ตอนที่ 3007

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,007 : ราคาของการโกง!

“กฎแห่งเวลา?”

ต้วนหลิงเทียนอดตกใจไม่ได้!

“ไม่ผิด…มันเป็นกฎแห่งเวลา!”

ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินตอบกลับ “หลังจากที่เจ้าฆ่าร่างจิตต่อสู้ร่างที่ 3 ได้ ค่ายกลในโถงแห่งนี้ก็เริ่มแผ่อำนาจของกฏแห่งเวลาออกมาผนึกความว่างเปล่าในจุดที่กระบี่หนักเจ้าฟันอยู่ ทำให้เวลา ณ ห้วงแห่งความว่างเปล่าจุดนั้นหยุดลง…”

“หากข้าเดาไม่ผิด…สาเหตุที่อยู่ๆพลังแห่งกฏเวลาที่แฝงอยู่ในค่ายกลเริ่มทำงาน ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าเข่นฆ่าร่างจิตต่อสู้ทั้ง 7 นั่น ไม่พ้นต้องการให้ร่างจิตต่อสู้ที่เหลือทั้ง 7 รวมตัวกันก่อน”

พอเสียงพูดของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังจบคำ ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็เป็นอย่างที่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินพูดไม่มีผิดเพี้ยน

ซูว! ซูว! ซูว!

ร่างจิตต่อสู้ที่เหลือทั้ง 7 ร่างได้พุ่งเข้ามารวมตัวกันด้วยความเร็วปานสายฟ้า จากนั้นทั้ง 7 ร่างก็กลับกลายเป็น 1 ร่างจิตต่อสู้!

จิตต่อสู้ร่างนี้ มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ราวๆ 2 หมี่ คนประหนึ่งหอคอยเหล็กตั้งตระหง่าน ทั้งยังไม่ได้สวมใส่เสื้อ เผยมัดกล้ามเนื้อปูดโปนเป็นลูกให้เห็นชัดเจน ยังมีเส้นเลือดขอดตามมัดกล้ามที่เต้นตุบๆ ให้ความรู้สึกเสมือนเจียนปริแตก พร้อมระเบิดพลังดิบเถื่อนออกมาได้ทุกเวลา

และครู่ต่อมา ในมือที่ว่างเปล่าของชายวัยกลางคนร่างใหญ่ ก็ปรากฏกระบี่หนักเล่มมหึมาไม่ต่างอะไรจากกระบี่หนักของต้วนหลิงเทียน!

และกระบี่หนักในมือของมัน ไม่ว่าจะกลิ่นอายพลังหรือความรู้สึกก็เหมือนกันกับที่แผ่ออกมาจากกระบี่หนักไร้คมของต้วนหลิงเทียนทุกประการ!

น่าเหลือเชื่อนัก แต่ต้องบอกเลยว่าพลังอานุภาพของมันน่ากลัวจะทัดเทียมกับกระบี่หนักไร้คมของต้วนหลิงเทียน อันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่ได้รับการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะไม่ผิดแน่!

“ขยับได้แล้ว!”

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ว่ากระบี่หนักไร้คมของเขาเริ่มเคลื่อนไหวต่อแล้ว แต่ในเมื่อเป้าหมายที่เขาคิดฟันมันไม่อยู่ตรงนั้นอีกต่อไป เขาจึงได้แต่ฟาดหวดอากาศธาตุเท่านั้น!

“เจ้าหนู จิตต่อสู้ร่างนี้ไม่ใช่ธรรมดาๆเลย…ความแข็งแกร่งของมัน ข้าเกรงว่าจะไม่ได้อ่อนด้อยเหมือนยอดเซียนอมตะอันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 1 ประการที่เจ้าเคยเจอมาอีกต่อไป ว่ากันตามตรงมันสมควรแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ”

ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว “เจ้าลองสู้กับมันดูก่อน อย่างไรเจ้าก็น่าจะสู้กับมันได้อย่างสูสี และหากคับขันอะไรข้าจะจัดการเรื่องป้องกันให้เจ้าเอง…ทว่าข้าก็ทำได้แค่ช่วยเจ้าในด้านการป้องกันเท่านั้น หากเจ้าคิดจะฆ่ามันเจ้าต้องพึ่งกำลังตัวเองแล้วล่ะ”

“กล่าวไปก็น่าเสียดายจริงๆที่ทองเทพสุดลี้ลับยังอยู่ในห้วงนิทรา หากมันตื่นขึ้นมาและดูดกลืนทองเทพสุดลี้ลับขั้นแรกที่เจ้าได้มาล่ะก็ ย่อมยกระดับพัฒนากลายเป็นทองเทพสุดลั้บขั้นที่ 3 ได้ทันที…ถึงตอนนั้นมันสามารถฉาบเคลือบอาวุธให้เจ้าได้ เพิ่มพลังโจมตีให้เจ้าได้มากโขเชียวล่ะ!”

ฟังจากคำเตือนของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าร่างจิตต่อสู้เบื้องหน้าที่เกิดจากการรวมกันของ 7 จิตต่อสู้เมื่อครู่นั้น ท่าทางจะไม่ใช่เล่นๆซะแล้ว!

“ว่าแต่พลังของกฏแห่งเวลานั่น คงไม่โผล่ออกมาอีกใช่ไหม…หากอยู่ๆมันโผล่มาหยุดข้าเอาไว้ ข้าไม่โดนจิตต่อสู้ฆ่าทันทีรึไง?”

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกังวลที่สุด

เมื่อครู่ พลังของกฏแห่งเวลาได้ปรากฏออกมาหยุดกระบี่เขาเอาไว้ ช่วยให้ร่างจิตต่อสู้ที่เขาคิดทำลาย ไปรวมตัวกับจิตต่อสู้ร่างอื่นๆได้อย่างราบรื่น

ตอนนี้เกิดพลังของกฏแห่งเวลานั่นเลือกที่จะผนึกร่างเขาโดยตรง เขาไม่กลายเป็นปลาบนเขียงให้จิตต่อสู้นี่แล่สับได้ตามใจรึไง?

พอคิดขึ้นมาหนังศีรษะต้วนหลิงเทียนก็ชาด้านไปทันที

พลังของกฏแห่งเวลามันพิสดารเกินไป น่ากลัวเกินไป เขาไม่มีหนทางป้องกันมันได้เลย

“สถานการณ์แบบนั้นไม่เกิดขึ้นหรอก…หากเกิดเรื่องพรรค์นั้นขึ้น แล้วจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้อะไรนั่นมันจะสร้างวังจอมราชันอมตะไปทำเพื่อ? เจ้าคิดว่ามันเหงาจนถึงขั้นคิดฆ่าเด็กน้อยเล่นรึ?”

ปฐพีเทพแรกกำเนิดพูดออกมาเพื่อคลายกังวลให้ต้วนหลิงเทียน “ที่พลังของกฏแห่เวลาปรากฏขึ้นมาหยุดกระบี่เจ้าไว้ จุดประสงค์ก็คงแค่อยากให้เจ้าสู้กับร่างจิตต่อสู้นี่นั่นล่ะ”

“ในเมื่อตอนนี้ร่างจิตต่อสู้ทั้งหมดก็รวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ก็เหมือนจุดประสงค์ของมันเสร็จสิ้น”

“อีกทั้งหากพลังของกฏแห่งเวลาคิดช่วยให้ร่างจิตต่อสู้นี่ฆ่าเจ้าจริง ไม่สู้ก่อนหน้านี้หยุดร่างเจ้าไปให้ร่างจิตต่อสู้นั่นฆ่าเจ้าให้จบๆไม่ดีกว่าเหรอ?”

พอได้ยินคำพูดของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มวางใจ เพราะมีเหตุผลรองรับชัดเจน

“แต่อย่างไรเสียร่างจิตต่อสู้นี่ ก็น่าจะเป็นบททดสอบแรกของวังจอมราชันอมตะเท่านั้น…พอคิดว่ากระทั่งบททดสอบแรกยังยากขนาดนี้ ข้าว่าบททดสอบหลังๆคงรากเลือดแล้วล่ะ…”

ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินยังคงกล่าวออกมาสืบต่อ

“ข้ารู้…”

ต้วนหลิงเทียนขานรับ จากนั้นก็จ้องไปยังร่างจิตต่อสู้เบื้องหน้าอันก่อตัวจากร่างจิตต่อสู้ทั้ง 7 เขม็ง “ขอแค่พลังของกฏแห่งเวลาอะไรนั่นไม่โผล่ขึ้นมาอีกครั้งก็พอ…”

ขวับ!!

