเท่านั้นครับ ก็เพราะว่าเครื่องบินรุ่นนี้ มันบินเร็วเกินไป ค่าใช้จ่ายสูง แล้วเสียงที่ออกมาจากการบินเร็วกว่าเสียงนั้น มันดังมาก คนทั่วไปจ่ายไม่ไหว แต่หลังจากถูกยกเลิกไป ก็มีอยู่4ลำที่สภาพดี แล้วถูกตระกูลใหญ่ๆ ในโลกนี้ซื้อไป หลังจากซื้อไป เครื่องบินพวกนี้ก็จะถูกดูแลเป็นอย่างดี”

เย่เฉินก็อึ้ง

ไม่คิดเลยว่าปู่ของตนเองจะมีเงินขนาดนี้ ถึงได้ซื้อเครื่องบินเสเหอเองเลย

แต่ก็ด้วยเหตุนี้ ถึงได้รู้ว่าคนรุ่นก่อนเขามีกำลังมีความคิด ที่จะสร้างกิจการมากเพียงใด

อย่ามองว่าเครื่องบินเสเหอเป็นของราคาแพง แต่พอมีมันอยู่ ในช่วงเวลาที่สำคัญ นายท่านสามารถไปถึงก่อนใครได้ถึง3เท่า

เครื่องบินส่วนตัวธรรมดา อย่างมากก็บินได้แค่800-900กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เครื่องบินเสเหอ สามารถเร็วกว่านั้น2.5เท่า!

ถ้าหากว่ามีการซื้อขายกันในราคาพันล้านดอลลาร์ แล้วต้องรอไปเซ็นสัญญาที่อเมริกา ใครที่เป็นคนไปเซ็นสัญญาได้ก่อนล่ะก็ ตระกูลเย่ก็จะเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถบินไปเซ็นสัญญาได้

เครื่องบินคนอื่นจะต้องบินถึง12ชั่วโมง แต่เครื่องบินลำนี้ต้องการเพียงแค่5ชั่วโมงเท่านั้น เท่ากับว่า คนอื่นๆ ยังไปไม่ถึง เขาก็สามารถเซ็นสัญญาได้เรียบร้อยแล้ว

……

ผ่านไป2ชั่วโมง เครื่องบินที่เย่เฉินนั่ง ก็ลงจอดที่สนามบินภูเขาฉางไบ

ในตอนนี้ ข้างๆ รันเวย์ ก็มีเฮลิคอปเตอร์มาจอดรอแล้ว

หลังจากเย่เฉินลงจากเครื่องบิน ก็ถามเฉินจื๋อข่ายว่า “ไปถามทางสนามบินหน่อย เครื่องบินส่วนตัวของตระกูลอู๋มาลงจอดที่นี่หรือยัง”

เฉินจื๋อข่ายก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ไม่นาน เขาก็มาพูดกับเย่เฉินอย่างมีมารยาทว่า “คุณชายครับ เป็นอย่างที่คุณคิดเลย ทางสนามบินเพิ่งได้รับคำขอจากเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่ง พวกเขาจะขอลงจอดในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า”

เย่เฉินก็พยักหน้าอย่างพอใจ “ได้เปรียบหนึ่งชั่วโมงก็มากพอใจ ไปเถอะ พวกเราไปชมวิวที่ตีนเขาฉางไบกัน!”

จากนั้น เขาก็เดินเข้าไปยังเฮลิคอปเตอร์

เฉินจื๋อข่าย หงห้า และเว่ยเลี่ยงก็ตามเข้าไป

เฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้นทันที มุ่งหน้าไปยังตีนเขาฉางไบ ด้วยความเร็ว

ในตอนนี้ทีจินหลิงก็ตี4กว่าแล้ว เนื่องจากเป็นฤดูหนาว ในตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟ้าสางเลย

แต่ว่า พระจันทร์บนท้องฟ้า ก็ยังสามารถส่องสว่างให้เห็นเป็นรางๆ บนพื้นโลก

เฮลิคอปเตอร์บินออกสนามบินไป อ้อมเขตเมืองไป ด้านหน้าก็เป็นภูเขาฉางไบที่สูงใหญ่

รูปร่างของภูเขาฉางไบภายใต้แสงจันทร์ ก็ชัดเจนกว่าปกติ เนื่องจากทั้งเทือกเขาถูกหิมะปกคลุม แล้วมีแสงจันทร์ส่องลงมา ยิ่งทำให้สวยงามมาก

หลังจากนั้น40นาที เฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดที่หนึ่งกิโลเมตรจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง

———-