ตึง!
วินาทีก่อนนั้นลู่จ้านหยวนกำลังปลดปล่อยพลังบ่มเพาะที่กดไว้ออกมา
แต่วินาทีถัดมานั้นเขากลับร่วงลงไปกอง นอนชักกระตุกบนพื้น
ชักกระตุก… อีกครั้ง!
คนทั้งหลายนั้นไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าลู่จ้านหยวนนั้นถูกพิษไปตั้งแต่เมื่อใด
ตอนที่ลู่จ้านหยวนปล่อยพลังกลับออกมานั้นคนทั้งหลายยังคิดไปว่าเย่หยวนคงได้ตายแน่แล้ว
แต่พริบตาต่อมา ตัวเขานั้นกลับลงไปนอนชัก
แต่วินาทีเดียวกันนั้นมันกลับมีเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเกิดขึ้น
เย่หยวนยกดาบชี้ออกพร้อมพุ่งเข้าใส่ร่างของลู่จ้านหยวนที่นอนกองชักอยู่บนพื้น!
เขาคิดสังหาร!
ผู้พิทักษ์โม่และฮั่นเฉียนหยุนหน้าซีดขาวลงและร้องขึ้นมาพร้อมกัน “เจ้ากล้า!”
คนทั้งสองนั้นไม่คิดลังเลใดๆ และใช้วิชาการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วที่สุดของตนพุ่งเข้าไปขวางทันที
สองยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำนั้นมันย่อมจะรวดเร็วปานฟ้า
เพียงแค่ว่าต่อให้จะเร็วแค่ไหนเย่หยวนก็ยังเร็วกว่า!
เย่หยวนใช้กฎแห่งห้วงมิติออกมาเสริมความเร็วของตนเองจนถึงที่สุด
แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เร็วเท่าผู้พิทักษ์ทั้งสองนั้นแต่เขาก็อยู่ใกล้ลู่จ้านหยวนกว่าคนทั้งสองมากนัก!
ฉึก!
ดาบนั้นของเย่หยวนแทงลงจุดตายอย่างแม่นยำ!
ลู่จ้านหยวนนอนตายลงตรงนั้น!
ความเงียบงันเข้าปกคลุม
ในวันทดสอบเข้านิกายนี้มันกลับมีเจ้าคนผู้หนึ่งที่ยังไม่ทันได้เข้านิกายสังหารศิษย์อันดับสามของนิกายในลง!
นี่มันจะโอหังจนเกินไปแล้ว!
บ้าบิ่นเกินไป!
รน… หาที่ตายเกินไป!
พวกเขานั้นกล่าวบอกว่ามันคือศึกชี้เป็นชี้ตายแต่คนทั้งหลายต่างจะไม่คิดสนใจจริงจัง
เดิมทีแล้วมันเป็นแค่การประหารเท่านั้น
มีหรือที่มดปลวกคนหนึ่งนี้มันจะสังหารมังกรบนฟ้าลงได้?
ทั้งๆ อย่างนั้นเจ้ามดตัวนี้กลับกัดคอมังกรจนขาด
คนทั้งหลายนั้นไม่อาจจะทันตั้งตัวได้!
แม้แต่ผู้พิทักษ์ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำทั้งสองนี้เองก็ยังไม่อาจจะช่วยได้ทัน!
“กฏแห่งห้วงมิติ!” ผู้พิทักษ์โม่กล่าวขึ้นมา
เดิมทีแล้วเขาคิดว่าด้วยความเร็วของเขานั้นต่อให้จะอยู่ห่างจากลู่จ้านหยวนไปหน่อยมันก็คงพอเข้าไปช่วยได้ทัน
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับมีความเร็วที่เหลือเชื่อเช่นนี้!
ไม่มีใครคิดฝันว่านอกจากเต๋าดาบแล้วเย่หยวนนั้นยังจะมีกฎแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำปานนี้!
ในการต่อสู้กับลู่จ้านหยวนนั้นเย่หยวนใช้เพียงแค่กฎเต๋าดาบสู้
แค่นี้มันก็มากพอจะเห็นแล้วว่าฝีมือของคนทั้งสองต่างชั้นกันแค่ไหน!
และกฏแห่งห้วงมิตินั้นมันก็ได้ส่งผลออกมาในวินาทีสุดท้าย
ฮั่นเฉียนหยุนกันฟันแน่นกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “เจ้า ดีมาก! เจ้ายังไม่ทันได้เข้านิกายก็สังหารศิษย์นิกายในลงเสียแล้ว ช่างกล้านัก!”
เย่หยวนหันไปมองเขาพร้อมถามขึ้น “คนนับพันได้เห็นว่ามันเป็นลู่จ้านหยวนนั้นเองที่มาท้าทายเอาชีวิตเป็นเดิมพันกับข้าก่อน ข้าสังหารมันลงแล้วจะเป็นอะไรไปเล่า?”
