“ข้ามองไม่ออกเลยว่าพวกเจ้านั้นยังมีเงินเก็บไว้ขนาดนี้! หากพวกเจ้ายอมเชื่อฟังแต่แรกมันก็คงไม่ต้องเจ็บปวดกันแล้วมิใช่หรือ?” หลี่โจวนั้นโยนถุงผลึกสวรรค์ในมือเล่นด้วยรอยยิ้ม
ต้วนเถาและคนทั้งหลายได้แต่ทำหน้านิ่งตอบกลับไป “หลี่โจว ผลึกสวรรค์เจ้าก็ได้ไปแล้ว พอใจหรือยังเล่า?”
หลี่โจวยิ้มขึ้นมา “เด็กน้อย ข้าเพิ่งหักขาเจ้าไปเมื่อวานแต่เจ้านั้นกลับเดินเหินได้เป็นปกติแล้ว? ดูท่าในหมู่พวกเจ้ามันจะมีคนมากฝีมืออยู่! อ่ะ จริงด้วยสิ เมื่อวานพวกเจ้าไปยังสวนเมฆน้อยมาใช่หรือไม่?”
สวนเมฆน้อยนั้นคือที่อยู่ที่เหยาชิงจัดให้แก่เย่หยวน
สีหน้าของพวกต้วนเถาทั้งหลายเปลี่ยนสีไปทันที “หลี่โจว ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้ไปเข้าใกล้ที่นั่นจะดีกว่า! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้ตายดี!”
หลี่โจวหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “บนยอดพันปักษานี้มันไม่มีใครที่เหนือหัวข้าหลี่โจว! อย่างพวกเจ้าทั้งหลายที่เพิ่งบรรลุสวรรค์ขึ้นมานี้ก็จะใหญ่โตจนเกินกว่าให้ข้ารับไหวหรือ? ต่อให้จะอยู่ในสวนเมฆน้อยมันเองก็ต้องออกมาทำความเคารพข้า!”
ที่ด้านข้างนั้นลูกน้องของหลี่โจวกก็กล่าวขึ้นเสริม “พวกเจ้ามันไม่รู้อะไร พี่โจวนั้นเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของศิษย์นิกายในท่านลู่จ้านหยวน! มันไม่แปลกหรอกที่ตอนนี้พวกเจ้าจะยังไม่ได้ยินนามของท่านลู่จ้านหยวน แต่วันหน้าเจ้าจะได้รู้ถึงแน่! ตอนนี้พวกเจ้าจำไว้แค่ว่าท่านลู่จ้านหยวนนั้นคือศิษย์นิกายในที่ติดอันดับสามในหมู่ศิษย์นิกายในทั้งหลาย!”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมาสีหน้าของต้วนเถาก็เปลี่ยนสีไปทันที
พวกเขานั้นไม่อาจจะคิดได้เลยว่าคนรับใช้ผู้หนึ่งนี้กลับมีเจ้านายที่เหนือล้ำเช่นนั้น
ต้วนเถาและพวกนั้นรู้ว่าเหยาชิงเป็นศิษย์นิกายในคนหนึ่ง
แต่เหยาชิงนั้นก็คงไม่ได้มีระดับสูงส่งในหมู่ศิษย์นิกายในนัก
การจะขึ้นไปติดอันดับสามได้นั้นมันย่อมจะต้องเป็นยอดฝีมือมากอำนาจ!
ต่อให้วันหน้าพวกเขาจะได้เข้านิกายสวรรค์ไปจริงๆ มันก็คงต้องไว้หน้าหลี่โจวบ้าง!
ตอนที่เขาบอกว่าบนยอดนี้ไม่มีใครสูงเหนือหัวเขาไปมันคงมิใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว
ลูกน้องอีกคนของหลี่โจวกล่าวขึ้นเสริม “ท่านลู่จ้านหยวนนั้นชื่นชอบพี่โจวอย่างมาก! มิใช่แค่ท่านจะสั่งสอนวรยุทธบ่มเพาะและวิชายุทธต่างๆ ให้แล้ว ท่านยังคอยปกป้องดูแลคนของตนอยู่เสมอ!”
หลี่โจวนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมา “พวกเจ้าเข้าใจหรือยังเล่า? ไม่ว่าเจ้าจะเก่งกาจสักแค่ไหนในภพเบื้องล่างแต่เจ้านั้นก็ต้องก้มหัวทำตามผู้คนในที่นี้สิ้น! ไหนจะยังเรื่องที่ว่าคนอย่างพวกเจ้านี้จะเข้านิกายสวรรค์ได้จริงๆ หรือไม่อีก หรือจะต่อให้เขาได้ไปเจ้าก็ต้องเริ่มจากการเป็นศิษย์นิกายนอกก่อน! สถานะของศิษย์นิกายนอกและศิษย์นิกายในอันดับสามมันต่างกันแค่ไหน หึๆ วันหน้าพวกเจ้าจะได้เข้าใจมันเอง! ในเมื่อพวกเจ้ามากันแล้วก็เลือกเอาเถอะว่าจะช่วยงานด้านไหน!”
