ตอนที่ 1508: ใคร่ครวญ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1508: ใคร่ครวญ

เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะล้ำเส้นของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เมื่อเขาพูดถึงเรื่องสุดท้าย พลังแห่งการมีอยู่ของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เปลี่ยนไปทันทีและนางก็หยุดเล่นพิณ

ในขณะนั้น เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่เปล่งออกมาจากหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ พลังแห่งการมีอยู่ของนางส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ทำให้อุณหภูมิที่ยอดเขาสามเซียนลดลง รู้สึกเหมือนฤดูหนาวกำลังย่างเข้ามา

“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์กล่าวอย่างเยือกเย็น นางปราศจากความรู้สึกแต่ดวงตาของนางเยือกเย็น

เจี้ยนเฉินรู้ว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ยังคงไม่พอใจเฮาหวู่ นางไม่ได้ประทับใจซาร์ไคหยุนเช่นกัน ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงรู้สึกเจ็บปวดทันที

“มู่เอ๋อ เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อข้ายังเด็ก ข้าเป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะของตระกูล พ่อ แม่ของข้า และผู้ดูแล ลุงจียงเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในตระกูลต่างก็มีคาดหวังสูงมากในตัวข้า นั่นเป็นเพราะข้าสามารถเรียนรู้อะไรก็ได้และเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว อาจพูดได้ว่าข้ามีความทรงจำเป็นภาพ ดังนั้นข้าจึงเก่งกว่าคนอื่นที่อายุเท่ากัน ในเวลานั้น ทั้งพ่อและแม่ของข้าห่วงใยข้ามาก พวกเขาปฏิบัติกับข้าเหมือนสมบัติในมือของพวกเขา จนกระทั่งไม่กี่ปีต่อมาเมื่อข้าเข้าร่วมในการทดสอบพลังเซียน การทดสอบพบว่าข้าไม่มีความสามารถสำหรับพลังเซียนเนื่องจากอุบัติเหตุ ข้าจึงกลายเป็นคนพิการ ข้าไม่สามารถรวบรวมพลังเซียนภายในตัวและรวบรวมมันให้กลายเป็นอาวุธเซียนได้ ข่าวชิ้นนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งตระกูลอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นว่านายน้อยที่มีความสามารถนั้นแท้จริงแล้วเป็นคนพิการ ข้าตกลงมาจากสวรรค์ลงมาสู่นรกในจังหวะเดียว พ่อของข้า เจียงหยางป้า ไม่ค่อยมาหาข้าเลยหลังจากนั้น ในความเป็นจริง ข้าสามารถนับจำนวนครั้งที่ข้าเห็นเขาได้ด้วยนิ้วมือในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีเฉพาะแม่, พี่สาว, ป้ารอง, และลุงเจียงที่ยังคงดูแลข้าเหมือนเมื่อก่อน

“ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นนายน้อยของตระกูลเจียงหยาง ลูกชายของผู้นำคนปัจจุบัน เจียงหยางป้า แต่ก็มีคนในตระกูลที่มากลั่นแกล้งและรังแกข้า พวกเขามักล้อเลียนและดูถูกข้า และพ่อของข้าก็ไม่เคยช่วยข้าเลย อาจเป็นเพราะเขาลืมว่าข้าเป็นลูกชายของเขา อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะเคยเกิดขึ้น ข้าก็ไม่รังเกียจพ่อของข้าและข้าก็ไม่โทษเขา เพราะเขาเป็นพ่อข้าทางสายเลือด เขาให้ชีวิตแก่ข้า

“ในทางกลับกัน ข้าก็ให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์ของครอบครัวนี้มาก เพราะข้ามีพ่อแม่ แม้ว่าพ่อของข้าจะติดค้างข้าอย่างมาก แต่ข้าก็ยังพบความสุขเพราะการมีอยู่ของพวกเขาคือความสุขของข้า ในทวีปเทียนหยวนมีเด็กกำพร้าหลายคนที่พ่อแม่ของพวกเขาบางคนถึงแก่กรรมทันทีที่พวกเขาเกิดมาเนื่องจากสถานการณ์บางอย่าง พวกเขาไม่เคยมีความสุขกับความรักหรือการดูแลเมื่อพวกเขายังเด็ก พวกเขาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ข้าเข้าใจความเจ็บปวดของพวกเขาและรู้ว่าพวกเราทุกคนดีกว่าคนพวกนั้น อย่างน้อยที่สุด เราก็มีผู้อาวุโสและครอบครัว

“มู่เอ๋อ ข้าได้ยินเรื่องอดีตของเจ้าจากพ่อของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจพ่อของเจ้าและส่วนใหญ่ก็เพราะสิ่งที่เขาทำกับแม่ของเจ้า พ่อของเจ้ารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมาเป็นอย่างมากเช่นกัน และมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้นอกจากการสำนึกผิด เขาไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ ในเวลาเดียวกัน มีบางสิ่งที่เจ้าไม่สามารถนำมันกลับมาได้หลังจากที่เจ้าสูญเสียมันไป เขายังเป็นพ่อของเจ้าโดยสายเลือด เขาเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดของเจ้าในโลก”