ฮั่นเฉียนหยุนยิ้มตอบกลับไป “โอหัง! ศิษย์น้องลู่นั้นเป็นคนระดับไหน แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? มดปลวกไร้พรสวรรค์อย่างเจ้ามันก็กล้ายกตัวขึ้นเทียบศิษย์น้องลู่หรือ?”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ยิ้มกว้างตอบกลับไป “ใช่ ข้านั้นเป็นมดปลวก และเจ้าขยะนี้มันก็ตายลงด้วยน้ำมือมดปลวกนั้น!”
ฮั่นเฉียนหยุนกัดฟันแน่นร้องขึ้น “ไร้สาระ! เรื่องนั้นมันเพราะเจ้ามากเล่ห์ใช้พิษออกมาใส่ศิษย์น้องลู่ต่างหาก!”
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้ามันก็ไม่คิดจะมองตามหลักเหตุและผลสินะ! คนทั้งหลายต่างก็เห็นว่ามันนี้เป็นคนที่แหกกฎลงก่อน! หากตอนนี้เป็นข้าที่ตายลงพวกเจ้าคงโห่ร้องดีใจไปฉลองกันต่อยกใหญ่ใช่หรือไม่เล่า?”
ฮั่นเฉียนหยุนยิ้มตอบกลับไป “แน่นอน! วันนี้ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิหยกมันก็ไม่อาจช่วยชีวิตเจ้าได้!”
พูดจบคลื่นพลังของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำของเขามันก็ปะทุขึ้นมาทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายซีดขาวลงไปทันที
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจและหันไปหาทางผู้พิทักษ์โม่ “ข้าชนะแล้ว เจ้าจะให้ข้าเข้านิกายได้หรือยัง?”
ผู้พิทักษ์โม่ขมวดคิ้วแน่น “เจ้าโง่หรือ? สังหารศิษย์น้องลู่ลงไปเช่นนั้นแล้วเจ้ายังจะพูดถึงเรื่องการเข้านิกายสวรรค์ยุทธมั่นอีก? เจ้าคงไม่รู้สินะว่าเขานั้นคือศิษย์โดยตรงของผู้อาวุโสฉือเฟยหยู! และผู้อาวุโสฉือเฟยหยูนั้นก็เป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยก! ที่ศิษย์พี่ฮั่นว่ามานั้นมันไม่มีผิดเลย วันนี้ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิหยกมามันก็คงไม่อาจช่วยเจ้าได้แล้ว!”
เหล่าผู้บรรลุสวรรค์คนอื่นๆ ต่างต้องส่ายหัวออกมาคิดว่าเย่หยวนนั้นหุนหันจนเกินไป
ถอยกลับมาก้าวหนึ่งแล้วมันก็จะเป็นอนาคตอันสดใส ทนไปอีกสักหน่อยเขาก็จะได้เข้าสู่ทะเลกว้างใหญ่แล้ว
ความแตกต่างของนิกายในกับนิกายนอกนั้นมันชัดเจนมาก
ต่อให้เย่หยวนจะเข้านิกายไปได้แต่โทษที่เขาสังหารลู่จ้านหยวนลงนี้มันก็คงทำให้เขาตายอยู่ดี
คนทั้งหลายนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนพูดตามหลักเหตุและผล
แต่ใครเล่าที่จะมายึดหลักเหตุและผลกับเขา?
“เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นแล้วสิ่งนี้มันจะช่วยชีวิตข้าได้หรือไม่เล่า?” เย่หยวนยิ้มกล่าวขึ้นพร้อมหยิบเหรียญตราหนึ่งขึ้นมา
และแน่นอนว่ามันต้องเป็นตราผู้พิทักษ์ปีกเขียว!
“ตราปีกเขียว! เจ้า… เจ้าไปเอาตราปีกเขียวมาจากที่ใดกัน!” ผู้พิทักษ์โม่กล่าวขึ้นมา
เย่หยวนจึงตอบกลับไปง่ายๆ “แน่นอนว่าผู้อาวุโสหลัวย่อมจะมอบให้แก่ข้ามา”
พูดจบเขาก็โยนเหรียญตรานั้นไปให้แก่ผู้พิทักษ์โม่ตรวจสอบดู
ผู้พิทักษ์โม่ลองส่องดูภายในและพบว่ามันถูกบันทึกไว้ให้เย่หยวนเป็นเจ้าของจริง
ทั้งยังมีลายจิตศักดิ์สิทธิ์ของหลัวหยุนชิงประทับกำกับไว้ด้วย!
มันคือของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย!
“นี่… นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน! ศิษย์พี่หลัวนั้นกลับเอาตราปีกเขียวไปให้นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่ง! เจ้ามีความสามารถอะไรกันแน่?” ผู้พิทักษ์โม่นั้นกล่าวขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ
ฮั่นเฉียนหยุนที่ได้ยินก็ต้องหันมามองอย่างตกตะลึงด้วยเช่นกัน
ขยะไร้พรสวรรค์คนหนึ่งนี้มันกลับกลายเป็นผู้พิทักษ์ปีกเขียว มีตำแหน่งสูงล้ำกว่าเขาไปด้วย?
