“ความเข้ากันได้ของเขามันกลับเพิ่มขึ้นหรือ?”
“ความเข้ากันได้นั้นมันเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด มีหรือจะยังเพิ่มขึ้นได้?”
“หลัวหยุนชิงผู้นี้คงไม่ได้คิดพูดจาไร้สาระเพื่อช่วยชีวิตตัวเองหรอกนะ!”
…
เมื่อคำพูดทั้งหลายนั้นถูกกล่าวขึ้นมาแล้วมันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายแตกตื่นไปตามๆ กัน
เจ้านิกายเองก็ต้องหรี่ตาลงมองอย่างตกตะลึงไม่น้อย
ในเวลานั้นเองฉินชุนก็กล่าวขึ้น “หลัวหยุนชิง คำพูดของเจ้านั้นมันเป็นการดูถูกพวกเราเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์โดยตรง! หากผู้มีค่าความเข้ากันได้แค่หนึ่งก็สามารถจะหลอมโอสถสวรรค์แล้วเช่นนั้นพวกเราเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายจะไม่กลายเป็นแค่ตัวตลกหรือ?”
ความเข้ากันได้นั้นมันคือเงื่อนไขใหญ่ในการเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์
ผู้บรรลุสวรรค์หลายต่อหลายคนนั้นเคยเป็นยอดนักหลอมโอสถจากภพเบื้องล่างแต่ก็ต้องยอมแพ้เมื่อขึ้นมาถึง
หลัวหยุนชิงยิ้มตอบกลับไป “การกระทำมันชัดเจนกว่าคำพูด มันถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์กันแล้วว่าเขามีค่าแค่ไหน หากอาจารย์ฉินรู้สึกว่าหยุนชิงกล่าวล้อเล่นท่านก็ไม่ลองไปประลองกับเขาดูเล่า?”
เมื่อฉินชุนได้ยินเขาก็ตะโกนร้องขึ้นมาทันที “หลัวหยุนชิง! นับวันเจ้าจะยิ่งกำเริบเสิบสาน! เฒ่าคนนี้เป็นถึงนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามมีตำแหน่งสูงล้ำแค่ไหน? เจ้าจะให้ข้าไปประลองโอสถกับเจ้าขยะที่มีความเข้ากันได้แค่สี่แต้มนี้หรือ?”
แม้ว่าหลัวหยุนชิงจะมีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกแล้วแต่ฉินชุนก็ไม่คิดจะก้มหัวให้แก่เขาแม้แต่น้อย
เพราะตำแหน่งของนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามนั้นมันยิ่งใหญ่มากในนิกาย!
เขานั้นมีตำแหน่งสูงเทียบเคียงเหล่าผู้อาวุโสได้ทีเดียว!
หลัวหยุนชิงนั้นหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยิน “ในเมื่ออาจารย์ฉินปฏิเสธที่จะประลองแล้วท่านจะทำอย่างไรเล่า?”
ฉินชุนนั้นหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นมา “จิงซวน เจ้าก้าวออกมา!”
ด้านหลังของฉินชุนนั้นมันก็ปรากฏหญิงสาวในชุดสีเหลืองอ่อนก้าวออกมา
นางผู้นี้มีดวงตากลมโตและปากที่แดงเหมือนดั่งลูกเชอร์รี่ ใบหน้าของนางนั้นมันสวยงามล้ำโลกทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกราวกับว่านางนั้นเป็นนางฟ้าจากสวรรค์
ผู้บรรลุสวรรค์หลายคนนั้นแทบไม่อาจจะกะพริบตาได้เมื่อเห็นนาง!
ฉินชุนนั้นหันไปมองเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์จิงซวนของข้าผู้นี้ติดตามศึกษาวิชาการโอสถจากข้ามานานถึงสิบปี! หากเจ้าสามารถเอาชนะนางได้แล้วข้าก็ย่อมจะถือว่าเจ้านั้นผ่านการทดสอบนี้ คิดว่าอย่างไรเล่า?”
