บทที่ 1822 ใครกันที่วิปริตถึงขนาดนั้น + ตอนที่ 1823 เธอเต็มใจที่จะเป็นนางเอกให้ฉันไหม

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1822 ใครกันที่วิปริตถึงขนาดนั้น

เหมยเหมยเรียกถึงสามครั้งแต่ภายในห้องก็ยังไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใด ๆ คุณนายใหญ่โจวจึงร้อนรนพลันนึกเสียใจที่เรียกเหมยเหมยมา

ซิงเอ๋อร์ของเธอเป็นถึงขนาดนี้แล้ว คุณหนูจ้าวยังจะให้ซิงเอ๋อร์ช่วยอะไรอีกล่ะ?

ช่างไม่รู้กาลเทศะเลยจริง ๆ!

“คุณหนูจ้าว ตอนนี้ซิงเอ๋อร์ทำอะไรไม่ได้หรอก คุณหนูจ้าวลองไปหาคนอื่นมาช่วยดีไหมคะ?” คุณนายใหญ่โจวพูดเสียงเบา เหมยเหมยหันมองเธอตาขวาง “หุบปากเถอะ!”

ช่างโง่เขลาเสียจริง

ทำไมตอนนั้นโจวจื่อหัวถึงได้เลือกผู้หญิงโง่เง่าแบบนี้มาเป็นลูกสะใภ้ได้นะ ทั้งโง่เขลาทั้งขี้ขลาดแถมยังไม่มีความคิดเป็นของตนเอง ไม่แปลกเลยที่คุณชายใหญ่ประจำตระกูลจะมีเรื่องอื้อฉาวนอกบ้านไม่เว้นแต่ละวัน ได้ยินมาว่าแทบจะไม่กลับบ้านเลยด้วยซ้ำ

ผู้หญิงอย่างคุณนายใหญ่โจว ยากนักที่จะผูกใจผู้ชายไว้ได้ ต่อให้สวยกว่าซีซือ[1]ก็ไม่มีประโยชน์

คุณนายใหญ่โจวไม่กล้าเอ่ยปากพูดอีก น้ำตาเริ่มไหลรินอีกครั้ง เหมยเหมยเองก็เบื่อที่จะสนใจเธอจึงเคาะประตูต่อ “ซิงเอ๋อร์ ตอนนี้ผลงานที่พี่เขียนอยู่มาถึงทางตันแล้ว แนวคิดที่เธอบอกกับพี่ครั้งก่อนค่อนข้างน่าสนใจ เธอช่วยบอกพี่ให้ละเอียดกว่านี้หน่อยได้ไหม?”

ก็ยังคงไม่เปิดประตู

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นกังวลว่าโจวซิงเอ๋อร์จะทำเรื่องโง่ ๆขึ้นมาจริง ๆจึงเตรียมจะให้เสี่ยวอวิ๋นพังประตูเข้าไป แต่ประตูกลับถูกเปิดออกมาเสียก่อน โจวซิงเอ๋อร์ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ

“ซิงเอ๋อร์ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…หม่ามี๊กังวลแทบแย่กลัวลูกจะทำอะไรโง่ ๆ…หม่ามี๊มีแค่ลูกคนเดียวนะ พ่อของลูกออกไปเสพสุขสำราญใจอยู่ข้างนอก…” คุณนายใหญ่โจวน้ำตาไหลพรากอย่างเจ็บปวด สองสามประโยคแรกยังคงเป็นห่วงลูกสาวอยู่ แต่พอพูดไปถึงประโยคท้าย ๆกลับกลายเป็นเสียงบ่นคร่ำครวญของเธอเสียอย่างนั้น

เหมยเหมยส่งสายตาให้เสี่ยวอวิ๋น เสี่ยวอวิ๋นเข้าใจได้โดยไม่ต้องเอ่ย แล้วพาตัวคุณนายใหญ่โจวที่ร้องไห้ฟูมฟายออกไป โจวซิงเอ๋อร์เม้มปากมองเธออย่างขอบคุณ