“หะ?! ผู้พิทักษ์ปีกเขียว!”
“นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่งนี้ท่านหลัวหยุนชิงกลับเอาตราปีกเขียวให้เขาหรือ?”
“เจ้าหมอนี่คงไม่ใช่ว่าไปเก็บมาได้นะ? เรื่องราวเช่นนี้มันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
…
เหล่าผู้พิทักษ์และศิษย์นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นต่างอ้าปากค้างขึ้นมาอย่างตกตะลึงไปตามๆ กัน
ผู้พิทักษ์ปีกม่วงแห่งนิกายสวรรค์ยุทธมั่นที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำทางนั้นจะได้สิทธิในการมอบตำแหน่งผู้พิทักษ์ได้จนถึงระดับปีกเขียว
เรื่องราวเช่นนี้มันมิใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
เพราะผู้บรรลุสวรรค์บางคนนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่รอดในดินแดนสวรรค์ทั้งสี่ได้ยาวนานจนบ่มเพาะขึ้นไปได้ถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำ
มีเพียงคนเช่นนั้นที่เหล่าผู้พิทักษ์ปีกม่วงจะมอบตราปีกเขียวให้!
แต่ดูอย่างไรเย่หยวนก็ยังมีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อย!
เรื่องราวเช่นนี้มันไม่เคยจะเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของนิกาย
เย่หยวนนั้นเป็นแค่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อย นอกจากกนั้นแล้วเขายังไร้ซึ่งพรสวรรค์ใดๆ เสียด้วย!
แล้วเขามีดีอะไร?
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “ข้าจะรู้หรือ? บางทีผู้อาวุโสหลัวอาจจะชอบหน้าข้าก็ได้”
เชื่อก็บ้าแล้ว!
ชอบหน้าเจ้าก็เอาเหรียญตราปีกเขียวให้เลยหรือ?
เพราะจะอย่างไรเสียคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้พิทักษ์ของนิกายได้นั้นมันก็ต้องมีพลังบ่มเพาะในระดับชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขึ้นไปสิ้น
ส่วนผู้พิทักษ์ปีกเขียวนั้นนอกจากจะต้องมีพลังบ่มเพาะชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำแล้วพวกเขายังต้องทำคุณให้แก่นิกายอย่างมากมายด้วย
แต่เจ้าหมอนี่ที่เพิ่งบรรลุขึ้นมานั้นมันย่อมจะยังไม่ทันได้สร้างคุณงามความดีใดๆ และพลังบ่มเพาะของเขาเองก็ยังอยู่แค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อย
หลัวหยุนชิงนั้นกลับเอาเหรียญตราแสนสำคัญไปให้เขา!
งง!
ตะลึง!
สิ้นหวัง!
ในนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนี้คนที่คิดหมายตำแหน่งผู้พิทักษ์ปีกเขียวนั้นต้องทำงานให้แก่นิกายอย่างมากล้นนับพันๆ ปีกว่าจะได้ตำแหน่งมา
แต่เย่หยวนนั้นกลับได้มันมาตั้งแต่ยังไม่ทันเข้านิกาย!
ผู้พิทักษ์โม่นั้นมองดูเย่หยวนด้วยสายตาคมกริบก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ทำไมเจ้าไม่เอามันออกมาตั้งแต่แรกหากเจ้ามีตราปีกเขียวกับตัว! ปลอมเป็นหมูเพื่อกินเสือเช่นนี้มันคงสนุกเจ้ามากแล้ว?”
เขานั้นอยากจะเอาเท้าขึ้นมาลูบหน้าเย่หยวนเสียให้ได้!
ดูเย่หยวนคงมีตราปีกเขียวนี้ติดตัวมาตั้งแต่แรกแต่เขากลับต้องทำให้นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนี้สั่นสะท้านขึ้นมาเสียก่อนจึงจะหยิบมันออกมา!
เจ้าหมอนี่จงใจทำชัดๆ!
แล้วเช่นนี้เขาจะจัดการเรื่องราวต่ออย่างไร?
ผู้พิทักษ์โม่นั้นได้แต่รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เจ้าดูหน้าพวกเขาสิ!”
ผู้พิทักษ์โม่หันกลับไปมองสีหน้าของคนทั้งหลายตามคำของเย่หยวน
แน่นอนว่าพวกเขานั้นได้แต่อ้าปากค้างขึ้นเป็นภาพที่สุดแสนจะน่าเหลือเชื่อ
“เดิมทีข้านั้นคิดจะเข้านิกายไปก่อนแล้วรอให้ผู้อาวุโสหลัวท่านกลับมาค่อยจัดการเรื่องราวแต่เจ้าลู่จ้านหยวนนี้มันกลับมาหาเรื่องข้าวันแล้ววันเล่าจนสุดท้ายถึงขั้นคิดอยากจะสังหารข้าลง หรือว่าคนอย่างมันนี้ก็ควรค่าจะอยู่ต่อไป?” เย่หยวนถามขึ้น