ตอนที่ 3017

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,017 : น้ำพิฆาตวิญญาณ!

 

 

 

หลังผ่านพ้นประสบการณ์ร่างหวิวราวกับตกจากที่สูงและสายตามืดบอด ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนที่กลับมามองเห็นเรื่องราวอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนแท่นศิลาขนาดใหญ่แท่นหนึ่ง ส่วนเบื้องหน้าก็เป็นดั่งหุบเหวลึกไร้สิ้นสุดปานจะดิ่งลงไปถึงก้นบึ้งของนรก

 

“ที่นี่ที่ไหน?”

 

“พวกเราออกจากพื้นที่บททดสอบแรกแล้วรึ?”

 

“ที่นี่จะใช่สถานที่รับบททดสอบที่ 2 ของวังจอมราชันอมตะหรือไม่?”

 

 

เสียงซุบซิบถามไถ่เริ่มดังระงมเข้าหูต้วนหลิงเทียน พอเขาหันรีหันขวางไปรอบๆ ก็พบว่านอกจากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับคนที่เจอก่อนหน้าแล้ว ยังมีคนอื่นๆที่เขาไม่รู้จักเพิ่มมาอีก 8 คน

 

ทันใดนั้นสายตาของต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น ไม่เว้นพวกเชวียจิงอวี่ที่เหลือก็หันไปจับจ้องมองสำรวจ 8 คนที่ไม่คุ้นหน้าทันที

 

ในบรรดา 8 คนที่ไม่คุ้นหน้านั้น มีชายวัยกลางคน ชายหนุ่ม และก็สตรีนางหนึ่งที่มีรูปโฉมงดงาม ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นงดงามเกินห้ามใจ ยากหาสตรีใดเสมอเหมือน แต่ก็นับว่ามีเสน่ห์ไม่ใช่เล่น

 

“นั่นมัน…ตงฟางจิ่นหลุน!”

 

เชวียจิงอวี่ที่สายตาไปหยุดลงยังร่างชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์เรียบง่ายคนหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าของมันยังเริ่มเต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลายส่วน

 

“ตงฟางจิ่นหลุน!?”

 

ทันใดนั้นหลายๆคนที่อยู่ไม่ห่างเชวียจิงอวี่เท่าไหร่ ก็เริ่มหันไปมองตามสายตามันทันที จากนั้นจึงแลเห็นชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์ที่ว่า

 

“เป็นตงฟางจิ่นหลุนผู้นั้นจริงๆ!!”

 

“ตงฟางจิ่นหลุนผู้นี้ นับเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในรอบหมื่นปีของตระกูลตงฟาง อายุของมันพึ่งจะ 200 ปีเศษๆเท่านั้น แต่กลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งสายฟ้าได้ 2 ประการแล้ว!”

 

 

เห็นได้ชัดว่าในกลุ่มของต้วนหลิงเทียนยังมีคนรู้จักอีกฝ่ายไม่น้อย

 

“ตงฟางจิ่นหลุนรึ?”

 

ต้วนหลิงเทียนก็หันมองไปตามสายตาของพวกเชวียจิงอวี่ ในที่สุดก็เห็นชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์คนหนึ่ง

 

ชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์ที่ว่า มีรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้ารูปเหลี่ยม คิ้วหนาตาโตริมฝีปากหนาให้ความรู้สึกดุดัน

 

มันยืนอยู่ตรงนั้นดั่งหอคอยเหล็ก นิ่งสงบไม่ไหวติงดั่งภูผา แม้จะได้ยินเสียงอุทานทักของพวกเชวียจิงอวี่ คนก็ยังคงเฉยเมยไร้แสสิ่งใด

 

“ตงฟางจิ่นหลุน เป็นทายาทสายตรงของสกุลตงฟางอันเป็นตระกูลระดับ 7 อายุได้ 200 ปีเศษ แต่เข้าใจความลึกซึ้งอย่าง ‘ความหมายแห่งสายฟ้า’ และ ‘อัสนีฟาด’ ของกฏแห่งสายฟ้าแล้ว”

 

ก่อนหน้าที่พวกเชวียจิงอวี่สนทนาฆ่าเวลากันเรื่องยอดฝีมือระดับแนวหน้าที่เข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ก็มีเอ่ยถึงตงฟางจิ่นหลุนผู้นี้เช่นกัน