เหวินจิงซวนขมวดคิ้วแน่นขึ้นเมื่อได้ยิน “อาจารย์ มีหรือที่ผู้ที่มีค่าความเข้ากันได้แค่หนึ่งนั้นมันจะหลอมโอสถสวรรค์ได้จริง? ต่อให้ข้าชนะมันก็คงไม่มีอะไรให้ภาคภูมิเลย”
“สิบปีมานี้เจ้าติดตามข้ามาเรียนรู้วิชาการโอสถและแทบไม่ได้โผล่หน้าออกไปที่นิกายเลย วันนี้มันจึงเป็นโอกาสดีที่จะให้เจ้าได้แสดงความสามารถที่ฝึกฝนมาตลอดสิบปีให้ท่านเจ้านิกายได้เห็น!”
ฉินชุนนั้นเองก็ไม่คิดจะปิดบังใดๆ และกล่าวออกมาตรงๆ
นักหลอมโอสถสวรรค์นั้นใช้ชีวิตอยู่ด้วยชื่อเสียง มิใช่แค่ฝีมืออาจารย์เท่านั้นที่ต้องยิ่งใหญ่ แม้แต่ศิษย์เองก็ต้องสร้างชื่อแสดงฝีมือไปด้วย
เขาให้เหวินจิงซวนออกมาประลองนี้ก็เพื่อที่จะแสดงว่าตัวเขานั้นเป็นอาจารย์ที่ดีกว่าหวู่เฉิงเฉา
“เรื่องนั้น… ก็ได้ค่ะ!” เหวินจิงซวนลังเลอยู่เล็กน้อยแต่ก็ยังตอบตกลงไป
หวู่เฉิงเฉาที่ได้ยินนั้นต้องนั่งทำหน้าเหยเกไป
เมื่อฉือเฟยหยูได้เห็นเช่นนั้นแล้วเขาก็จึงร้องกล่าวขึ้นมา “ท่านเจ้านิกายหากมันแพ้ให้แก่เด็กน้อยจิงซวนนี้แล้วเฒ่าคนนี้จะขอล้างแค้นให้จ้านหยวน!”
หลัวหยุนชิงนั้นรู้ถึงฝีมือของเย่หยวนดีจึงไม่ได้กังวลใดๆ แม้แต่น้อยและยิ้มตอบกลับไปแทน “เช่นนั้นหากเย่หยวนชนะขึ้นมาเล่า?”
ฉือเฟยหยูจึงหัวเราะตอบกลับมา “หากมันชนะได้จริงเรื่องนี้ก็ถือว่าจบกันแต่เพียงเท่านี้!”
หลัวหยุนชิงที่ได้ยินก็หัวเราะลั่นขึ้นมา “ได้สิ ตกลง!”
ทางเจ้านิกายเองก็พยักหน้าออกมา “เช่นนั้นแล้ว…”
“เดี๋ยวสิ!”
ในเวลานั้นเองที่เย่หยวนได้กล่าวขึ้นมาแทรก
ฉือเฟยหยูยิ้มกล่าวขึ้นมา “ทำไมเล่า? รู้จักกลัวขึ้นมาแล้วหรือ? สายไปแล้ว!”
เย่หยวนหันไปมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเหนื่อยใจก่อนจะหันไปหาทางฉินชุน “เจ้านั้นเป็นผู้พิทักษ์ ข้านั้นเองก็เป็นผู้พิทักษ์! เจ้าส่งศิษย์มาท้าทายข้านี้มันจะไม่เป็นการดูถูกข้าเกินไปหน่อยหรือ?”
ฉินชุนหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้ยิน “เจ้าเป็นแค่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่ง คิดจะมายืนเทียบเคียงข้าหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไรกันเล่า?”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องส่ายหัวออกมา “ข้าไม่คิดจะลดตัวไปเทียบเคียงเจ้าหรอก! เจ้ามันยังไม่มีค่าพอจะมายืนเทียบเคียงระดับของข้า!”
