บทที่ 1226 ต้องแข็งแกร่งกว่านี้

The king of War

สามกษัตริย์แห่งพันธมิตรตระกูลเดอะคิง หลังจากที่มาถึงเยี่ยนตู นอกจากเรื่องที่หลิวเหล่าก้วยเกือบถูกหยางเฉินฆ่าแล้ว ก็ไม่รู้อะไรอีกเลย

นั่นมันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดหวั่นมาก

“ใครก็ได้ช่วยบอกที่ว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

กษัตริย์ไป๋โมโหอย่างถึงที่สุด กัดฟันแล้วพูดไปว่า “ทำไมศึกชิงตำแหน่งคิงแห่งเยี่ยนตูถึงไม่มีข้อสรุป?”

พวกเขามาถึงเยี่นตูถึงสามวันแล้ว สามวันมานี้ พวกเขาไม่ได้อะไรเลย

กษัตริย์เซวกับกษัตริย์หม่าสีหน้าไม่ดีเอาซะเลย ทั้งสองสบตากัน สีหน้าดูหดหู่มาก

“ตอนนี้หยางเฉินถูกราชวงศ์ต้วนพาตัวไปแล้ว หลิวเหล่าก้วยก็ติดต่อไม่ได้ ศึกชิงตำแหน่งคิงแห่งเยี่ยนตูในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกเราก็ไม่รู้อะไรเลย เมื่อเป็นแบบนั้น เราก็กลับกันดีกว่า!”

กษัตริย์เซวพูดเป็นคนสุดท้าย

เขารู้ดีว่าต่อให้อยู่เยี่ยนตูต่อไป ก็ไม่มีความหมายอะไร

หลายวันมานี้ พวกเขาอยู่ที่เยี่ยนตูกลับได้พบกับผู้แข็งแกร่งแดนราชามากมาย มันจึงทำให้พวกเขาสงสัยว่า พวกเขาที่เป็นถึงกษัตริย์แห่งตระกูลเดอะคิง หลายปีที่ฝึกฝนวิชามา มันไม่เท่ากับสูญเปล่าไปแล้วเหรอ?

เยี่ยนตูในตอนนี้ หันมองไปทางไหนก็มีแต่ผู้แข็งแกร่งแดนราชา แม้แต่แดนราชาชั้นยอดกับกึ่งแดนเทพก็มีไม่น้อย

มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจมาก แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้

“บางที ตำนานของตระกูลเดอะคิง คงจะกลายเป็นตำนานตลอดไปแล้วล่ะ!”

ผ่านไปพักหนึ่ง กษัตริย์ไป๋ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไปกันเถอะ!”

พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินจากไป

กษัตริย์เซวกับกษัตริย์หม่ารีบเดินตามกษัตริย์ไป๋ไป

การปรากฏตัวของสามอ๋องแห่งพันธมิตรตระกูลเดอะคิง แทบไม่ได้ส่งผลอะไรกับการที่มาเยือนเยี่ยนตูเลยแม้แต่น้อยก็ต้องจากไปแล้ว

หลังจากศึกชิงตำแหน่งคิงแห่งเยี่ยนตูเมื่อสามวันก่อน ผู้แข็งแกร่งหลายคนที่เข้าร่วมต่างก็อยู่ที่เยี่ยนตูต่อ

ทำให้คนใหญ่คนโตมากมายรู้ว่าเยี่ยนตูกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง

ในห้องทำงานห้องหนึ่งของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป

ฉินซีกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในมือถือเอกสารฉบับหนึ่งไว้ แต่สายตากลับกำลังเหม่อลอย เนื้อหาในเอกสาร เธอก็ไม่รู้อะไรเลย

“หยางเฉิน เมื่อไหร่คุณถึงจะกลับมา?” เธอพึมพำกับตัวเอง แววตาดูเป็นกังวล

เธอเป็นคนที่ใสซื่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะโง่ เรื่องบางเรื่อง ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึก แค่เธอไม่อยากพูดก็เท่านั้น

หยางเฉินหายไปสามวัน ซ่านกวนหรัวมาคอยปกป้องเธออยู่ข้างๆ แค่นี้ก็ไม่ค่อยปกติแล้ว

เธอยังรู้อีกว่า ไม่เพียงแค่เธอ แม้แต่ฉินยี เสี้ยวเสี้ยว รวมถึงฉินต้าหย่งก็มีคนคอยปกป้องอย่างลับๆ ด้วย

“เป็นห่วงหยางเฉินอีกแล้วใช่มั้ย?”