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงพอจะรับทราบความเป็นมาของอีกฝ่ายคร่าวๆ รู้ว่าอีกฝ่ายนับเป็นยอดเซียนอมตะที่โดดเด่นคนหนึ่ง ในแง่ของความเร็วยังไม่ได้ด้อยไปกว่าสุมาฉุนที่เขาฆ่าทิ้งไปด้วยซ้ำ

 

ความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าอย่าง ‘อัสนีฟาด’ นั้น กล่าวไปในแง่ของการเพิ่มพูนความเร็วแล้วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า ลมกรด อันเป็นความลึกซึ้งของกฏแห่งลมเท่าไหร่ ขณะเดียวกันยังนับเป็นความลึกซึ้งที่ค่อนข้างทรงพลังไม่น้อยของกฏแห่งสายฟ้า

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

เชวียจิ่งอวี่และคนอื่นๆ เร่งรุดเหินร่างมาหยุดยืนด้านหลังต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นทันที เห็นได้ชัดว่าพวกมันคิดใช้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นเกราะกำบัง

 

เพราะสำหรับพวกมัน ให้เทียบกับต้วนหลิงเทียนและหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้ว อีก 8 คนนั่นอันตรายกว่า!

 

“สตรีนางนั้น…ไฉนข้ารู้สึกว่าหน้านางคุ้นๆนักนะ?”

 

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเชวียจิงอวี่ หลังสังเกตเห็นสตรีที่ยืนอยู่เพียงลำพังในบรรดาคนทั้ง 8 ไกลๆ ก็เอ่ยขึ้นมาลอยๆด้วยความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา

 

“นางก็คือ โอวหยา จากด่านน้ำแข็งยะเยือก”

 

เชวียจิงอวี่เอ่ยออกเสียงหนัก

 

ในฐานะองค์ชายรองที่โดดเด่นที่สุดในบรรดายอดเซียนอมตะของประเทศหนันฉี่แห่งดินแดนพันประเทศในเขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยว มันมักติดตามฮ่องเต้หนันฉี่ไปเยี่ยมขุมกำลังหลักต่างๆเพื่อสานไมตรี จึงมีโอกาสได้พบอัจฉริยะในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวหลายคน

 

ไม่ว่าจะเป็นตงฟางจิ่นหลุนของตระกูลระดับ 7 อย่างตระกูลตงฟาง หรือโอวหยาแห่งด่านน้ำแข็งยะเยือกอันเป็นขุมกำลังระดับ 8 มันก็เคยพบปะสนทนากันมาแล้ว

 

แต่เป็นธรรมดาว่ามันจดจำผู้อื่นได้ แต่ผู้อื่นไม่แน่ว่าจะจดจำมันได้

 

“ด่านน้ำแข็งยะเยือก โอวหยา?”

 

“ข้าเคยได้ยินชื่อเสีงเรียงนามของโอวหยาแห่งด่านน้ำแข็งยะเยือกมาบ้าง เห็นว่านางยังเป็นอัจฉริยะหญิงที่พลังฝีมือร้ายกาจอย่างยากจะพบพานในเขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยว…อายุไม่ถึง 200 ปี แต่กลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏน้ำแข็งได้ 2 ประการแล้ว!”

 

“วัดกันในแง่พลังฝีมือ โอวหยาแห่งด่านน้ำแข็งยะเยือกผู้นี้ ยังร้ายกาจยิ่งกว่าตงฟางจิ่นหลุนเสียอีก…แต่กระนั้นต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็สมควรสยบนางได้อย่างไร้ปัญหา”

 

 

คนที่มาหลบด้านหลังต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น หลังเหลือบมองสตรีหนึ่งเดียวในอีก 8 คนที่ไม่คุ้นหน้าสักพัก ก็วกกลับมามองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น

 

“โอวหยา?”