“พี่เหมยวางใจเถอะค่ะ ฉันจะไม่ตาย ฉันรับปากคุณย่าแล้ว ฉันจะไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆแน่นอน” โจวซิงเอ๋อร์ฉลาดเป็นกรด เธอเดาออกแต่แรกแล้วว่าเหมยเหมยจงใจพูดขอความช่วยเหลือจากเธอ

เหมยเหมยสังเกตเห็นสภาพรกรุงรังภายในห้อง ของที่ทุบได้ก็ถูกทุบแตกไปหมดแล้ว เศษกระเบื้องเกลื่อนกลาดเต็มพื้นห้องไม่เหลือพื้นที่ให้เหยียบย่ำ มือและเท้าของโจวซิงเอ๋อร์มีแต่รอยเลือด โชคดีที่เป็นแค่แผลถลอกจึงไม่เป็นอันตรายอะไร

“แต่สภาพของเธอตอนนี้ต่างกับคนตายตรงไหนเหรอ? ย่าของเธอต้องการให้เธอมีชีวิตที่เข้มแข็ง หวังเพียงให้เธอมีชีวิตที่สดใสกว่าเดิม แต่ไม่ใช่ซากศพที่เดินได้แบบนี้”

เหมยเหมยพูดอย่างไม่เกรงใจ โจวซิงเอ๋อร์ปิดใจตัวเองไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเธอก็จะยิ่งปิดกั้นตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็จะกลายเป็นเพียงซากศพเดินได้ที่ตัดขาดจากโลกภายนอก

โจวซิงเอ๋อร์กลอกตา น้ำตาก็ไหลทะลักออกมา ร้องไห้อย่างหนัก “พี่เหมย ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว…ทั้งฮ่องกงรู้หมดแล้วว่าฉันถูกคน…”

“ใครบอกล่ะ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เลย ปู่ของเธอปิดเรื่องเงียบไปแล้ว” เหมยเหมยปลอบใจเธอ

“พวกพี่เอาแต่หลอกฉัน…มันปิดไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะพวกมันถ่ายเก็บเป็นวีดิโอเอาไว้…ฉันเห็นมันแล้ว…คนทั้งโลกก็คงรับรู้ด้วย…” โจวซิงเอ๋อร์กุมหัวกรีดร้องเสียงแหลม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เหมยเหมยชะงักไปชั่วครู่ โจวซิงเอ๋อร์รู้เรื่องเทปวีดิโอได้อย่างไร?

เธอพลันนึกถึงพัสดุลึกลับนั้นขึ้นมา โจวซิงเอ๋อร์เกิดอาการบ้าคลั่งหลังจากที่ได้รับพัสดุ เป็นไปได้สูงว่าในกล่องพัสดุนั่นคือวีดิโอเทป

เหมยเหมยกวาดสายตามองไปทั่วทิศ ฉับพลันก็เห็นกล่องพัสดุที่ถูกเปิดออก กล่องถูกห่อด้วยกระดาษสวยงามและผูกด้วยริบบิ้นสีดำ เธอกดปุ่มออกของเครื่องเล่น ในนั้นมีเทปวิดีโอใหม่เอี่ยมนอนแอ้งแม้งอยู่

ไม่ต้องกดปุ่มเล่นเธอก็รู้ได้ว่าเนื้อเรื่องด้านในคืออะไร

ใครกันที่วิปริตจงใจส่งเทปวีดิโอมาเพื่อยุแหย่โจวซิงเอ๋อร์แบบนี้นะ?

ไม่ใช่เฉินกั๋วเปียวแน่ ไอ้บ้านั่นถูกโจวจื่อหัวโยนลงทะเลป้อนปลาฉลามไปแล้ว

รวมทั้งพวกลูกน้องที่รังแกโจวซิงเอ๋อร์ ไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว

“ซิงเอ๋อร์ เธอฟังที่ฉันพูดนะ ปู่ของเธอทำลายวีดิโอเทปทิ้งไปหมดแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกเลยวีดิโอเทปม้วนนี้คืออุบัติเหตุ เพราะงั้นเธอไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนรู้ เรื่องนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน” เหมยเหมยพูดเกลี้ยกล่อม

……………………………………………………………………..

