ตอนที่ 1498: โชคชะตา

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1498: โชคชะตา

นูบิส, ไป๋ไฮ, ตู่กูเฟิง, โหยวเยว่และไป๋เหลียนยืนตรงหน้าหอคอยอนัตตาอย่างเคร่งเครียด หอคอยอนัตตาได้รับความเสียหาย ทางเข้าหลักของมันยุบตัวลง ดูเหมือนว่าจะเป็นหอคอยที่ถูกทำลาย แต่พวกเขาสามารถรู้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นจากมันเมื่อพวกเขายืนอยู่ที่นั่น พวกเขามีอารมณ์รุนแรงเนื่องจากความรู้สึก พวกเขารู้สึกเหมือเป็นมดตัวเล็ก ๆ ที่เผชิญกับสวรรค์อันกว้างใหญ่

พวกเขาเป็นมดตัวจิ๋ว ในขณะที่หอคอยที่ถูกทำลายนั้นเป็นสวรรค์ที่กว้างใหญ่

“เจี้ยนเฉิน เจ้าไปพบสมบัติชิ้นนี้ที่ไหน ? มันถูกทำลายลงอย่างชัดเจน แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่ามันน่าสะพรึงมากจนความหวาดกลัวเข้าไปในวิญญาณของข้าในขณะที่ข้ายืนอยู่ต่อหน้ามัน และกระบี่ที่อยู่บนหอคอย เพียงแวบเดียวก็ทำให้ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ ตกใจกลัว ข้าเป็นสัตว์อสูรระดับ 9 ที่ทรงพลังเทียบเท่ากับเซียนจักรพรรดิที่เป็นมนุษย์ ข้ายืนอยู่บนจุดสูงสุดในโลกนี้ แต่เพียงแวบเดียวก็ทำให้ข้าตกใจ ข้านึกไม่ออกเลยว่าหอคอยแห่งนี้วิเศษขนาดไหน” นูบิสกล่าว เขาชำเลืองมองกระบี่ที่อยู่บนหอคอยเป็นครั้งคราวด้วยท่าทางเคร่งขรึม

เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นมองหอคอย เขายิ้ม “หอคอยแห่งนี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ มาเถอะ เข้าไปข้างในกันเถอะ มีโชคลาภรออยู่ข้างใน ไม่ว่าเจ้าจะได้รับหรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับโชคชะตา” เจี้ยนเฉินไม่ได้ให้คำอธิบายเชิงลึกเกี่ยวกับหอคอย เขาไม่ได้พูดถึงชื่อ ไม่ใช่เพราะเขาไม่เชื่อใจพวกเขา แต่เป็นเพราะหอคอยอนัตตาเชื่อมต่อกับมรดกของอัครสูงสุดอนัตตา หากข่าวชิ้นนี้ไปถึงโลกเซียน พวกเขาจะประสบภัยพิบัติ

แม้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถสืบทอดมรดกของอัครสูงสุดอนัตตาได้ แค่หอคอยเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดพายุเลือดในโลกเซียน

ไม่ว่าอย่างไร หอคอยก็เป็นสมบัติที่มีชื่อเสียงของอัครสูงสุดอนัตตา เจี้ยนเฉินเชื่อว่ามันไม่อ่อนแอกว่ากระบี่ม่วงฟ้าเมื่อพวกเขาอยู่ในช่วงเริ่มต้น แม้แต่อัครสูงสุดขั้นสุดยอดก็จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อต่อสู้กับวัตถุเทพเจ้าที่ทรงพลัง

เจี้ยนเฉินพาทุกคนขึ้นไปที่ชั้นเก้า ทุกคนตกตะลึงเมื่อพวกเขาเห็นการภาพฉายที่ยิ่งใหญ่ พระราชวังสวรรค์บิเชิง พระราชวังยิ่งใหญ่กว่าโถงอันศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ ที่พวกเขาเคยเห็นในชีวิต และพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้เช่นกัน

นี่เป็นความรู้สึกที่เกิดจากพลังของกฎ ภาพฉายของพระราชวังก็ซึมซับไปกับกฎ

“อืม ? โถงอันศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นภาพลวงตาที่ชัดเจน แต่เมื่อข้าเหยียบเข้ามา มันก็ไม่ต่างไปจากพื้นดินที่มั่นคง มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับพื้นปกติ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เซียนจักรพรรดิสามารถทำได้ เฉพาะผู้ที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้” ไป๋ไฮถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ เขาสำรวจพระราชวังอย่างใกล้ชิดและรู้สึกตกใจทันที เขาตระหนักผ่านการสังเกตของเขาว่าแม้ว่าเขาจะใช้กำลังเต็มที่ เขาอาจจะไม่สามารถทำลายการฉายภาพได้ นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาสังเกตเห็น แม้แต่มิติในหอคอยที่เสียหายนับครั้งไม่ถ้วนก็แข็งทนทานกว่ามิติใด ๆ ในทวีปเทียนหยวน แม้ว่าเซียนจักรพรรดิจะใช้กำลังทั้งหมดเท่าที่จะทำได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้มิติรอบ ๆ วังกระเพื่อมได้เลย