 

ต้วนหลิงเทียนก็เหลือบมองโอวหยาที่ยืนอยู่ไกลตาเช่นกัน เขาเองก็เคยได้ยินพวกเชวียจิงอวี่เอ่ยถึงความเป็นมาของนางมาก่อน จึงรู้ว่านางมาจากขุมกำลังระดับ 8 ด่านน้ำแข็งยะเยือก และเป็นอัจฉริยะหญิงที่โดดเด่นของที่นั่น

 

ถึงแม้ด่านน้ำแข็งยะเยือกจะจัดเป็นขุมกำลังระดับ 8 ก็จริง แต่พลังรบโดยรวมของพวกมันนับว่าเหนือกว่าขุมกำลังระดับ 8 ทั่วไปมาก

 

อย่างน้อยๆก็ไม่มีประเทศระดับ 8 ใดในดินแดนพันประเทศ สามารถเทียบกับด่านน้ำแข็งยะเยือกได้

 

และวรยุทธ์อมตะประจำด่านน้ำแข็งยะเยือก ก็เป็นวรยุทธ์อมตะระดับราชาที่มีกฏน้ำแข็งแฝงเร้นเอาไว้ ทำให้ผู้ฝึกสามารถเข้าใจความหมายแห่งน้ำแข็ง และความลึกซึ้งอีกประการอย่าง เยือกแข็ง ของกฏน้ำแข็งได้

 

‘ความลึกซึ้ง เยือกแข็ง ของกฏน้ำแข็ง…แค่ฟังชื่อความลึกซึ้งนี่ ก็บอกได้ว่าสมควรเป็นความลึกซึ้งที่มีพลังอำนาจแช่แข็งคู่ต่อสู้…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบคาดเดาในใจ

 

ส่า!

 

ส่า!

 

ไม่นานหลังจากที่คน 2 กลุ่มปรากฏตัว ก็บังเกิดเสียงดังขึ้นมาจากเบื้องหน้า ฟังแล้วคล้ายเสียงน้ำที่กำลังจะเอ่อล้นท่วมตลิ่งอยู่บ้าง

 

“นี่มัน…”

 

พอต้วนหลิงเทียนกลับมารู้สึกตัว มองไปเบื้องหน้าเขาก็พบว่าอดีตหุบเหวที่ลึกจนไม่เห็นก้นนั่น บัดนี้ได้ปรากฏมววลน้ำหนึ่งกำลังเพิ่มระดับขึ้นมาด้วยความเร็วสูง

 

และต้วนหลิงเทียนยังตระหนักได้ว่าจุดที่พวกเขายืนอยู่นั้น เสมือนเป็นตลิ่งข้างแม่น้ำ

 

มวลน้ำเบื้องหน้ายังแลดูคุ้มคลั่งเกรี้ยวกราด คลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดสาดไปมาดั่งมังกรเกรี้ยวกราด แลดูอันตรายไม่ใช่เล่น

 

ยิ่งไปกว่านั้นคลื่นน้ำที่สาดซัดไปมาเหล่านี้ สำนึกเทววะที่ต้วนหลิงเทียนแผ่ไปตรวจสอบก็บอกได้ทันทีว่ามันไม่ใช่น้ำธรรมดาๆ!

 

คลื่นน้ำที่สาดไปมาราวทะเลคลั่งเบื้องหน้า เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายน่ากลัวประการหนึ่ง และกลิ่นอายน่ากลัวที่ว่าก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างยิ่งยวด

 

กระทั่งวิญญาณของเขายังรู้สึกเสมือนสะท้านไปทันทีที่พบเจอมัน

 

“ที่เจ้าเห็นอยู่คือ น้ำพิฆาตวิญญาณ”

 

ทันใดนั้นเสียงหวงเอ้อพลันดังขึ้นในใจต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ “น้ำพิฆาตวิญญาณที่ว่า เมื่อกระทบถูกร่างผู้คน มันก็สามารถเปล่งพลังเข้าไปทำลายดวงจิตของผู้คนได้”

 

“ไม่ว่าผู้ใดหากยังอยู่ใต้ขอบเขตขุนนางอมตะ หรือไร้อุปกรณ์อมตะป้องกันวิญญาณระดับสูง หากสัมผัสกับน้ำพิฆาตวิญญาณย่อมต้องตกตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”

 

หวงเอ้อกล่าว

 

“น้ำพิฆาตวิญญาณ?”