ตอนที่ 1823 เธอเต็มใจที่จะเป็นนางเอกให้ฉันไหม

โจวซิงเอ๋อร์ไม่เชื่อคำพูดของเหมยเหมย เธอเพิ่งเรียกความเชื่อใจกลับคืนมาได้เพียงเล็กน้อย แต่ทั้งหมดกลับถูกทำลายสิ้นเพราะวีดิโอม้วนนี้ เหมือนเดินมาเจอทางตันที่หาทางออกไม่ได้

“พี่เหมย ฉันอยากออกบวชปฏิบัติธรรมที่แผ่นดินใหญ่ พี่ช่วยฉันติดต่อได้ไหม?” โจวซิงเอ๋อร์แสดงท่าทีแน่วแน่

ตอนนี้เธอแค่อยากหนีไปจากฮ่องกงที่แสนน่ากลัว ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเธอและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอ

“ซิงเอ๋อร์ ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอเจ็บปวด และความเจ็บปวดนี้ก็ได้ทำลายเด็กผู้หญิงหลายคน แต่เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงธรรมดา เธอทั้งเข้มแข็งกล้าหาญและมีความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดที่ฝังลึกแค่ไหน ฉันเชื่อว่าเธอจะสามารถเดินออกมาได้”

แม้ว่าการออกบวชปฏิบัติธรรมจะทำให้จิตใจสงบลง แต่โจวซิงเอ๋อร์เพิ่งจะอายุสิบหกซึ่งเป็นช่วงวัยที่งดงามที่สุด หากไม่อับจนหนทางจริง ๆ เธอก็ไม่อยากเห็นโจวซิงเอ๋อร์ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่หรอก

“พี่เหมย ฉันไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น…ไม่เลยจริง ๆ ฉันไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกแม้แต่นาทีเดียว…” โจวซิงเอ๋อร์ส่ายหน้าไม่หยุด เธอนึกรังเกียจตัวเอง

สกปรกขนาดนั้น…

เหมยเหมยกอดโจวซิงเอ๋อร์ไว้และไม่ได้ปลอบอะไรเธออีก การร้องไห้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเครียด ร้องไห้ออกมาได้ก็ดีแล้วล่ะ

โจวซิงเอ๋อร์ร้องไห้ไปราว ๆครึ่งชั่วโมง ดวงตาบวมเหมือนลูกวอลนัทแต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

เหมยเหมยตัดสินใจเกลี้ยกล่อมเธอด้วยวิธีอื่น “ซิงเอ๋อร์ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอคืออะไร?”

โจวซิงเอ๋อร์ชะงักไปแล้วยิ้มเยาะให้ตัวเอง “เมื่อก่อนฉันอยากเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมเหมือนเฮปเบิร์น แต่ตอนนี้…ฉันอยากจะออกบวชปฏิบัติธรรม”

เหมยเหมยเมินต่อประโยคหลังโดยอัตโนมัติ ความคิดของเธอก็พลันแล่นขึ้นมาในทันที

คนเราเมื่อมีเป้าหมายก็จะมีแรงผลักดันก้าวเดินต่อไป โจวซิงเอ๋อร์มีความฝันก็ดีเหมือนกัน

“ซิงเอ๋อร์ เธอชอบเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของฉันมากไม่ใช่เหรอ? ถ้าให้เธอมาแสดงเธอจะตกลงไหม?” เหมยเหมยตัดสินใจกะทันหันที่จะให้โจวซิงเอ๋อร์มารับบทนางเอกของเจ้าหญิงอัปลักษณ์

แม้ว่าโจวซิงเอ๋อร์จะไม่ตรงตามมาตรฐานของนางเอกก่อนหน้านี้ในหลาย ๆจุด แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องรองลงมา อย่างมากเธอก็แค่ปรับบทบาทของนางเอกเสียใหม่

ส่วนละครทีวีจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นเหมยเหมยไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป

ถ้าหากว่าละครทีวีเรื่องนี้สามารถช่วยดึงโจวซิงเอ๋อร์ออกมาจากบ่อโคลนนั้นได้ก็เท่ากับว่าเธอประสบความสำเร็จแล้ว!

โจวซิงเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกายแต่ก็กลับมามืดมนอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณค่ะพี่เหมย ฉันรู้ว่าพี่หวังดีแต่ฉันคงทำลายเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของพี่ไม่ได้ สภาพฉันตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแสดงเป็นเจ้าหญิงที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้หรอก” โจวซิงเอ๋อร์ส่ายหน้าปฏิเสธ ในใจพลันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เหมยเหมยเข้าใจถึงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจของโจวซิงเอ๋อร์ในตอนนี้มาก แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปสภาพจิตใจของเธอมีแต่จะแย่ลงไปเรื่อย ๆ

“ทำไมเธอจะไม่มีสิทธิ์ล่ะ? เธอทั้งสวยและร่าเริงเหมาะกับบทบาทของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ทุกอย่าง ฉันดูเธอไม่ผิดแน่ ซิงเอ๋อร์ นอกเสียจากว่าเธอจะรังเกียจเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของฉัน” เหมยเหมยจงใจพูด

“ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยากจะแสดงเจ้าหญิงอัปลักษณ์มากแค่ไหน ขนาดฝันก็ยังอยากจะแสดงเรื่องนี้เลย แต่ตอนนี้ฉัน…ไม่เหมาะ…”

“เจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นผลงานที่ฉันสร้างขึ้นมาเอง ฉันบอกว่าเธอทำได้ก็ต้องได้สิ ถ้าซิงเอ๋อร์ยินดีที่จะช่วยฉัน ฉันก็จะช่วยพูดกับปู่ของเธอให้ตอนนี้เลย ให้เธอกลับแผ่นดินใหญ่ไปพร้อมกับฉัน ฉันจะขอให้อาจารย์มืออาชีพมาสอนเธอดีไหม?”

เหมยเหมยไม่ได้พูดคำพูดที่ว่า ‘ความผิดพวกนี้ไม่ใช่เพราะเธอแต่เป็นคนชั่วพวกนั้นต่างหาก’ ทำนองนี้ออกมาเลย เพราะพูดออกมาก็เท่ากับการไม่พูด ทั้ง ๆที่ไม่ได้ทำผิดแล้วทำไมยังต้องถูกทำร้ายอีกล่ะ?

ตอนนี้สิ่งที่โจวซิงเอ๋อร์ต้องการไม่ใช่การปลอบใจ แต่เป็นเป้าหมายที่สามารถทำให้เธอก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้

“ฉัน…ฉันทำได้จริง ๆเหรอ?” ในแววตาของโจวซิงเอ๋อร์เกิดประกายบางอย่างขึ้น ไม่ได้ตายด้านเหมือนก่อนหน้านี้

“ทำได้สิ…ฉันเป็นถึงแม่ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์เลยนะ ฉันรักหล่อนยิ่งกว่าใคร ๆแล้วจะยอมปล่อยให้คนที่ไม่เหมาะสมมาทำลายเจ้าหญิงอัปลักษณ์ได้อย่างไรกันล่ะ!” เหมยเหมยฝืนใจพูด

รูปลักษณ์ภายนอกของโจวซิงเอ๋อร์ไม่เลวเลย เพียงแค่ไม่รู้ว่าพรสวรรค์ในด้านการแสดงของเธอจะเป็นเช่นไรบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรการได้ช่วยฉุดโจวซิงเอ๋อร์ให้ออกมาจากโคลนตมได้ถึงจะดีที่สุด!

…………………………………………………………………..

[1] หญิงสาวที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่ของหญิงงาม