ตอนที่ 1395 มาตรฐานของนักบุญ

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

ในทางเทคนิคนั้น บทความนี้มีมาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งถูกขุดขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้เอง

ลู่โจวยืนอยู่ในห้องฝึกสภาพแวดล้อมดาวอังคาร เขานั่งอยู่บนม้านั่งเล็กๆ พร้อมมือถือในมือ ศาสตราจารย์เวอร์นัลที่เป็นคนส่งบทความให้เขามองเขาและเย้าแหย่

“ดูเหมือนว่าการทำวิจัยวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนไม่ใช่เรื่องง่าย”

หลังจากที่ปิดบทความ สีหน้าของลู่โจวไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขาพูดอย่างเรื่อยเฉื่อยว่า

“สุดท้ายเราก็ใช้เวลาเพียงร้อยปีจากยุคศักดินาสู่ความทันสมัย นี่คือการก้าวกระโดดในประวัติศาสตร์ของอารยธรรม เช่นเดียวกับที่พวกคุณไม่ต้องการนักวิชาการให้นับถือศาสนา แต่พวกเราหลายคนยังคงติดป้ายนักวิชาการว่าเป็นนักบุญ”

“ที่จริงแล้วสิ่งที่ผมหมายถึงคือสภาพแวดล้อมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดนั้นผ่อนคลายกว่า”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”

“ก็ได้” ศาสตราจารย์เวอร์นัลยักไหล่และพูด “ผมก็แค่พูดเฉยๆ อย่าจริงจังไปเลย”

คนที่นั่งตรงข้ามลู่โจวคือศาสตราจารย์แพนซี่ เวอร์นัลจากห้องปฏิบัติการวิจัยเพื่อโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด

แม้ว่าเขาจะมีอายุเพียงแค่สามสิบห้าปี แต่เท่าที่ดูจากผมที่บางตาและริ้วรอยบนหน้าผากแล้วคงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขาอาจถูกฟาโรห์ที่อียิปต์สาปมาแน่ๆ

ส่วนเรื่องของบทความที่เขาพูดถึง มันคือบทความข้อคิดเห็นของนักข่าวชาวจีนอเมริกาชื่อสวี่จิงที่แพร่ไปทั่วเฟซบุ๊ก

แม้ว่าเดิมทีบทความนี้จะถูกโพสต์ลงเฟซบุ๊ก แต่มันแพร่ไปทั่วประเทศจีนอย่างรวดเร็วและกลายเป็นบทความที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวีแชทโดยการใช้ประโยชน์จากความหวังของคนที่มีต่ออนาคต

หัวข้อของบทความก็คล้ายกับบทความ ‘ได้โปรดเดินให้ช้าลงหน่อยและรอคนของคุณบ้าง’ ซึ่งเคยเป็นที่นิยมเมื่อหลายปีก่อน มันยังมีการยกคำพูดจากบทความก่อนหน้านี้ด้วย แต่ไอเดียหลักของมันก็คือการวิจารณ์การขาดศีลธรรมในวิถีทางของการพัฒนาเศรษฐกิจและมันน่าละอายใจที่ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ทำลายชีวิตที่เรียบง่าย รวมไปถึงการวิจารณ์การพัฒนาทางสังคมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

บทความที่สร้างหรือแต่งขึ้นโดยมีตัวละครสามตัวที่มีอัตลักษณ์ต่างกัน คนส่งของที่ถูกบังคับให้ออกจากตลาดเซินเจิ้นเพราะเทคโนโลยีโดรนลอจิสติกส์ คนขุดแร่ถ่านหินที่สูญเสียแหล่งรายได้เพราะเทคโนโลยีฟิวชันที่ควบคุมได้และดอกเตอร์ที่ถูกบังคับให้แยกจากครอบครัวและมุ่งหน้าไปยังดวงจันทร์ จนในที่สุดก็ต้องแยกทางกับภรรยาของตัวเอง

อัตลักษณ์ของตัวละครเหล่านี้ครอบคลุมกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ชนชั้นกลาง และกลุ่มหัวกะทิ มันแสดงให้เห็นถึงการวิเคราะห์ในเชิงลึกเกี่ยวกับชะตากรรมอันน่าเศร้าของคนเหล่านี้ที่มีระดับการศึกษาและสถานะทางสังคมที่แตกต่างกัน

ตอนที่เขาอ่านมันเขาก็ตัดสินใจ

ว่าบทความนี้ไร้สาระ

มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นใจ แต่เขาไม่เข้าใจว่าดอกเตอร์ถูกบังคับให้แยกจากครอบครัวอย่างไร

เพราะสุดท้ายการจะเข้าโครงการปริญญาเอกที่สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ดวงจันทร์ก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ นักศึกษาต่างชาติสมัครตำแหน่งที่รับในจำนวนจำกัด หากไม่มีจดหมายแนะนำจากระดับผู้ได้รับรางวัลโนเบลและการวิจัยระดับรางวัลโนเบล พวกเขาก็คงไม่มีหวังที่จะได้รับการคัดเลือก

บังคับให้แยกเหรอ

ทิ้งเมียเหรอ

บ้าไปแล้ว

ฉันจะยอมกินโทรศัพท์เข้าไปเลย ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้แต่งขึ้นมา

“แน่นอนว่าผมไม่เก็บมาใส่ใจหรอก” ลู่โจวยักไหล่และพูด “ผมเชื่อว่านักเลงคีย์บอร์ดไม่ใช่แค่คนจีนเท่านั้น ผมยังเชื่อว่าประวัติศาสตร์จะแสดงการประเมินที่ถูกต้องให้เห็นเอง คุณคิดว่าบทความที่แต่งขึ้นมาแบบนี้น่าเชื่อถือไหม ถ้ามันน่าเชื่อถือ ผมก็เป็นห่วงในความเป็นมืออาชีพของคุณ”

เวอร์นัลหัวเราะอีกครั้งเพื่อปกปิดความอายของตัวเอง

“แน่นอนว่าผมไม่ได้คิดแบบนั้น…ผมก็แค่นำให้คุณดูเฉยๆ ก็แค่นั้น

“ดีแล้ว” ลู่โจวพยักหน้า จู่ๆ เขาก็หันหลังและพูด “อีกอย่างผมลืมบอกคุณไปเรื่องหนึ่ง โค้ชได้บอกมาว่าผมการฝึกของคุณในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาออกมาแย่มากๆ เพื่อที่จะไม่เป็นภาระของคนอื่นตอนที่อยู่บนอวกาศ ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถอยู่ในห้องฝึกสภาพแวดล้อมแรงโน้มถ่วงสูงให้นานขึ้นกว่าเดิม ในอนาคตการฝึกของคุณจะสิ้นสุดตอนสองทุ่มแทนที่จะเป็นห้าโมงเย็น”

ตอนที่เวอร์นัลได้ยินว่าเขาอาจจะต้องอยู่ในห้องอบรมเหมือนพวกติดยิม หน้าของเขาซีดเผือด

“อย่าทำแบบนี้สิเพื่อน ผมก็แค่ล้อเล่น…”

“ล้อเล่นเหรอ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่คุณล้อเล่นเลย” ลู่โจวพูดอย่างจริงจัง “มันก็เพื่อความปลอดภัยของคุณ”

หลังจากนั้นลู่โจวมองเขาและพูด “ทำให้เต็มที่ล่ะ” หลังจากนั้นเขาก็หันหลังและเดินจากไป…

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และวันออกเดินทางก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

คนที่จุดปล่อยยานอวกาศสัมผัสได้ถึงบรรยากาศในศูนย์ปล่อยยานที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สิ้นเดือนพฤษภาคมมาถึง

บางทีอาจจะเป็นเพราะนักวิชาการลู่กำลังจะเดินทางไปดาวอังคารด้วยตัวเอง เรื่องของความปลอดภัยที่เดิมทีจริงจังอยู่แล้วก็กลายเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

พวกเขาไม่เพียงแค่เพิ่มการตรวจสอบความปลอดภัยอีกสองรายการเพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่สามรายการเท่านั้น แต่พนักงานภาคพื้นดินไปจนถึงพนักงานทำความสะอาด ทุกคนจะต้องฝึกอบรมด้านความปลอดภัยทุกๆ สองสามวัน พวกเขาพยายามกำจัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดข้อผิดพลาดให้มากที่สุด

ไม่ได้มีเพียงเจ้าหน้าที่โลจิสติกส์เท่านั้นที่ยุ่ง

ความเร็วในการฝึกฝนของเจ้าหน้าที่สำรวจที่กำลังจะเดินทางไปยังดาวอังคารค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ

ลู่โจวไม่ได้แค่เรียนรู้การขับรถสำรวจดาวอังคารและการใช้เครื่องมือต่างๆ บนยานอวกาศเท่านั้น แต่เขายังเรียนรู้การใช้เครื่องมือเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงต่ำและแรงโน้มถ่วงสูง รวมไปถึงการสำรวจอุโมงค์ใต้ดินพร้อมความช่วยเหลือของบุคลากรคนอื่นๆ ….

“ในช่วงกลางเดือนตุลาคมจะมีเที่ยวบินไปดาวอังคารเพื่อส่งของใช้ที่จำเป็นไปยังค่ายอาณานิคมบนดาวอังคาร คุณสามารถนั่งยานอวกาศลำนั้นกลับมาได้”

ภายในออฟฟิศหัวหน้านักออกแบบที่จุดปล่อยยาน ผู้อำนวยการฉางเหอจือที่มีหน้าที่ดูแลแผนการปล่อยยานในครั้งต่อไป รายงานเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับการปล่อยยานให้ลู่โจวฟัง หลังจากนั้นเขาก็อธิบายการจัดเตรียมสำหรับการเดินทางกลับ

หลังจากที่ฟังงานรายงานนี้ ลู่โจวพยักหน้าและพูด

“ไม่มีปัญหา มีอะไรอีกไหม”

ผู้อำนวยการฉาง “มีอีกเรื่องหนึ่ง”

ลู่โจวพูด “อะไรเหรอครับ”

“การแถลงข่าวครั้งสุดท้ายก่อนปล่อยยานอวกาศจะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ รายละเอียดมากมายเกี่ยวกับแผนการปล่อยยานอวกาศจะถูกเปิดเผยที่งานแถลงข่าวนี้ ถ้าคุณโอเค เราทั้งหมดเห็นพ้องว่าการที่คุณเป็นคนจัดจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”

รายละเอียดที่ว่าประกอบด้วยเครื่องมือทางวิศวกรรมและหน่วยอาณานิคมใหม่ที่ถูกส่งไปยังพื้นผิวดาวอังคาร รวมไปถึงรายชื่อทีมสำรวจวิทยาศาสตร์บนดาวอังคารและภารกิจทางการทูตที่มีหน้าที่ในการติดต่อกับอารยธรรมนอกโลก เรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะถูกตอบในงานแถลงข่าว

สื่อมวลชนหลักๆ จากทั่วโลกจะเดินทางมายังจินหลิงเพื่อทำการถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวนี้

ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์จะถูกบันทึกบนประวัติศาสตร์โลก!

เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญมาก โฆษกที่มีความเข้าใจทั่วๆ ไปเกี่ยวกับแผนการเดินทางบนดาวอังคารจึงไม่เพียงพอ

ในทางตรงกันข้าม ในฐานะหัวหน้านักออกแบบของแผนการเดินทางบนดาวอังคาร ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นโฆษกในครั้งนี้เท่าลู่โจวแล้ว

หลังจากที่ได้ยินข้อเสนอของผู้อำนวยการฉาง ลู่โจวคิดอยู่สักพักและยอมทำตามข้อเสนอ

“ก็ได้

“ผมจะเป็นโฆษกเอง

“แต่พวกคุณจะต้องเตรียมคำพูดและพาวเวอร์พอยต์”

หลังจากที่เห็นว่าลู่โจวเห็นด้วย ผู้อำนวยการฉางก็รู้สึกดีใจ

“ไม่มีปัญหาครับ เราจะจัดการเรื่องนั้นเอง

“การแถลงข่าวกำลังจะเกิดขึ้นในอีกสามวัน!”