สีหน้าของพวกต้วนเถาดำมืดขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
พวกเขานั้นได้เข้าใจความหมายในคำพูดของเหยาชิงเสียที
อดทนเรื่องเช่นนี้ไปเป็นปีมันมิใช่เรื่องง่ายดายเลย!
พูดไปหลี่โจวก็พาคนทั้งหลายมุ่งหน้าไปยังสวนเมฆน้อย
สีหน้าของพวกต้วนเถาเปลี่ยนสีวิ่งตามไปทันที
ปัง!
ลูกน้องของหลี่โจวถีบประตูสวนเมฆน้อยจนพังทลายลงก่อนจะร้องลั่น “ไอ้คนที่อยู่ข้างใน ออกมา!”
พูดไปคนทั้งหลายก็ก้าวเดินเข้ามาในสวนเมฆน้อยทันที
แต่ในเวลานั้นเองที่ได้ปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นมาบังหน้าของคนทั้งหลายไว้
เขานั้นคือหลินหลาน!
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นหลินหลานพวกเขาต่างก็หน้าซีดขาวลงทันที!
เพราะไม่มีใครคิดฝันว่าคนที่อยู่ในสวนเมฆน้อยนั้นกลับเป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่
คนรับใช้นั้นร้องขึ้นมาอย่างหวาดกลัว “เจ้า… เจ้ามันคนถิ่น! คนถิ่นมันกลับมาอยู่ที่นี่ได้!”
“พวกเจ้ากล้าบุกเข้ามาในสวนเมฆน้อยรบกวนท่านอาจารย์ รนหาที่ตาย!” หลินหลานนั้นร้องลั่นขึ้นมา
“อ-อาจารย์?” หลี่โจวนั้นสั่นสะท้านขึ้นมาทั้งกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น
การทำให้ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ยอมก้มหัวกราบเป็นอาจารย์ได้ คนผู้นั้นจะต้องเป็นตัวตนระดับใดกัน?
หรือว่ามันจะมียอดคนมาพักอยู่ในสวนเมฆน้อยนี้จริงๆ?
แต่ทำไมคนระดับนั้นถึงต้องมาพักอยู่ในที่เล็กๆ แค่สวนเมฆน้อยด้วย?
“หลินหลาน ใครที่มันบุกเข้ามาเจ้าจงหักขาแล้วโยนมันกลับไป! อ่า จริงด้วย อย่าลืมค้นเอาผลึกสวรรค์ที่พวกมันนำติดตัวกันมาด้วย!” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากภายใน
หลินหลานก้มหัวรับ “ขอรับท่านอาจารย์!”
เมื่อหลี่โจวได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องหัวเราะขึ้นมา “เจ้ากล้าแตะต้องข้าหรือ? ข้านั้นคือคนรับใช้ส่วนตัวของท่านลู่จ้านหยวน หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่เส้นขนเขาย่อมจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
หลินหลานหันกลับมามองพร้อมตอบ “เจ้าโง่!”
ปัง!
ปัง!
ปัง!
เสียงร้องดังขึ้นมาตามเสียงกระแทกนั้น คนทั้งหลายที่บุกเข้ามาในสวนเมฆน้อยต่างถูกหลินหลานหักขาลงสิ้นในฝ่ามือเดียว
เสียงร้องโหยหวนนั้นมันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลินหลานเองก็ไม่คิดเกรงกลัวใดค้นหาผลึกสวรรค์ที่พวกมันนำติดตัวมาทันที
มิใช่แค่ได้ผลึกสวรรค์คืนมาแต่ถึงขั้นปล้นจนพวกมันทั้งหลายนี้หมดตัว
เมื่อพวกต้วนเถาได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องยืนนิ่งไปตามๆ กัน
อาจารย์เย่นั้นช่างไม่ไว้หน้าใคร!
“อ่า ขาข้า! เจ้าคนถิ่น แล้วก็เจ้าคนที่อยู่ข้างใน เจ้าต้องตายแน่! จะตีสุนัขใครมันก็ต้องดูหน้าเจ้าของด้วย! ท่านลู่จ้านหยวนจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่! อ่า รีบๆ แบกข้าไปเร็ว!”