 

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีเล็กลง ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มเหินร่างลอยขึ้น ด้วยตระหนักว่าอีกไม่นานน้ำพิฆาตวิญญาณที่ว่าต้องเอ่อล้นมาท่วมตลิ่งที่เขายืนอยู่แน่

 

“แต่เป็นธรรมดาว่าน้ำพิฆาตวิญญาณนี่ไม่อาจทำอะไรเจ้าได้เลย…เพราะด้านนอกดวงจิตของเจ้ามีพลังของทองเทพสุดลี้ลับคุ้มกันอยู่ อาศัยพลังของน้ำพิฆาตวิญญาณย่อมไม่อาจนับเป็นอะไรได้”

 

วาจาต่อมาของหวงเอ้อ ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักว่าเขากังวลมากเกินไป ที่แท้เขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไรน้ำพิฆาตวิญญาณนี่เลย

 

“ชิบหาย มารดามัน! นิ…นี่คือน้ำพิฆาตวิญญาณ!!”

 

“น้ำพิฆาตวิญญาณ!? น้ำที่หากด่านพลังอ่อนด้อยกว่าขุนนางอมตะ เมื่อถูกมันสาดกระทบก็จำต้องตกตายคาที่นั่นนน่ะรึ!?”

 

“ให้ตายเถอะ นี่คือบททดสอบที่ 2 ของวังจอมราชันอมตะรึ?!”

 

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเริ่มลอยร่างขึ้นไปบนอากาศ บางคนก็เริ่มทำตาม และมีบางคนที่จดจำน้ำพิฆาตวิญญาณได้ ก็โพล่งออกมาอย่างตื่นกลัว ทำให้คนที่เหลือพอได้ฟังก็เร่งรุดเหินขึ้นไปบนฟ้าตามๆกัน

 

และเมื่อระดับน้ำของน้ำพิฆาตวิญญาณเพิ่มสูงขึ้น จนปรากฏคลื่นน้ำซัดสาดไปยังแท่นหินที่เป็นดั่งริมตลิ่งที่พวกมันยืนอยู่เมื่อครู่ หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ!

 

“พวกเจ้าดูนั่นเร็ว…กล่อง! มีกล่องลอยอยู่บนผิวน้ำพิฆาตวิญญาณด้วย!!”

 

เสียงหนึ่งดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน ทำให้เขาก้มลงไปมองน้ำพิฆาตวิญญาณเบื้องล่างทันที

 

มองไปปราดเดียว ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเหนือผิวน้ำพิฆาตวิญญาณเบื้องล่าง มีกล่องหลายใบลอยล่องอยยู่ หากแต่ด้วยพลังบางประการที่ปกคลุมทั่วกล่อง จึงทำให้สำนึกเทวะของเขาไม่อาจชำแรกเข้าไปตรวจสอบสิ่งของด้านในได้

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ได้ทันทีว่าเมื่อเขาไม่อาจตรวจสอบสิ่งของภายในกล่องได้ คนอื่นก็ไม่อาจตรวจสอบได้เช่นกัน

 

เพราะสุดท้ายแล้วทุกคนในที่นี้ก็เป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดเหมือนเขา ระดับพลังวิญญาณย่อมทัดเทียมกัน

 

“ในกล่องพวกนี้…สิบในสิบข้าเชื่อว่าต้องมีสมบัติที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ทิ้งไว้!”

 

ในบรรดา 8 คนที่ลอยร่างอยู่ไม่ไกลมากนัก ปรากฏชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวออกด้วยรอยยิ้มร่า ดิ่งร่างนำลงไปเป็นคนแรก มุ่งหน้าไปยังกล่องใบหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด!

 

กล่องที่ว่านั้นกว้างยาวสูงด้านละ 5 ฉื่อ เรียกว่าสามารถเก็บอุปกรณ์อมตะไว้ได้เกือบทุกชนิด!

 

แน่นอนว่าเมื่อดิ่งร่างลงไปจนเข้าใกล้กล่องแล้ว ชายวัยกลางคนก็ไม่กล้าผลีผลามวู่วาม ความเร็วของมันเริ่มชะลอตัว

 

นอกจากนั้นทั่วร่างของมันยังปรากฏเงาร่างเกราะสีน้ำเงินให้เห็น บ่งบอกว่ามันได้เตรียมพร้อมเป็นอย่างดี

 

ต่อหน้าน้ำพิฆาตวิญญาณ ไหนเลยมันจะกล้าประมาท!

 

“กล่องใบนี้เป็นของข้า!!”

 

ครู่ต่อมาร่างชายวัยกลางคนก็มาหยุดอยู่เหนือกล่องที่ลอยตุ๊บป่องบนผิวน้ำพิฆาตวิญญาณ มันยังพุ่งมือลงไปหมายคว้าจับกล่องดังกล่าวทันที

 

หมับ!