ในขณะที่คนทั้งหลายกำลังคิดว่าเย่หยวนกลัวจนคิดหาทางออก ตัวเย่หยวนนั้นกลับกล่าวคำพูดที่ทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง
“นี่… เจ้าหมอนี่มันปากร้ายดีจริง!”
“ข้าอยากจะรู้เสียจริงๆ ว่าอะไรมันทำให้นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่งปากกล้าได้ถึงขนาดนี้!”
“ความโอหังนี้มันคงไม่มีใครเทียบได้!”
…
เสียงร้องของผู้คนจากรอบทิศดังขึ้นมาลั่นทั้งยอดสวรรค์กลับ
คำพูดของเย่หยวนนั้นมันโอหังอย่างมาก!
หลัวหยุนชิงที่ได้ยินก็ผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆๆ… น้องเย่ นับวันข้ายิ่งจะชอบนิสัยของเจ้าไปทุกที!”
ฉินชุนยิ้มค้างอยู่ตรงนั้นก่อนจะร้องลั่นขึ้นมา “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจและกล่าวขึ้นมาต่อ “หลินหลาน!”
หลินหลานก้าวออกมาเมื่อได้ยินคำเรียก “ศิษย์อยู่นี่แล้ว!”
เย่หยวนกล่าวขึ้นต่อ “ศิษย์ของข้าผู้นี้ติดตามเรียนรู้การโอสถจากข้ามาสามปีแล้ว! หากเจ้าเอาชนะเขาได้เจ้าค่อยมาท้าทายข้าใหม่!”
ส่วนตัวเหวินจิงซวนผู้งดงามนั้นนางถูกทิ้งไว้ตรงนั้นอย่างไม่มีใครสนใจ
เย่หยวนนั้นกำลังพูดกับฉินชุน!
ตบหน้า!
มันคือการตบหน้าอย่างรุนแรง!
เจ้าคิดใช้ศิษย์มาท้าทายข้า ข้าก็จะเอาศิษย์มาท้าทายเจ้า!
คนทั้งหลายนั้นต้องอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน!
เย่หยวนนั้นเย่อหยิ่งโอหังได้สะท้านฟ้าอย่างมาก
นั่นมันคือนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสาม!
แต่คนที่มีค่าความเข้ากันได้แค่สี่กลับกล้ามาพูดต่อหน้าเขาเช่นนี้!
“หึๆ ดี! ดีมาก! ท่านเจ้านิกาย เจ้าเด็กคนนี้มันดูถูกข้า เราจะทำอย่างไรกับมันดีเล่า?” ฉินชุนนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นเยือก
ที่ด้านข้างตัวหวู่เฉิงเฉาที่เห็นฉินชุนทำสีหน้าแบบนั้นเขาก็รู้สึกสะใจขึ้นมา
แต่ก่อนที่เจ้านิกายจะได้พูดอะไรหวู่เฉิงเฉาก็กล่าวขึ้นขัดก่อน “ท่านเจ้านิกาย ข้าว่าคำพูดของเย่หยวนมันก็ไม่ผิดแปลกอะไรเลย! ไม่ว่าเขาจะมีพลังบ่มเพาะระดับไหนเขานั้นก็ได้รับตราปีกเขียวจากหลัวหยุนชิงมาแล้ว เขานั้นคือผู้พิทักษ์ปีกเขียวของนิกายเรา ตำแหน่งของเขานั้นมันอยู่ในระดับเดียวกับพวกเราทั้งหลาย! นี่มันคือกฎของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเรา จะมาหักมันลงง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้! การที่ฉินชุนเอาศิษย์ไปท้าทายผู้พิทักษ์เย่นั้นมันคือการหยามเกียรติอย่างชัดเจน!”