เจี้ยนเฉินถอนหายใจลึก เขาจ้องมองมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และในทันใดก็ค่อนข้างเคร่งเครียด เขากล่าวต่อว่า “ในขณะเดียวกัน การบุกโจมตีครั้งต่อไปของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งก็กำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ข้ารู้ถึงพลังของพวกเขา แล้วเจ้าด้วย ความเหลื่อมล้ำนั้นยิ่งใหญ่เกินไป มันเหมือนสวรรค์และโลก เรามีข้อเสียในความกล้าหาญในการต่อสู้โดยรวมและความแข็งแกร่งสูงสุด อาจไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งต่อไป ความหวังเดียวของเราคือโถงศักดิ์สิทธิ์ที่จะช่วยปิดกั้นทางเข้าอุโมงค์ แต่ข้าก็ยังไม่รู้ว่าโถงศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในเมืองทหารรับจ้างจะได้รับการหลอมรวมอย่างสมบูรณ์หรือไม่ และเราจะสามารถปิดกั้นทางเข้าได้ทันเวลาหรือไม่”

“ถ้าเราไม่สามารถหยุดต่างโลกจากการบุกรุกได้ มันจะเป็นจุดสิ้นสุดของเรา จะมีเพียงความตาย ตัวข้าเองก็ไม่มั่นใจว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ แต่ข้ารู้ว่าสหายและครอบครัวของข้าอาจจะตายในการต่อสู้ครั้งนั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดอาจต้องตายไปเนื่องจากการต่อสู้รวมถึงพ่อของเจ้า เฮาหวู่”

สิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดในตอนท้ายนั้นเป็นเหมือนสายฟ้าฟาดสำหรับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ มันทำให้นางสั่นและซีดเล็กน้อย เสียงดังลั่นลึกก็มาจากพิณของนางเช่นกัน สายสามเส้นขาดทันที

เจี้ยนเฉินมองหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ “สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปคือสถานการณ์กรณีเลวร้ายที่สุด บางทีข้าอาจสามารถอยู่รอดได้ในการต่อสู้ครั้งต่อไป แต่จอมยุทธจำนวนมากในทวีปจะต้องตาย เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นพ่อของเจ้าอีกเลยหลังจากการสู้รบ เวลาแห่งความสงบสุขในช่วงนี้ยังพอมีเหลือ บางทีเจ้าควรใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้กับครอบครัวของเจ้า”

“เจ้าไม่รู้ว่าเมื่ออยู่ที่นั่นมันจะเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก เจ้าจะตระหนักได้ว่าพวกเขามีความสำคัญต่อเจ้าก็ต่อเมื่อเจ้าสูญเสียพวกเขาไป เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น มันจะสายเกินไป..”

เจี้ยนเฉินพูดเบา ๆ และไม่ได้ต้องการคำตอบ อย่างไรก็ตาม หัวใจของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็ปั่นป่วนเมื่อนางได้ยินคำพูดของเขา นางเริ่มสั่นมากยิ่งขึ้น นางกำลังรู้สึกลำบากใจอย่างมาก

ครู่ต่อมาหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็สงบลงอย่างช้า ๆ นางก้มหัวลงแล้วมองไปที่สายพิณที่ขาด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยอารมณ์สับสน, ว้าวุ่นและเศร้าโศก นางค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นแล้วค่อย ๆ ลูบสายที่ขาด ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที สายสามเส้นจึงถูกซ่อมแซมและผสานเข้ากันใหม่

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ นางจ้องมองไปในทิศทางของทวีปเทียนหยวนที่อยู่ห่างไกล พิณในมือของนางกลายเป็นภาพพร่าเลือนและหายไปในมือขวาของนางเป็นพลังงานที่ทรงพลังมาก นางออกจากเกาะด้วยมือเปล่าแล้วบินไปยังทวีปเทียนหยวน

คำพูดของเจี้ยนเฉินมีอิทธิพล มันทำให้นางเข้าใจว่านางอาจไม่ได้เห็นพ่อของนางอีกเลยหลังจากการสู้รบครั้งต่อไป เป็นผลให้นางต้องการไปที่ทวีปเทียนหยวนเพื่อพบเขา นางเก็บพิณไว้เพราะนางไม่ต้องการไปเยี่ยมเขาในฐานะหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ แต่เป็นซ่างกวนมู่เอ๋อ

เจี้ยนเฉินถอนหายใจอย่างลึกซึ้งขณะที่เขามองดูหญิงสาวเจ้าเสน่ห์สวรรค์มุ่งหน้าไกลออกไป เขายิ้มก่อนที่จะส่งข้อความไปถึงซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนซึ่งปัจจุบันนั่งอยู่บนเรือ จากนั้นเขาก็ติดตามหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไป

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์สามารถสร้างประตูมิติได้ แต่นางไม่ได้สร้างในครั้งนี้ นางบินจากเกาะสามเซียนไปยังทวีปเทียนหยวนแทน เจี้ยนเฉินยืนอยู่บนกระบี่จือหยิงข้าง ๆ นาง

แม้ว่าเนางกำลังบินอยู่ แต่นางก็เคลื่อนไหวเร็วมากด้วยความเร็วที่เกินกว่าสิ่งที่เซียนจักรพรรดิสามารถทำได้