ในสายตาของเหล่าคนใหญ่คนโตเมืองนครหยก หวงฝู่เซ่าอวี่เปรียบเสมือนตำนาน มีฐานะและพลังที่เพียงพอจะทำให้พวกเขาชื่นชมและถึงขั้นเกรงขาม

ก็เพราะการดำรงอยู่ของเขา ทำให้ตระกูลหวังที่นับเป็นขุมอำนาจชั้นรอง ในช่วงหลายปีมานี้กลายเป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งของเมืองนครหยกในคราเดียว

และก็เพราะการปรากฏตัวของเขาในตอนนี้ ทำให้คนใหญ่คนโตเหล่านี้ต่างวางงานในมือลง มารวมตัวกันที่ตระกูลหวังในวันนี้

มิฉะนั้นด้วยอิทธิพลของหวังเทียนสิงคนเดียว ยังไม่ถึงขั้นทำให้พวกเขาทำถึงขนาดนี้

แต่ตอนนี้หวงฝู่เซ่าอวี่กลับถูกโจมตีจนปลิวออกไปในฝ่ามือเดียว แก้มบวมแดง ฟันหลุดร่วง ร่างกายสั่นเทา!

ทุกคนต่างงงเป็นไก่ตาแตก รู้สึกเหมือนภูเขาลูกใหญ่ถล่มลงตรงหน้ากะทันหัน!

“เจ้า… เจ้ากล้า…”

หวังจื่อหลวนกรีดร้อง

ใช่ เขากล้าได้อย่างไร

ใครให้ความกล้าแก่เขา

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

ห่างออกไปหวงฝู่เซ่าอวี่คลานขึ้นมา โกรธจนตาแทบถลน ในเสียงเต็มไปด้วยความเดือดดาล ถูกตบจนปลิวในฝ่ามือเดียวท่ามกลางสายตาของทุกคน ความอับอายนี้เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำให้เขาแทบคลั่งแล้ว

“คุกเข่า”

จู่ๆ บนตัวหลินสวินก็แผ่อานุภาพน่ากลัว พลันเห็นหวงฝู่เซ่าอวี่ล้มหน้าคว่ำลงพื้น ศีรษะถูกกดจนแนบอยู่กับพื้น ไม่สามารถเงยขึ้นมาได้อีก

เขาอยากจะตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้แม้แต่น้อย

สุดท้ายภายใต้ความโกรธที่คุกคามจิตใจก็โมโหจนเป็นลมไป

ถึงตอนนี้ทุกคนในห้องโถงหมดหวังอย่างสิ้นเชิงแล้ว ขนพองสยองเกล้า ตอนที่มองหลินสวินอีกครั้งสายตาได้แฝงความหวาดกลัวที่ยากจะปกปิด

นี่… ใช่เจ้าโง่นั่นจริงๆ หรือ

จู่ๆ หวังเทียนสิงก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ เมื่อครู่นี้พ่อบ้านของเขามารายงานว่าหอสุราแห่งหนึ่งในเมืองเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น คุณชายตระกูลร่ำรวยหลายคนในเมืองถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร

สิ่งเดียวที่รู้คือ หลินสวินเคยปรากฏตัวนอกหอสุรา

ตอนนั้นหวังเทียนสิงยังหลุดขำ คิดว่านี่ไม่มีทางเป็นเรื่องที่คนโง่คนหนึ่งสามารถทำได้แน่

แต่ตอนนี้หวังเทียนสิงกลับรู้สึกว่าตนเหมือนคนโง่คนหนึ่ง หลายปีผ่านไป เขากลับไม่รู้ว่าเจ้าโง่นั่นจะกลายเป็นบุคคลที่น่ากลัวขนาดนี้!

“ตอนนี้ ดูเหมือนทุกคนไม่มีอะไรจะพูดแล้ว งั้นก็เริ่มคิดบัญชี”

หลินสวินพูดเรียบๆ

นอกห้องโถงหิมะโปรยปราย ลมหนาวเสียดกระดูก

แต่เมื่อเทียบกันแล้วทุกคนต่างพบว่า คำพูดของหลินสวินเย็นเยียบยิ่งกว่า เย็นจนทำให้ร่างกายและเลือดของพวกเขาแทบจะแข็งตัวแล้ว

คิดบัญชี!