“หอคอยแห่งนี้มีความพิเศษมาก มันถูกสร้างขึ้นโดยจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมระดับสูงสุดเป็นอย่างน้อย และเมื่อเห็นว่าการฉายภาพพระราชวังนั้นเหมือนจริงเพียงใด แม้แต่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมระดับสูงสุดก็ไม่อาจมีพลังในการสร้างสิ่งเช่นนี้ เป็นไปได้มากที่มันเป็นสมบัติของจอมยุทธที่สูงกว่าขอบเขตดั้งเดิม” ไป๋ไฮถอนหายใจด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังสงสัยมากว่าเจี้ยนเฉินพบหอคอยอันทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร

กลุ่มคนเดินผ่านการฉายภาพพระราชวังลวงตา ระหว่างทาง ทุกคนนอกเหนือจากเจี้ยนเฉินยังคงมองไปรอบ ๆ สังเกตทิวทัศน์รอบ ๆ ห้องโถง พระราชวังเป็นภาพลวงตา ซึ่งหมายความว่าเป็นไปได้ที่จะเห็นด้านนอกของพระราชวัง แต่นั่นเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของสิ่งที่พวกเขากำลังมองดู พระราชวังส่วนใหญ่มืดครึ้ม ราวกับว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยหมอก มันไม่โปร่งใสชัดเจน ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะหยุดความอยากรู้ของทุกคน

ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็พาทุกคนไปที่แท่นหยกชะตา เขาชี้ไปที่ชิ้นส่วนของหยกแล้วพูดว่า “โชคลาภอันมหาศาลที่ข้าพูดถึงคือแท่นนี้ ลองนั่งลงทีละคนเพื่อดูว่ามีใครมีวาสนาจะได้รับหรือไม่ ? ”

ทุกคนสำรวจชิ้นหยกกลมและรู้สึกสงสัย ในที่สุดไป๋เหลียนก็เอ่ยถามออกมาว่า ” พี่ชาย นี่เป็นโชคลาภอะไรกัน ? ทำไมท่านถึงทำให้มันดูลึกลับมาก ? ”

เจี้ยนเฉินเคร่งเครียดทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ไม่ต้องถาม เป็นการดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ได้รู้เกี่ยวกับสถานที่นี้มากเกินไป ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ตั้งใจพูดถึงสถานที่นี้กับคนอื่น แต่ข้าเกรงว่าจะมีจอมยุทธในอนาคตที่จะสามารถใช้วรยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อรีดข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นี้จากเจ้า นั่นจะกลายเป็นหายนะสำหรับพวกเราทุกคน”

ทุกคนต่างตกใจกับคำตอบของเจี้ยนเฉิน พวกเขาจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างไม่อยากเชื่อ พวกเขาตกตะลึงกับสิ่งที่เขาพูด แต่พวกเขาก็รู้ว่านี่เป็นสถานที่ที่สำคัญ

หลังจากสนทนากัน ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจว่าไป๋หยุนเทียนควรลองนั่งบนแท่นก่อน นี่เป็นเพราะไป๋หยุนเทียนเท่านั้นที่มีสิทธิ์มากกว่าคนอื่น

ไป๋หยุนเทียนพยายามปฎิเสธความคิดของเจี้ยนเฉิน แต่นางก็ตกลงยอมรับเนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น นางเป็นคนแรกที่นั่งบนแท่น

ขณะที่ไป๋หยุนเทียนนั่งอยู่บนแท่นหยก เจี้ยนเฉินก็จ้องนางอย่างแน่วแน่ เขารู้สึกประหม่าและขัดแย้งภายใน เขาหวังว่านางจะได้รับมรดกของอัครสูงสุดอนัตตา และต้องการสิ่งที่ตรงกันข้ามในเวลาเดียวกัน

เขารู้ว่าเมื่อไป๋หยุนเทียนได้รับมรดก นางจะเริ่มดำเนินการในเส้นทางที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง นางจะต้องเจอกับอันตรายและการสังหารอย่างแน่นอน กล่าวอีกนัยหนึ่ง นางจะไม่สามารถมีวันเวลาที่สงบสุขได้อีกครั้ง เขาหวังว่าแม่ของเขาจะมีพลังและสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป มีความสามารถในการรักษาความปลอดภัยของตัวเองเมื่อนางเจอกับอันตราย แต่เขาก็หวังว่านางจะสามารถใช้ชีวิตของนางได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องไปฆ่าฟันกับใคร

การได้รับมรดกย่อมหมายความว่านางจะต้องสูญเสียวันสงบสุขเหล่านี้ไป