“ฮ่าๆ!” เมื่อต้วนเถาทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็อดหัวเราะลั่นขึ้นไม่ได้
หลี่โจวคนนี้มันฉลาดดีเหลือเกิน กลับเรียกตัวเองว่าเป็นสุนัข
ดูเหมือนว่าเขานั้นจะคุ้นเคยกับการเป็นหมาแล้ว!
หลี่โจวนั้นถูกลูกน้องที่เหลือแบกกลับไปพร้อมกล่าวด่าตลอดทาง
มาอย่างเสือ แต่กลับด้วยขาหักๆ
เมื่อเห็นว่าพวกหลี่โจวเดินหายลับไปแล้วพวกต้วนเถาจึงได้รีบเข้ามาภายในทันที
“อาจารย์เย่ เรื่องนี้มันคงเกินรับแล้ว! ลู่จ้านหยวนนั้นมันคือศิษย์อันดับสามของนิกายใน!” ต้วนเถากล่าวขึ้นมา
“อาจารย์เย่ มันเป็นความผิดพวกเราเองทำให้ท่านต้องมาเดือดร้อนด้วย! ท่านวางใจเถอะ หากเจ้าลู่จ้านหยวนมันมาจริงๆ มันก็ต้องก้าวข้ามศพข้าไปก่อน!” หม่าเหลียงกล่าวขึ้นมา
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เอาเถอะ มันก็แค่ศิษย์นิกายในอันดับสามมิใช่หรือ? ดูสีหน้าพวกเจ้าเข้าสิ! กลับไปก่อนเสีย ข้าจะบ่มเพาะต่อแล้ว”
คนทั้งหลายนั้นหันมามองหน้ากันด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
อาจารย์เย่นั้นจะไม่บ้าเกินไปหน่อยหรือ?
นั่นมันคือศิษย์นิกายในอันดับสาม!
“พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว! แค่นิกายในอันดับสาม? เจ้าจะดูถูกอาจารย์ข้ามากไปแล้ว! อย่าว่าแต่อันดับสาม ต่อให้เป็นศิษย์นิกายในอันดับหนึ่งเองอาจารย์ท่านก็คงไม่คิดสนใจ!” หลินหลานกล่าวขึ้นมา
พวกต้วนเถานั้นได้แต่อ้าปากค้างขึ้นมา สองศิษย์อาจารย์นี้มันช่างเหมือนกันดีเสียจริง!
การขึ้นเป็นศิษย์นิกายในอันดับสามได้ ลู่จ้านหยวนผู้นั้นคงเป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นปลายหรือสูงกว่านั้นขึ้นไป!
เขานั้นอาจจะเป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นสุดก็ได้!
แม้ว่าหลินหลานนั้นจะเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่เช่นกันแต่มันก็คงไม่อาจจะเทียบเคียงได้
สองศิษย์อาจารย์นี้มันกลับไม่คิดจะสนใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย!
…
“นายท่าน ท่านต้องชำระเรื่องราวให้ข้าน้อย!” หลี่โจวกลับมาหาลู่จ้านหยวนด้วยน้ำตานองหน้า
ได้เห็นขาของหลี่โวนั้นลู่จ้านหยวนก็ต้องขมวดคิ้วแน่น
หลี่โจวนั้นถูกหักขาลงอย่างรุนแรงต่อให้จะรักษามันก็คงไม่อาจจะกลับมาเดินปกติได้ในระยะครึ่งปี
นี่มันเป็นการโจมตีที่รุนแรงอย่างโหดร้าย
หลี่โจวนั้นทำงานรับใช้เขาได้อย่างพึงพอใจทำให้ตัวลู่จ้านหยวนเองก็ชอบหลี่โจวไม่น้อย
จะตีสุนัขใครมันก็ต้องดูหน้าเจ้าของด้วย
ที่ถูกตีนั้นมันคือขาของหลี่โจว แต่ที่เจ็บนั้นมันคือหน้าเขา!
“เจ้าได้บอกนามข้า ลู่จ้านหยวนไปหรือไม่?” ลู่จ้านหยวนถามขึ้นมา
“พูดไปแล้ว! ตอนไม่พูดยังไม่เท่าไหร่แต่พอข้าพูดออกไปนั้นมันกลับยิ่งลงมือหนัก! มันยังบอกว่าต่อให้นายท่านไปพวกมันก็จะกระทืบนายท่านเช่นกัน!” หลี่โจวกล่าวใส่สีไปเล็กน้อย
แน่นอนว่าเมื่อลู่จ้านหยวนได้ยินเขาก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความรุ่มร้อน
“หึๆ มันยังไม่ทันได้เข้านิกายแต่กลับวางท่าใหญ่โตเช่นนี้แล้ว! ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่าเทพองค์ใดมันมาประทับอยู่ในสวนเมฆน้อยนั้น!” ลู่จ้านหยวนกัดฟันกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก