ตอนที่ 1798 ปวดศีรษะเหมือนจะระเบิด
สยงมู่มู่ทำหน้าเหมือนสื่อความหมายว่า ‘นายกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า’ แล้วด่าว่า “เจ้าอ้วนน้ำเข้าสมองหรือไง? โลกนี้จะมีผีได้อย่างไร?”
เซียวเซ่อเองก็ทำหน้าเห็นด้วย เธอเป็นพวกไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เช่นเดียวกับสยงมู่มู่ ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าบนโลกนี้จะมีผีวิญญาณอะไรเทือกนั้น
อู่เชาเถียงกลับไปเสียงอ่อน “นายรู้ได้ไงว่าโลกนี้ไม่มีผี? ถ้าไม่มีผีจริง ๆแล้วอาจารย์ผูซงหลิงจะแต่งเรื่องผีสนุก ๆมากขนาดนั้นได้อย่างไร? ไม่แน่เขาอาจเป็นคนประสบเรื่องพวกนั้นมาเองก็ได้!”
“นายลองไปถามผูซงหลิงที่นรกดูสิ ดูสิว่าเขาเคยมีความรักกับผีมาก่อนจริง ๆหรือเปล่า อุ๊บ!” สยงมู่มู่มองเขาอย่างหยามเหยียด พูดเรื่องผีบ้าบอแบบนี้ออกมาได้ สติปัญญาน่าเป็นห่วงนะเนี่ย!
ความกลัวโหมซัดเข้ามาในใจของเหมยเหมย เธอรู้ดีกว่าใครว่ามีผีวิญญาณหรือเปล่าเพราะเธอก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างไม่ใช่หรือ?
ในเมื่อเธอสามารถฟื้นคืนชีพได้ถ้าอย่างนั้นคนอื่นก็ทำได้เช่นเดียวกัน
“ฉันคิดว่าเสี่ยวเชาพูดได้มีเหตุผลดี นอกจากใบหน้าที่ยังเหมือนเดิมแล้วโอหยางซานซานก็แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่แน่วิญญาณที่สิงสถิตในร่างเธอเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นแล้วก็ได้นะ เพียงแต่…คนคนนั้นคือใครกันแน่?” เหมยเหมยพูดพึมพำกับตัวเอง
อู่เชาพยักหน้ารัวอย่างดีใจ เหมยเหมยสิรู้ใจเขามากที่สุด เขาหมายความว่าอย่างนั้นแหละ!
เซียวเซ่อวิเคราะห์อย่างใจเย็น “ถ้าสมมติว่าเรื่องผีวิญญาณมีอยู่จริง วิญญาณของโอหยางซานซานเปลี่ยนเป็นของคนอื่น งั้นพวกเธอก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเมื่อเปลี่ยนวิญญาณไปแล้วมันไม่ได้ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางร่างกาย แล้วจะอธิบายเรื่องสี่ปีที่โอหยางซานซานไม่สูงขึ้นเลยอย่างไร?”
“บางทีเธออาจจะเป็นคนประเภทที่ไม่สูงขึ้นก็ได้นี่นา?” เหมยเหมยเอ่ยเสียงเบา
“เป็นไปไม่ได้ นอกจากว่าเธอจะป่วยเป็นโรค ภายใต้สถานการณ์ปกติไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ช่วงอายุสิบหกปีถึงยี่สิบปีต้องมีการเจริญเติบโต นอกจากว่าได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ แต่เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับตัวโอหยางซานซานหรอก”
“เราพูดแบบนี้ไปก็เปล่าประโยชน์เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีข้อมูลอ้างอิง ต้องเอาส่วนสูงขนาดจริงของโอหยางซานซานมา รวมถึงข้อมูลส่วนสูงก่อนที่หล่อนจะไปต่างประเทศมาด้วย เทียบกันก็จะกระจ่างเองแหละ” สยงมู่มู่กล่าว
“เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง แล้วจะรีบให้คำตอบนะ”
เสี่ยวอวิ๋นโทรหาลูกน้องซึ่งไม่รู้เช่นกันว่าพวกเขาจะวัดส่วนสูงของโอหยางซานซานมาได้อย่างไร
เหมยเหมยปวดศีรษะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆจนแทบทนไม่ไหวเลยขอตัวกลับไปพักผ่อนในห้อง พอคิดว่าพรุ่งนี้จะได้เจอเหยียนหมิงซุ่นแล้วเธอก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างมากและไม่รู้สึกปวดศีรษะมากอีกต่อไป
ผ่านไปอีกหนึ่งคืน
เหมยเหมยตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ไม่สดชื่นนักเพราะหลายวันมานี้เธอหลับไม่ค่อยสนิท มักจะฝันทุกคืนฝันแล้วฝันเล่าพอหลังตื่นนอนก็ลืมมันไปเสียสนิทและรู้สึกปวดศีรษะหนักกว่าเดิม
คราวนี้เธอถึงเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะอาการปวดศีรษะรอบนี้ไม่ปกติ เมื่อก่อนต่อให้พักผ่อนไม่เพียงพอแต่แค่หลับเต็มอิ่มสักตื่นก็จะหายปวดแล้ว
แต่คราวนี้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไม่ได้ผล แล้วยังปวดหนักขึ้นเรื่อย ๆจนศีรษะแทบระเบิด!
“เสี่ยวอวิ๋น หมอกู้จะกลับมาเมื่อไร?” มื้อเช้าเธอรู้สึกไม่เจริญอาหารเลยเพราะอาการปวดศีรษะทำให้เธอพะอืดพะอม
“น่าจะพรุ่งนี้ หรือว่าให้ฉันส่งคนไปรับหมอกู้ที่มาเก๊าเลยดีกว่า” เสี่ยวอวิ๋นดูท่าทางกังวลอย่างมาก นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเหมยเหมยก็ผอมซูบจนคางเรียว เธอจะรายงานกับคุณชายหมิงอย่างไรดีล่ะ?
เหมยเหมยส่ายศีรษะ “ไม่ต้องวุ่นวายหรอก พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน พี่หมิงซุ่นจะมาถึงเมื่อไร?”
“บ่ายสามโมง ตอนแรกจะมาถึงตั้งแต่เช้าแต่มีธุระด่วนแทรกเข้ามาเลยเปลี่ยนเป็นบ่ายสาม” เสี่ยวอวิ๋นอธิบาย เหมยเหมยผิดหวังน้อย ๆแต่ไม่ได้ส่งผลต่อจิตใจมาก เพียงแค่ช้าไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเองไม่เป็นไรหรอก
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสายจากจินป๋อเหวิน เขาบอกว่าได้ข่าวคืบหน้าของคดีของหร่วนหวาไฉ่แล้ว
“ทางตำรวจสืบเจอว่าก่อนที่หร่วนหวาไฉ่ตายหนึ่งวันมีประวัติการเดินทางเข้าประเทศของนักฆ่าระดับโลกฮันนิบิลี วันที่บิลีออกจากประเทศคือวันที่หร่วนหวาไฉ่ตาย”
………………………..
ตอนที่ 1799 คนรวยที่โง่
เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆอย่างมึนงง ฮันนิบิลี?
ฟังดูเหมือนไม่ใช่ชื่อคนทั่วไป
เสี่ยวอวิ๋นคอยอธิบายให้ฟังอยู่ข้าง ๆว่า “ฮันนิบิลีคือนักฆ่ามือโหดที่อยู่ลำดับยี่สิบแรกขององค์กรนักฆ่า ไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อนแต่มั่นใจได้ว่าเขาคือผู้ชาย หรือบางทีอาจจะเป็นกะเทย เพราะตอนฮันนิบิลีฆ่าคนมักแต่งตัวเป็นสาวบริการสวยหวานไว้หลอกล่อศัตรู จากนั้นถึงค่อยฆ่าอีกฝ่ายโดยไม่ตั้งตัวและไม่เคยทำงานพลาดมาก่อนตั้งแต่เปิดตัวมา”
“งั้นจ้างฮันนิบิลีฆ่าใครคงแพงน่าดูสินะ?” เหมยเหมยโพล่งถามขึ้นอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ
เสี่ยวอวิ๋นพยักหน้า “ใช่ เมื่อก่อนเป้าหมายที่ฮันนิบิลีฆ่ามักเป็นเศรษฐีหรือนักการเมืองที่อย่างน้อยค่าจ้างก็เริ่มต้นที่ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกอย่างต้องชำระในครั้งเดียวไม่มีผ่อนชำระ”
อู่เชาที่กำลังกินซาลาเปาอยู่สะดุ้งตกใจจนซาลาเปาไส้เนื้อชิ้นโตหล่นตกพื้นพลันนึกปวดใจเหลือเกิน
เขาเขียนหนังสือมามากขนาดนั้นจนเซลล์สมองแทบแห้งเหือดหมดแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดรวมกันยังไม่ถึงล้านดอลลาร์สหรัฐด้วยซ้ำ นักฆ่ามีอนาคตที่ก้าวไกลขนาดนั้นเชียว?
หรือเขาจะลองเปลี่ยนสายงานดูดีนะ?
“ใครกันที่ยอมเสียเงินมากมายจ้างฮันนิบิลีไปฆ่าคนไร้ชื่อเสียงอย่างหร่วนหวาไฉ่?” สยงมู่มู่เองก็หมดอารมณ์ทานข้าวแล้ว เขาเองก็นึกปวดใจเช่นกัน
คนตัวเล็ก ๆอย่างหร่วนหวาไฉ่มีค่าให้เสียเงินมากขนาดนั้นเสียที่ไหน ตั้งล้านดอลลาร์สหรัฐเชียวนะ!
คนที่จ้างวานนักฆ่าคนนี้ต้องเป็นคนรวยที่โง่มากแน่ ๆ!
มีคนหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัวของเหมยเหมยซึ่งก็คือเซี่ยทิงเทาแต่เธอไม่ได้พูดออกมา เพราะพวกสยงมู่มู่ไม่ค่อยรู้เรื่องของเซี่ยทิงเทานัก พวกเขารู้แต่เพียงว่ามีสถานะลึกลับแต่กลับไม่รู้ว่าเป็นลูกเขยของพ่อค้ายารายใหญ่สามเหลี่ยมทองคำ
แม้หร่วนหวาไฉ่จะเป็นคนขี้โกงไร้คุณธรรมแต่เขาไม่มีศัตรูที่ไหนจริง ๆ นอกจากเมื่อก่อนเคยทำให้คุณตาคุณยายต้องเสียชีวิต เพราะฉะนั้นหากจะพูดถึงใครที่แค้นเขามากที่สุดคงไม่พ้นเธอกับเหยียนซินหย่า
แน่นอนว่ายังมีเซี่ยทิงเทา เท่าที่ฟังจากเหยียนซินหย่ามาเซี่ยทิงเทากำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็กเลยคอยติดตามคุณตามาแต่เนิ่นนาน ในใจเขาคุณตาเปรียบดั่งพ่อแท้ ๆเลยล่ะ
อีกอย่างเซี่ยทิงเทามีเงิน เงินแค่หนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับเขาแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงด้วยซ้ำ
เหมยเหมยพอจะมั่นใจว่าอีกฝ่ายคือเซี่ยทิงเทาแล้วแต่ก็ยังแปลกใจอยู่ดีเพราะคุณนายโจวเคยบอกว่าตอนที่หร่วนหวาไฉ่เกิดเรื่องโอหยางซานซานเคยปรากฏตัวที่ซอยนั้นมาก่อน นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ?
อีกอย่างมีความเป็นไปได้ว่าโอหยางซานซานอาจเห็นเหตุการณ์ที่หร่วนหวาไฉ่ถูกฆ่าเองกับตาก็เป็นได้!
เหมยเหมยบอกข้อสงสัยของเธอออกมาก่อนที่อู่เชาจะโพล่งขึ้นว่า “หรือว่าโอหยางซานซานเองก็คิดจะไปฆ่าหร่วนหวาไฉ่เหมือนกัน แต่ถูกฮันนิบิลีชิงฆ่าก่อนหล่อนเลยไม่ได้ลงมือ”
“ทำไมโอหยางซานซานต้องฆ่าหร่วนหวาไฉ่ด้วยล่ะ? ต่อให้ไม่รู้สึกอะไรกับอาจารย์แล้วก็ไม่ถึงขั้นต้องฆ่ากันหรือเปล่า?” สยงมู่มู่ถามย้อนกลับ
“บางทีอาจจะเพื่อโยนความผิดให้เหมยเหมยก็ได้ หล่อนดักฟังโจวจื่อหัวคุยโทรศัพท์กับเหมยเหมยก็คิดอยากจะสร้างปัญหาให้เหมยเหมยเลยวางแผนฆ่าหร่วนหวาไฉ่แล้วค่อยเอาเทปอัดเสียงให้ตำรวจ…มันจะเป็นแผนใส่ร้ายที่สมบูรณ์แบบขนาดไหน!”
จู่ ๆอู่เชาก็ฉลาดขึ้นมา เขาพูดคาดเดาสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ออกมารวดเดียว เหมยเหมยคอยพยักหน้ารับเป็นระยะ ๆ เธอเองก็คิดว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ครั้งนี้ที่ได้เจอโอหยางซานซานเธอมักรู้สึกว่าหล่อนคับแค้นใจตนมากเหลือเกิน ทำให้รู้สึกขนลุกเสียวสันหลังวาบทุกครั้งที่เจอ
“ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ โอหยางซานซานก็น่ากลัวมากเลยนะ เพื่อใส่ร้ายถึงขนาดฆ่าคนคนหนึ่งได้อย่างไม่ลังเลใจ เมื่อก่อนหล่อนไม่ได้ใจเหี้ยมขนาดนี้ด้วยซ้ำ!” สยงมู่มู่เอ่ย
เมื่อก่อนแม้โอหยางซานซานจะเป็นที่น่ารังเกียจแต่ก็กล้าทำแค่เรื่องเล็ก ๆน้อย ๆลับหลังเท่านั้น อย่าว่าแต่ฆ่าคนเลยหล่อนไม่มีความกล้าแม้แต่จะฆ่าไก่สักตัวด้วยซ้ำ!
ทำไมหล่อนถึงกลายเป็นนางมารร้ายที่ฆ่าใครได้อย่างโหดเหี้ยมในพริบตาล่ะ?
“พวกเธอว่าเป็นไปได้ไหมที่โอหยางสยงก็ถูกโอหยางซานซานฆ่าเหมือนกัน?” อู่เชาตื่นเต้นอย่างมากแล้วเอ่ยข้อสันนิษฐานอีกหนึ่งข้อขึ้นมาอย่างใจกล้า
……………………….