ซ่านกวนหรัวเดินมาอยู่ข้างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มฉินซีถึงตั้งสติได้ แล้วมองไปยังซ่านกวนหรัวที่ทำหน้ายิ้มแย้ม จึงได้ถามไปว่า “พี่โหรว พี่บอกฉันได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยางเฉินใช่มั้ยคะ?”

ซ่านกวนหรัวชะงักไปแปบหนึ่ง จึงรีบปฏิเสธไปว่า “จะเป็นไปได้ยังไง?”

“คุณหยางนั้นเป็นถึงสุดยอดผู้แข็งแกร่ง เธอคงไม่รู้ว่าเขานั้นแข็งแกร่งแค่ไหน?”

“ฉันจะพูดแบบนี้กับคุณแล้วกัน ทั่วทั้งจิ่วโจว มีไม่กี่คนหรอกที่สามารถสู้คุณหยางได้”

“เธอคิดว่า เขาที่แข็งแกร่งขนาดนี้ จะเป็นอะไรไปได้ยังไง?”

ฉินซีส่ายหน้า “พี่โหรว ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน รู้แค่ว่าเขาเป็นสามีของฉัน จู่ๆ ตอนนี้สามีของฉันก็หายตัวไป แถมยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉันจึงเป็นห่วงมากจริงๆ”

“ถึงเขาจะมีภารกิจที่สำคัญมาก และต้องไปทันที แล้วเขาจะไม่มีเวลาแม้แต่จะโทรบอกฉันเลยเหรอ?”

พูดไปพูดมา น้ำตาของฉินซีก็ได้ไหลออกมา พูดด้วยน้ำเสียงที่สะอื้นว่า “เขาเคยจากฉันไปห้าปีแล้ว ฉันไม่อยากเสียเขาไปอีก! ฉันจะเสียเขาไปอีกไม่ได้จริงๆ!”

ซ่านกวนหรัวรู้สึกหนักใจมาก เธอสามารถรับรู้ได้ว่า ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งคนนี้ ในใจนั้นอ่อนแอแค่ไหน

หลายวันที่ผ่านมา ฉินซีมักจะนั่งเหม่อคนเดียว ซ่านกวนหรัวยังรู้อีกว่า ฉินซีเคยแอบหลบไปร้องไห้คนเดียวมาแล้วหลายครั้ง

“เสี่ยวซี เธอเชื่อมั่นในตัวเขามั้ย?”

ทันใดนั้น ซ่านกวนหรัวก็ได้ถามขึ้น

ฉินซีเช็ดน้ำตาออก แล้วหันไปพยักหน้ากับซ่านกวนหรัว “เขาเป็นสามีของฉัน ฉันรักเขา และเชื่อมั่นในตัวเขาด้วย!”

“ในเมื่อเธอเชื่อมั่นในตัวเขา มันก็เพียงพอแล้ว! เขาเคยบอกว่า จะไม่มีทางเงียบหายจากเธอไปนานเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เขาก็ไม่มีทางไปจากเธออย่างแน่นอน!”

ซ่านกวนหรัวพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก ก็น่าจะรู้ คุณหยางนั้นไม่อยากให้เธอเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง”

“แต่ฉันจะบอกเธอนะ ครั้งนี้ คุณหยางตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก แต่สถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ มันแค่สำหรับคนทั่วไปเท่านั้น แต่กับคุณหยางนั้น มันไม่ได้อันตรายเลยแม้แต่น้อย”

“ที่เขาไม่บอกเธอ ก็เพราะไม่อยากให้เธอเป็นห่วง แต่เราต้องเชื่อใจเขา เชื่อว่าเขาจะต้องกลับมาปลอดภัย!”

พอเห็นท่าทางที่จริงจังของซ่านกวนหรัว ความรู้สึกกังวลในใจของฉินซีก็หายไปมาก

“พี่โหรว ขอบคุณค่ะ ฉันจะรอคอยเขากลับมาค่ะ”

ฉินซีพูดพร้อมพยักหน้าอย่างแรง

ซ่านกวนหรัวเดินมาข้างหน้า ให้ฉินซีมาซบลงที่อกเธอ แล้วพูดน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เธอไม่ต้องห่วง เขาต้องกล้ามาแน่! และอีกไม่กี่วัน ก็จะได้กลับมาแล้ว!”

ในตอนที่ฉินซีกำลังกังวลว่าเมื่อไหร่หยางเฉินจะกลับมา ชานเมืองเยี่ยนตู สนามฝึกซ้อมแห่งหนึ่ง

หม่าชาวเปลือยเสื้อท่อนบนยืนอยู่ตรงกลาง รอบตัวของเขา ต่างล้อมไปด้วยผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัว ในนั้นยังมีกึ่งแดนเทพอยู่ด้วยสิบกว่าคน

“เอาอีก!”

หม่าชาวตะโกนออกมา

ทันทีที่เขาสั่ง ผู้แข็งแกร่งแดนราชากับกึ่งแดนเทพยี่สิบกว่าคนก็พุ่งเข้าใส่หยางเฉินอีกครั้ง

หม่าชาวขยับเท้า แล้วพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว รับมือกับผู้แข็งแกร่งยี่สิบกว่าคนตามลำพัง

สามวันมานี้ เขาอยู่ที่สนามฝึกซ้อมของทีมผู้พิทักษ์เงาลับทุกวัน เพื่อฝึกฝนให้กับผู้แข็งแกร่งของทีมผู้พิทักษ์เงาลับด้วยตนเอง

เขาทำให้ความสามารถของตนคงอยู่ที่แดนราชาชั้นยอดตลอด

หรือก็คือ หม่าชาวในตอนนี้ กำลังใช้ความสามารถของแดนราชาชั้นยอดต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งแดนราชาชั้นยอดกับกึ่งแดนเทพยี่สิบกว่าคนอยู่นั่นเอง

ร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มีรอยช้ำบ้างบางแห่ง แต่ก็ทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร เอาแต่สู้อย่างบ้าคลั่ง

“ตุบตุบตบ!”

เขาเป็นเหมือนเครื่องจักรสังหาร ใช้ความสามารถระดับแดนราชาชั้นยอด แล้วสู้กับผู้แข็งแกร่งที่อยู่ระดับเดียวกับตนหรือกึ่งแดนเทพยี่สิบกว่าคน

ในเวลาสั้นๆ เพียงห้านาที ผู้แข็งแกร่งยี่สิบกว่าคนก็กระเด็นออกไปจนหมด

“ขยะ! พวกคุณมันขยะ! มีความสามารถแค่นี้เองเหรอ?”

หม่าชาวคำรามออกมา “ถ้าพวกคุณมีความสามารถเพียงแค่นี้ ผมแนะนำให้พวกคุณรีบออกจากทีมผู้พิทักษ์เงาลับไปดีกว่า เพราะเราไม่ต้องการเศษสวะ ไม่ต้องการขยะ!”

คำเสียดแทงของหม่าชาว ทำให้ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นต่างทำหน้าโกรธเกรี้ยว ความฮึดสู้ในร่างกำลังปะทุขึ้น

“สู้!”

ผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพที่เป็นหัวหน้า คำรามออกมา และพุ่งเข้าใส่หม่าชาวเป็นคนแรก

ผู้แข็งแกร่งคนอื่น ตามมาติดๆ ราวกับต้องการฉีกหม่าชาวให้เป็นชิ้นๆ

“บุกได้ดี!”

หม่าชาวแสดงสีหน้าที่ดุร้าย ขับขา แล้วพุ่งเข้าไปอีกครั้ง

การฝึกซ้อมที่บ้าคลั่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง

เขาแอบสาบานในใจว่าต้องแข็งแกร่งกว่านี้ แข็งแกร่งกว่านี้!

ในตอนนี้ ถึงเขาจะบรรลุถึงแดนเทพขั้นต้นแล้ว แต่มันก็ยังไม่พอ เขาต้องแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด จะไม่เป็นตัวถ่วงให้หยางเฉินอีกแล้ว