“หวู่เฉิงเฉา เจ้า!” ฉินชุนนั้นกัดฟันแน่นหันกลับมามองหน้าหวู่เฉิงเฉา
เหวินจิงซวนเองก็ต้องขมวดคิ้วแน่นหันไปกล่าวต่อเย่หยวน “เจ้าคิดจะหลอกให้คนทั้งหลายหลงทิศหลงทางแตกหักกัน! ความเข้ากันได้แค่สี่แต้มจะยังมาทำหน้าตาเป็นคนใหญ่โตใด? หากเจ้ามีปัญญาก็ลงมาสู้กับข้านี่!”
เย่หยวนส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “เจ้ายังไม่มีค่าพอ!”
เจ้านิกายนั้นเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้ เขาได้รู้ชัดแก่ใจแล้วว่าเย่หยวนนี้ช่างเป็นตัวปัญหาเสียจริงๆ
งานการทดสอบเข้านิกายนี้มันกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่สะท้านฟ้าขึ้นมาเพราะตัวเขา!
เจ้านิกายนั้นจึงกล่าวขึ้นมา “ผู้พิทักษ์เย่ เรื่องตำแหน่งของเจ้ามันเหมาะสมหรือไม่นั้นพวกเรายังต้องประชุมกันอีกมาก! หากเจ้าคิดจะทำเช่นนั้นจริงเจ้านิกายผู้นี้ก็มีแต่ต้องถอดตำแหน่งผู้พิทักษ์ของเจ้าลงตรงนี้แล้ว!”
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “เอาล่ะ ข้าจะถือว่าเห็นแก่หน้าท่านเจ้านิกาย! เจ้าประลองโอสถกับหลินหลาน หากเจ้าชนะเจ้าก็จะมีสิทธิ์มาท้าทายข้า หากเจ้าแพ้ ก็ให้เจ้าเฒ่านั้นลงมาข้าจะประลองกับมันเอง! ท่านเจ้านิกาย นี่คือเส้นตายของข้าแล้ว! หากท่านยังไม่ยอมรับมันอีกก็เชิญปลดตำแหน่งใดๆ ตามใจท่านได้เลย! นักปราชญ์นั้นยอมตายดีกว่ายอมถูกหยาม!”
คำพูดทั้งหลายนี้มันกล่าวต่อเหวินจิงซวน
ทางเจ้านิกายนั้นก็หยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ “ได้ เอาตามที่เจ้าว่านี่แหละ!”
ในเมื่อหลัวหยุนชิงนั้นให้ตราไปแล้วเย่หยวนก็ย่อมจะมีตำแหน่งเป็นผู้พิทักษ์จริงๆ
นี่คือกฎ!
เขานั้นต้องไว้หน้า
มิใช่ไว้หน้าเย่หยวน แต่ไว้หน้าหลัวหยุนชิง
หลัวหยุนชิงนั้นก้าวขึ้นมาถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกด้วยอายุเท่านี้ เขาย่อมจะเป็นว่าที่เจ้านิกายคนต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย
หากเย่หยวนนั้นมีฝีมือจริงแล้วด้วย
มันก็ยิ่งต้องไว้หน้า!
เขานั้นเข้าใจหลัวหยุนชิงดีว่าเขาไม่ได้จะชอบยกย่องคนไปทั่ว!
เหวินจิงซวนนั้นเป็นคนที่มีนิสัยเย็นเยือกวางตัวเหนือผู้คนแต่เวลานี้แม้แต่นางเองก็ยังต้องกัดฟันแน่นจ้องเย่หยวนตาเขม็ง
นางนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้น “ผู้พิทักษ์เย่ ข้าจะลากหางท่านออกมาให้คนได้เห็นเอง!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าก็บอกแล้วว่าเจ้านั้นยังไม่มีค่าพอ! มิใช่แค่เจ้า แต่อาจารย์ของเจ้านั้นเองก็ไม่มีปัญญาจะทำให้ข้าเอาจริงได้!”