 

ชายวัยกลางคนที่พุ่งมือไปฉับไวปานสายฟ้า พอคว้าจับกล่องได้แล้ว มันก็พยายามยกขึ้นรวดเดียว!

 

อย่างไรก็ตามวินาทีที่มือของชายวัยกลางคนแตะถูกกล่องนั้น บริเวณผิวกล่องก็เริ่มปรากฏพลังลี้ลับออกมาทันใด

 

จากนั้นพลังลี้ลับดังกล่าวก็แผ่กำจายออกไปดั่งวงคลื่นน้ำ

 

ซัว!

 

ซัว!

 

 

เมื่อคลื่นพลังลี้ลับกำจายออกไปได้ไม่ทันไร น้ำพิฆาตวิญญาณโดยรอบก็คล้ายมีชีวิตขึ้นมา พวกมันปะทุลุกฮือขึ้นมาปานมังกรพิโรธทะยานออกจากลำน้ำ!

 

“หนักไม่ใช่เล่นเลย”

 

ขณะที่ยกกล่องขึ้นมา ชายวัยกลางคนก็พบว่าตัวกล่องมีน้ำหนักไม่ใช่เล่นๆ แม้มันจะพยายามใช้พลังทั้งหมดแล้ว แต่ก็ทำได้แค่หอบหิ้วกล่องขึ้นมาด้วยความเร็วปานหอยทากตะกาย…

 

และตอนนี้เองมันที่ไม่ทันระวัง น้ำพิฆาตวิญญาณโดยรอบที่อยู่ๆก็ปะทุขึ้น ก็ตลบม้วนสาดเข้ามาทางมันปานข่ายฟ้าแหสวรรค์ ไร้ซึ่งหนทางหลบหนีใดๆ ทำให้สีหน้าชายวัยกลางคนที่พึ่งพบความเคลื่อนไหวรอบตัวดังกล่าวเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!

 

“ไม่–!!”

 

ชายวัยกลางคนทำได้แค่กรีดร้องออกมาเสียงหลงอย่างลนลาน จากนั้นมันก็ถูกคลื่นน้ำพิฆาตวิญาณที่สาดเข้ามาจากทุกทิศทางม้วนกลืนร่างไปในพริบตา เสียงมันยังดับวูบลงทันใด

 

และเมื่อน้ำพิฆาตวิญญาณที่ปั่นป่วนม้วนกลืนร่างมันไปค่อยๆสงบลง ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็แลเห็นร่างชายวัยกลางคนนอนฟุบอยู่บนกล่องที่มันคิดจะหยิบยกเมื่อครู่ สองตายังเบิกโพลงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เห็นชัดว่ามันไม่อยากตาย

 

อย่างไรก็ตามพลังในร่างของมันค่อยๆสิ้นสลายไปอย่างรวดเร็ว เนื่องเพราะดวงจิตของมันได้ถูกน้ำพิฆาตวิญญาณทำลายสิ้น วิญญาณของมันด้านในก็ดับสูญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…

 

“น่ากลัวนัก!”

 

“ให้ตายเถอะ…แค่พริบตาเดียว น้ำพิฆาตวิญญาณนั่นก็ทำลายวิญญาณของเจ้านั่นจนสลายไปแล้ว!”

 

“อันตราย! ช่างอันตรายยิ่งนัก!!”

 

“เดิมทีข้าก็คิดจะลงไปเก็บกล่องนั่นขึ้นมาดูว่าด้านในมีสมบัติอันใด…โชคดีที่เจ้านั่นมันลงมือก่อนข้า ไม่งั้นคนที่ตายคากล่องนั่นอาจเป็นข้า!!”

 

 

พอเห็นชายวัยกลางคนวิญญาณสลายตกตายไปในชั่วพริบตาเดียว หลายคนที่ลอยร่างชมดูเรื่องราวอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดเสียว และรู้สึกโชคดีนักที่พวกมันไม่ได้เป็นคนลงมือคนแรก!

 

“หึ! ไม่เจียมตัว!”

 

เสียงสบถเยียบเย็นมากล้นไปด้วยความดูแคลนหนึ่งดังขึ้น และเจ้าของเสียงสบถดังกล่าวก็คือ ตงฟางจิ่นหลุน อัจฉริยะจากตระกูลตงฟาง…ตระกูลระดับ 7!