จะเป็นเรื่องดีได้อย่างไร

“หลิ่วหง เจ้ารู้ความผิดหรือไม่”

หลินสวินถาม

“ข้า… ข้ามีความผิดตรงไหน เจ้าจะคิดบัญชี อย่างน้อยก็ต้องให้ข้ารู้ว่าข้าทำอะไรผิดไม่ใช่หรือ”

หลิ่วหงคุกเข่าลงกับพื้น ฝืนเอ่ยคำพูด

ฟุ่บ!

ไอกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมา เฉือนศีรษะของเขาลง เลือดสดสาดกระเซ็นออกมา

ทุกคนต่างขนลุกซู่

นี่เป็นถึงรองเจ้าเมืองคนหนึ่งนะ กลับถูกฆ่าง่ายๆ เช่นนี้!

ส่วนหลินสวินได้เคลื่อนสายตามองไปยังชายวัยกลางคนอ้วนเตี้ยในชุดคลุมหรูหราคนนั้นพร้อมพูดว่า “เฉียนคุนหลง เจ้ารู้ความผิดหรือไม่”

เฉียนคุนหลงผู้นำตระกูลเฉียน เพียงแต่ตอนนี้เขาตกใจจนเหงื่อโชก พูดปากสั่นระริก “ให้ข้าคิดก่อน ข้า…”

ฟุ่บ!

ไอกระบี่พุ่งออกมา เฉือนศีรษะของเขาลง

หลินสวินในตอนนี้เห็นชัดว่าไม่มีความอดทนยิ่ง ไม่ยอมถามและไม่ยอมรอ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้คนใหญ่คนโตเหล่านั้นสิ้นหวัง

“หลินสวิน ฆ่าพวกข้าแล้ว ตระกูลหลินของเจ้าก็อย่าคิดจะมีที่ยืนในเมืองนครหยกอีก!”

ชายชราผอมสูงคนหนึ่งตะโกนอย่างเดือดดาล

ฟุ่บ!

ทันทีที่สิ้นเสียง ศีรษะของเขาก็ร่วงหล่น

หลินสวินไม่ได้มองเขาตรงๆ แม้แต่ครั้งเดียว สายตามองไปทางบันฑิตวัยกลางคนที่ขาวสะอาดไร้มลทินพร้อมพูดว่า “ฉู่ไหวเจิน เจ้ารู้ความผิดหรือไม่”

อีกฝ่ายคุกเข่าลงพื้นดังพรวด โอดครวญว่า “ข้ารู้ความผิดแล้วๆ ของที่แย่งตระกูลหลินมา ข้ารับรองว่าจะคืน ไม่ใช่ คืนเป็นสิบเท่า ขอเพียงแค่คุณชายหลินยกโทษให้ข้าสักครั้ง!”

“โทษตายเว้นได้ โทษเป็นยากจะหนี”

เพิ่งจะสิ้นเสียงของหลินสวิน ไอกระบี่สายหนึ่งโฉบออกมา แทงทะลุจุดชี่ไห่ ทำลายพลังปราณของเขา

สีหน้าของฉู่ไหวเจินหม่นแสง ราวกับแก่ขึ้นหลายปีในชั่วพริบตา ริมฝีปากของเขาขยับอยู่นาน สุดท้ายพูดอย่างขมขื่น “ขอบคุณคุณชายหลินที่ละเว้น”

สายตาของหลินสวินมองไปยังคนต่อไป เพียงแต่ไม่รอเขาอ้าปากคนผู้นั้นก็ลงไปคุกเข่าบนพื้นแล้ว พร้อมน้อมคำนับเอ่ย “ข้าเองก็ยอมรับผิด คุณชายหลินโปรดเมตตา ข้ารับรองว่าจะคืนทุกอย่างที่เอามาจากตระกูลหลินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา!”

ตุบๆๆ

จากนั้นเหล่าคนใหญ่คนโตที่อยู่ในโถงต่างก็รับบรรยากาศนองเลือดที่กดดันน่ากลัวนี้ไม่ไหว คุกเข่าลงพื้นคร่ำครวญอ้อนวอน

สุดท้ายหวังเทียนสิงเองก็เข่าอ่อน คุกเข่าลงพื้น ใบหน้าถอดสี

เขารู้ว่าครั้งนี้ตระกูลหวังประสบเคราะห์แล้ว!

แม้จะเดือดดาลไม่จำยอมแค่ไหน เขาก็ทำได้เพียงก้มหัว

แม้เขาจะไม่สามารถรับได้แค่ไหน ก็ทำได้เพียงคุกเข่าลงพื้น

เพราะตระกูลหวังไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว ยังมีคนในตระกูลอีกมากมาย อยากจะปกป้องสายเลือดก็ต้องเสียสละ

“ท่านพ่อ…”

หวังจื่อหลวนหัวสมองว่างเปล่า ราวกับสูญเสียพลังทั้งหมด อ่อนยวบไปกับพื้น

ตอนนั้นนางเคยไปหาเด็กหนุ่มที่ถูกมองว่าเป็นเจ้าโง่ด้วยความเดือดดาล เสียดสี หัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงใจสักนิด

แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านไปสิบกว่าปี เด็กหนุ่มที่เป็นเหมือนคนโง่คนนั้นกลับปรากฏตัวตรงหน้าด้วยวิธีเช่นนี้

สามีที่นางภาคภูมิใจ บิดาที่เป็นที่พึ่งพิง ล้วนคุกเข่าอยู่ใต้เท้าเขา!

ชั่วขณะนี้จู่ๆ หวังจื่อหลวนก็คิดได้ว่า หากตอนนั้นตนไม่ได้ถอนหมั้น… ก็จะไม่เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ใช่หรือไม่

น่าเสียดายที่บนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง

นอกโถงเสี่ยวเฉ่าตกใจจนอ่อนระทวยไปทั้งตัวแล้ว คุกเข่าอยู่บนพื้น จ้องทุกสิ่งอย่างไม่คลาดสายตา รู้สึกไม่สมจริงสักนิด

เดิมทีนางคิดว่าหลินสวินจะถูกยอดฝีมือของตระกูลหวังฆ่าตาย ไม่มีทางรอดออกไปอีก

แต่ตอนนี้นางมองเห็นอะไร

คนใหญ่คนโตที่สามารถเรียกลมเรียกฝนของเมืองนี้ล้มลงใต้เท้าหลินสวินคนแล้วคนเหล่า บางคนตายไปแล้ว บางคนแม้ไม่ตายก็ไม่ต่างอะไรกับตาย…

แม้แต่หวงฝู่เซ่าอวี่ยังเห็นชัดว่าไม่เอาไหนและต้อยต่ำขนาดนั้น…

“เขา… เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ…”

เสี่ยวเฉ่าขวัญหนีดีฝ่อ ในใจถูกความเคียดแค้นไร้จำกัดเข้าแทนที่ นางรู้ว่าที่หลินสวินไม่ฆ่านาง ก็เพราะอยากให้นางเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตา

“หากเจ้าไม่ตอบแทนคุณด้วยความแค้น แม้เจ้าจะถวายชีวิตให้กับตระกูลหวัง แต่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตข้าก็จะให้อนาคตที่ไร้กังวลไปทั้งชีวิตกับเจ้า น่าเสียดายที่เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก”

เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู ทำให้เสี่ยวเฉ่าที่ตกอยู่ในภวังค์ได้สติขึ้นมา ตอนที่เงยหน้าขึ้นนางก็เห็นว่าหลินสวินมายืนอยู่ตรงหน้านางไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร สีหน้าไม่สุขไม่เศร้า ไร้ซึ่งอารมณ์

“ข้า… แก้ตัวได้หรือไม่”

เสี่ยวเฉ่าเผยสีหน้าอ้อนวอน

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก แต่เจ้าเองก็รู้ดีว่าหลังจากนี้ขอเพียงแค่ข้าหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ คงไม่มีใครกล้ารับเจ้าไว้อีกเช่นกัน อยากจะมีชีวิตรอด… ก็ทำได้แค่พึ่งตัวเอง สร้างบุญกุศลให้มากเถิด”

หลินสวินพูดจบก็ก้าวเท้าออกไป

“นายน้อย นายน้อย…!”

เสี่ยวเฉ่าปล่อยโฮ อยากไล่ตามไป แต่ยังมีเงาร่างของหลินสวินเสียที่ไหน

กลางฟ้าดินนี้เต็มไปด้วยหิมะหนาขาวโพลน!

……

วันนี้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตระกูลหวังทำให้เกิดความฮือฮาทั่วทั้งเมืองนครหยก เสียงตกใจและโกลาหลนับไม่ถ้วนดังก้องอยู่กลางฟ้าดินที่หิมะโปรยปราย

ใครจะคิดว่านายน้อยตระกูลหลินที่ถูกมองเป็นตัวตลกมายี่สิบกว่าปี จะใช้วิธีอันนองเลือดเช่นนี้แก้แค้นให้กับพ่อแม่!

และไม่มีใครคิดว่าผู้แข็งแกร่งรวมทั้งคนใหญ่คนโตอย่างหวงฝู่เซ่าอวี่ หวังเทียนสิงและหลิ่วหง ยังถูกเหยียบอยู่ใต้เท้าของคนผู้นี้ราวกับมดปลวกที่เปราะบาง

คนใหญ่คนโตหลายคนตายไปแล้ว

และอีกหลายคนถูกทำให้พิการ

หวังจื่อหลวนเองก็ตายแล้ว น้องชายของนางหวังจื่อหลงก็ไม่รอดเช่นกัน ถูกกระดูกไก่ชิ้นหนึ่งแทงทะลุลำคอ ก่อนตายถึงกับเบิกตาโพลงเต็มไปด้วยความไม่จำยอม

คงคิดไม่ถึงว่าเมื่อวานเพิ่งโยนกระดูกชิ้นหนึ่งให้หลินสวิน วันถัดมาก็ได้กระดูกชิ้นนั้นคืนมาแล้ว

สรุปแล้ววันนี้คนใหญ่คนโตในเมืองนครหยกตายไปมากมาย ในช่วงเวลาหลังจากนั้นขุมอำนาจในเมืองนครหยกก็เกิดการสับเปลี่ยนครั้งหนึ่ง

ตระกูลหวังที่อิทธิพลล้นฟ้ามาสิบกว่าปีในเมืองนี้ก็เสื่อมถอยไปด้วยเหตุนี้ ก้าวสู้กับดับสูญ…

หลังจากไปจากตระกูลหวัง หลินสวินได้กลับไปที่ตระกูลหลิน ตอนนั้นตระกูลหลินยังไม่รู้เรื่องที่เขาทำ

หลินสวินเองก็ไม่ได้อธิบาย เพียงบอกคนในตระกูลที่มองตนอย่างรังเกียจและต่อต้านประโยคหนึ่ง “ความแค้นของพ่อแม่ ข้าได้แก้แค้นแล้ว ความแค้นของวงศ์ตระกูล ข้าก็ทวงกลับมาแล้ว ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ตระกูลหลินก็จะไม่ถูกทำลาย แต่พวกเจ้าจะตายหรือไม่ ต่อไปก็ไม่เกี่ยวกับข้าอีก ใครกล้าอ้างชื่อข้าไปทำอะไร อย่าโทษที่ข้าจะทำลายญาติเพื่อความเป็นธรรม!”

พูดจบก็หมุนตัวออกไป

ตอนนั้นเหล่าคนตระกูลหลินยังสีหน้าเย้ยหยันเต็มประดา ถึงขั้นอยากจะให้หลินสวินรีบหายไปจากตรงหน้า จะได้ไม่ทำให้พวกเขาขายหน้าเพราะคนบ้าคนนี้

ส่วนเรื่องอ้างชื่อหลินสวินไปทำอะไรยิ่งเป็นไปไม่ได้ ใครจะอ้างชื่อเจ้าโง่นี่กัน

สมองมีปัญหาไปแล้วหรือ!

แต่หลังจากในเมืองแพร่ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลหวังออกมา เหล่าคนตระกูลหลินก็งงเป็นไก่ตาแตก ความรู้สึกเสียใจภายหลัง เคียดแค้น ไม่จำยอมพรวดพราดขึ้นในใจ

“หลินสวินใช้ไม่ได้เกินไปแล้ว แข็งแกร่งขนาดนั้นแท้ๆ เพราะเหตุใดจนวันนี้เพิ่งเผยความสามารถที่แท้จริง มองดูตระกูลหลินของพวกเราล่มสลายตาปริบๆ น่าชังจริงๆ!”

“หึ! ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็เป็นญาติของหลินสวิน แม้พวกเราอ้างชื่อเขาแล้วอย่างไร หรือเขาจะกล้าฆ่าพวกเราจริงๆ ไม่กลัวทุกคนวิพากษ์วิจารณ์แบกรับชื่อเสียงอื้อฉาวที่ฆ่าญาติหรือ”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเดือดดาลเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ขาดสายในตระกูลหลิน

จากนั้นมีคนรวบรวมความกล้า ลงมือโดยอ้างว่าเป็นญาติผู้พี่ของหลินสวิน ยึดครองหอสุราแห่งหนึ่งในเมืองสำเร็จ

จากนั้นก็มีคนใช้วิธีว่าเป็นญาติหลินสวิน ขยายอิทธิพลของตระกูลหลินอย่างกำเริบ

จากนั้นตระกูลหลินก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นจากความตกต่ำ คนตระกูลหลินทุกคนล้วนใช้ชีวิตที่รุ่งเรืองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อีกครั้ง

และหลังจากนั้น…

ลูกหลานตระกูลหลินคนหนึ่งถูกฆ่าตายตอนที่ขัดแย้งกับคนอื่น คนร้ายหนีไปได้ ตระกูลหลินขึ้งโกรธ แต่เพราะหาคนร้ายไม่เจอจึงทำอะไรไม่ได้

จากนั้น คำพูดที่หลินสวินเคยพูดตอนออกจากตระกูลหลินไม่รู้ว่าแพร่ออกไปในเมืองได้อย่างไร

หลินสวินถึงกับตัดขาดกับตระกูลหลินแล้วหรือ

แต่ละขุมอำนาจในเมืองต่างรู้ข่าวนี้ในทันที

หลังจากนั้นเป็นต้นมา อิทธิพลที่รุ่งเรืองขึ้นของตระกูลหลินก็เริ่มประสบความพ่ายแพ้บ่อยครั้ง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ไม่เท่าไหร่ สถานการณ์ก็อันตรายขึ้นอีกครั้ง

และตั้งแต่ตอนนั้นคนตระกูลหลินจึงเพิ่งตระหนักได้ว่า หลินสวินไม่สนใจญาติอย่างพวกเขาอีกต่อไปแล้วจริงๆ…

ทันใดนั้นพวกเขาทั้งโกรธทั้งแค้น ทั้งจนปัญญา สิ่งที่มากกว่าคือความเสียใจภายหลังที่พูดไม่ออก

หากตอนนั้นไม่ไล่หลินสวินออกจากตระกูลหลิน มีเขาคอยคุมสถานการณ์ ตระกูลหลินของพวกเขาคงยึดครองเมืองนครหยกไปตั้งนานแล้วกระมัง

น่าเสียดายที่มาเสียใจภายหลังก็สายไปแล้ว

แต่ก็โชคดีที่ทุกคนล้วนรู้ว่าหลินสวินเป็นคนของตระกูลหลิน ต่อให้รู้ว่าหากเกิดความบาดหมางกับตระกูลหลิน หลินสวินก็จะไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเด็ดขาดเกินไป ด้วยกลัวว่าจะเป็นการดึงดูดให้หลินสวินออกมา

นี่ทำให้ตระกูลหลินในช่วงเวลาหลังจากนั้นแม้ไม่ได้ใช้ชีวิตที่สุขสบาย แต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงขั้นล่มสลาย

แน่นอนว่าเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องในอนาคตแล้ว

วันที่ไปจากตระกูลหลิน หลินสวินได้ออกจากเมืองนครหยกไปยังสำนักเมฆาเขียว

สามวันหลังจากนั้น สำนักเมฆาเขียวที่ถูกมองว่าเป็นสำนักอันดับหนึ่งถูกหลินสวินเหยียบจนเรียบ สลายหายไป

ใต้หล้าต่างหวาดกลัว!

——