และพอต้วนหลิงเทียนกล่าวในใจจบคำ ด้านจิตต่อสู้ร่างเขื่องก็พุ่งโถมเข้ามาฟาดกระบี่หนักเล่มเขื่องใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยสภาวะดุดัน! และไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระบวนท่าฟันฟาดของมัน เหมือนกับการจู่โจมก่อนหน้าของต้วนหลิงไม่ผิดเพี้ยน! ราวกับมันคิดจะหั่นร่างต้วนหลิงเทียนให้ขาดเป็นสองท่อนบ้าง!!

“หึ!”

เผชิญกับร่างจิตต่อสู้ที่ฟันกระบี่หนักเข้ามาอย่างดุดัน ต้วนหลิงเทียนพ่นลมสบถคำหนึ่ง จากนั้นก็กระชับกระบี่หนักไร้คมเล่มเขื่องแน่น ค่อยฟันสวนออกไปอย่างดุดันไม่แพ้กัน กระบี่หนักผ่าอากาศออกไปด้วยพลังสภาวะน่ากลัว ห้วงอากาศสะเทือนสะท้าน!

เคล้งงงง!!

ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะวัดพลังกับร่างจิตต่อสู้ตรงๆ กระบี่หนัก 2 เล่มฟันปะทะกันดังสนั่น!!

ทันใดนั้นเอง

วูฟฟ!!

เปรี๊ยงงงง!!

ผลกระทบหลังกระบี่เล่มเขื่อง 2 เล่มฟันปะทะนั้นน่ากลัวไม่ใช่เล่นๆ ไม่เพียงแต่เสียงโลหะกระทบกันจะดังสนั่นสะท้านแก้วหูปานฟ้าระเบิด คลื่นพลังสะท้อนที่ระเบิดออกมายังก่อให้เกิดสายลมวิปรตกวาดพัดไปดั่งมหาพายุ ความว่างเปล่า ณ จุดปะทะยังสะเทือน!!

พริบตาต่อมาทั่วโถงก็สั่นสะเทือนไปด้วยคลื่นลมวิปริต ระดับการสั่นไหวยังเสมือนบังเกิดแผ่นดินไหวก็ไม่ปาน!

‘หนักหน่วงจริง…ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย!’

จากแรงสั่นสะเทือนที่แล่นวาบมาจากมือที่กอบกุมกระบี่หนัก ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของร่างจิตต่อสู้เบื้องหน้าชัดเจน กระบี่ของมันเรียกว่าทรงพลังทัดเทียมกับกระบี่เขาที่ฟันออกไปเต็มแรงเลย!

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ชัดเจน ว่าหากฟันฟาดปะทะกันตรงๆ คงยากจะหาตัวผู้แพ้ผู้ชนะได้แน่ ต้องอาศัยไหวพริบเข้าว่า พยายามฉกฉวยโอกาสเล่นงานช่องโหว่ของมันให้ได้!

นอกจากนั้นเขายังมีไพ่ลับอย่างปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน!

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับร่างจิตต่อสู้เริ่มปะทะกันนั้น ในอีกห้องโถงหนึ่ง ก็ปรากฏร่างชายหนุ่มชุดสีเทาที่พึ่งจะผ่านการทดสอบก้าวออกมาจากห้องโถงดังกล่าว

และหลังก้าวออกมาจากห้องโถงแล้ว ชายหนุ่มก็หันกลับมาดูชม จึงพบว่าห้องโถงที่มันพึ่งก้าวออกมานั้น เป็นอะไรที่มันสามารถมองผ่านเข้าไปเห็นเรื่องราวได้ชัดเจน

จากจุดนี้กำแพงห้องโถงเมื่อครู่ เสมือนกระจกแก้วโปร่งใส มองทะลุไปได้คล้ายไม่มีอะไรขวางกั้นอยู่เลย!

“นี่มัน…”

ครู่ต่อมาชายหนุ่มชุดเทาก็พว่ามีผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังรวมตัวกันอยู่ไม่ไกล และยืนอยู่ริมขอบผนังห้องโถงโปร่งใสแห่งหนึ่ง ท่าทางกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ภายในอยู่

“เจ้าหนุ่มชุดม่วงนี่สมควรพาใครเข้ามาด้วยไม่ผิดแน่…ไม่งั้นมันคงไม่ต้องเจอกับร่างจิตต่อสู้ที่ร้ายกาจขนาดนี้หรอก!”

“ก่อนหน้านี้อัจฉริยะของนิกายสืออวิ๋น หงเทา ก็ตกตายคามือร่างจิตต่อสู้นั่นไปแล้ว…หงเทาผู้นั้นแม้จะเข้าใจความหมายแห่งไม้ ซึ่งเป็นความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้แล้วแท้ๆ แต่ยังรับมือร่างจิตต่อสู้นั่นได้แค่ร้อยกระบวนท่า สุดท้ายก็ต้องถูกฆ่าไปในที่สุด…”

“หงเทานั่น…9 ใน 10 ไม่พ้นมันได้เจอน้องชายของมัน จากนั้นก็ช่วยน้องชายเก็บแต้มแล้วพามาจนถึงที่นี่?”

“คงเป็นเช่นนั้นล่ะ ถึงตอนนี้ท่าทางน้องชายมันจะไม่กล้าออกจากห้องเล็กๆนั่น…กระนั้นหงเทาก็ยังต้องจ่ายราคาที่มันโกงเพื่อช่วยน้องชายมันอยู่ดี ข้าว่าวังจอมราชันอมตะจอมราชัน ตั้งใจเพิ่มความยากให้กับผู้ทดสอบที่ช่วยเหลือและพาคนอื่นมาที่นี่โดยเฉพาะ”

“ข้าก็ว่างั้น…การทดสอบแรก พวกเราแค่เจอกับยอดเซียนอมตะ 10 คน และพลังฝีมือก็เทียบได้กับยอดเซียนอมตะทั่วๆไปเท่านั้น ! แต่หงเทากับเจ้าหนุ่มนี่ที่สมควรโกงมา จำต้องเจอกับบร่างจิตต่อสู้ชวนสยองนั่น!”

“ข้าที่ออกมาก่อน ก็ได้เห็นหงเทาประมือกับร่างจิตต่อสู้นี่แต่แรก เดิมทีก็สูสีกันอยู่หรอก แต่พอผ่านไปร้อยกระบวนท่า อยู่ๆพลังของร่างจิตต่อสู้ก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างกะทันหัน ถึงขั้นเทียบได้กับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งแห่งกฏ 2 ประการจนแตกฉาน!”

“ถึงตอนนี้พวกเราจะเห็นว่าเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นมันยังสูสีกับร่างจิตต่อสู้อยู่…แต่รอให้ผ่านไปครบ 100 กระบวนท่าก่อนเถอะ พอพลังของร่างจิตต่อสู้เพิ่มพูนขึ้นมา เจ้าหนุ่มชุดม่วงนี่ได้ตายคาที่แน่!!”

บริเวณข้างกำแพงห้องโถงจุดนั้น มีคนยืนอยู่ 5-6 คน นอกจากนั้นยังมีห้องโถงอื่นๆอีกหลายห้อง และด้านในก็มีคนกำลังสู้กับร่างจิตต่อสู้เช่นกัน

“ตรงนั้นมันมุงดูอะไรอยู่กันแน่?”

ชายหนุ่มชุดเทาที่พึ่งออกมาจากห้องโถงของตัวเอง พอหันไปมองรอบๆมันก็พบว่านอกจากผนังห้องโถงของตัวเองจะกลายเป็นโปร่งใสจนเห็นได้ชัดแล้ว ยังปรากฏห้องโถงเรียงรายกันมากมายราวห้องแถว และหากไปยืนอยู่ที่ผนัง ก็จะสามารถมองเห็นเรื่องราวในห้องโถงได้ชัดเจน

นอกจากนั้นนอกจากเห็นคน 5-6 คนกำลังมุงดูเรื่องราวในห้องโถงห้องหนึ่งแล้ว ห้องโถงอื่นๆก็มีคนกำลังต่อสู้ไม่น้อย

สำหรับในห้องโถงที่ไม่มีใครไปมุงดู คนในห้องก็กำลังเผชิญกับศัตรูเหมือนกับที่มันพึ่งเอาชนะมาได้ ร่างจิตต่อสู้ 10 ร่าง ที่แต่ละร่างเทียบได้กับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด ที่เชี่ยวชาญวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังระดับขุนนางครบทุกสาย

ชายหนุ่มเหลือบมองไปยังห้องโถงที่มีผู้คนกำลังสู้อยู่รอบๆ ก็พบว่าผู้ที่กำลังประมือกับร่างจิตต่อสู้ทั้ง 10 อย่างไม่ลำบาก บ้างก็บดขยี้ได้อย่างราบคาบ เรียกว่าไม่มีใครที่พลังฝีมืออ่อนด้อย กระทั่งล้วนเข้าใจความหมายแห่งกฏแล้วหมดสิ้น

“ห้องโถงห้องนั้นมีอะไรกันแน่นะ…”

ชายหนุ่มละสายตาจากห้องโถงรอบๆกลับมา ก่อนจะหันไปมองห้องโถงที่มีคนออมุงอยู่ 5-6 คนอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เดินเข้าไปหยุดมองเรื่องราวเหมือนคนอื่น

“เป็นเจ้านั่น!”

หลังเหลือบมองไปปราดเดียว ชายหนุ่มคนดังกล่าวก็สังเกตเห็นร่างชายหนุ่มชุดม่วงกำลังประมือกับร่างจิตต่อสู้ร่างหนึ่ง ขณะเดียวกันมันก็จดจำอีกฝ่ายได้ทันที

ต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะแห่งประเทศฝูชิว!

“คู่ต่อสู้ของมัน…”

ครู่ต่อมาความสนใจของชายหนุ่มก็ผละออกจากร่างต้วนหลิงเทียนไปยังร่างจิตต่อสู้ที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสู้ด้วย จึงตระหนักได้ว่า แม้จะเป็นร่างจิตต่อสู้แค่ร่างเดียว แต่กลับร้ายกาจกว่าจิตต่อสู้ทั้ง 10 ที่มันเจอมามาก

“ร่างจิตต่อสู้ร่างนี้…ต่อให้จะเป็นข้าในตอนนี้ แม้จะใช้ออกด้วยทั้งหมดที่มี…แต่เกรงว่าต้องใช้ราวๆ 30 กระบวนท่าถึงจะฆ่ามันได้”

“แถมฟังจากที่พวกนั้นคุยกัน…ร่างจิตต่อสู้นี่หลังผ่านไปร้อยกระบวนท่าแล้ว มันจะยกระดับพลังขึ้นไปอีกขั้น!”

สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังไม่น้อย

“เหลืออีก 22 กระบวนท่า…ถึงพลังฝีมือเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นจะไม่ใช่เล่นๆเลย แต่ถ้ามันฆ่าร่างจิตต่อสู้นี่ไม่ได้ในร้อยกระบวนท่า มันต้องตายแน่นอน!”

“ต่อให้เป็นข้าเจอแบบนั้น ข้าก็มีแต่ต้องรอความตายถ่ายเดียว…พลังฝีมือของร่างจิตต่อสู้ร่งนี้มันร้ายกาจเกินไป ที่สำคัญในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ พวกเรายังไม่อาจพึ่งพลังภายนอกใดๆได้เลย ไม่ว่าจะเป็นยันต์อมตะหรือโอสถเพิ่มพลังใดๆก็ตาม”

“ใช่ ไม่ว่าอะไรจะยันต์อมตะหรือโอสถ ขอเพียงพลังเกินขอบเขตยอดเซียนอมตะล้วนใช้ไม่ได้ทั้งสิ้น…แถมโอสถบางชนิดยิ่งแล้วใหญ่ เกินเอามาใช้แล้วระดับพลังในร่างเกินขอบเขตยอดเซียนอมตะขึ้นมา เห็นว่าจะถูกพลังของแดนสวรรค์ใต้โบราณฆ่าทิ้งทันที!!”

“หากคิดจะเอาชนะร่างจิตต่อสู้นั่น เว้นแต่จะเข้าใจความลึกซึ้ง 2 ประการ…ไม่งั้นคงยากจะจัดการมันได้ ท้ายยยที่สุดแวอาวุธที่ร่างจิตต่อสู้ใช้อยู่ เห็นชัดว่ามีพลังทัดเทียมกับอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่จอมราชันอมตะใช้พลังขัดเกลาหล่อเลี้ยงเช่นกัน!”

ชายหนุ่มชุดเทาที่มายืนดูต้วนหลิงเทียนในห้องโถงเหมือนคนอื่นๆ หลังได้ฟังบทสนทนา มันก็ทราบว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันไปแล้ว…ต้วนหลิงเทียนเสมือนนักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิต!