บทที่ 1852 รีบเตรียมพร้อมตั้งครรภ์ + ตอนที่ 1853 สามต่อเจ็ดดีล

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1852 รีบเตรียมพร้อมตั้งครรภ์

 

เฮ่อเหลียนเช่อสาวเท้าเดินจากไป เขาไม่ได้กลับไปหาเหมยซูหานแต่ไปเรือนหอที่มีอู่เยวี่ยอยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว

 

“คุณชายเช่อ”

 

อู่เยวี่ยลุกขึ้นอย่างนอบน้อม เธอไม่มีทางคิดเองเออเองไปว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะกลับมาเพื่อเข้าเรือนหอกับเธอ

 

“ช่วงสามวันนี้พักผ่อนให้ดี เตรียมตัวผ่าตัด!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดอย่างเย็นชา

 

วันนี้ถูกไอ้บ้าเหยียนหมิงซุ่นนั่นก่อความวุ่นวายไปรอบหนึ่ง หนิงเฉินเซวียนต้องไม่พอใจอู่เยวี่ยแน่ เขารู้จักหนิงเฉินเซวียนดีเสียยิ่งกว่าใคร

 

ในเมื่อเกิดความไม่พอใจต่ออู่เยวี่ยขึ้นแล้ว หนิงเฉินเซวียนจะไม่มีทางเก็บอู่เยวี่ยไว้ เขาจะต้องคิดหาทุกวิถีทางเพื่อขับไล่อู่เยวี่ยออกไป

 

วิธีเดียวที่จะทำให้อู่เยวี่ยอยู่ที่นี่ต่อไปได้ก็คือการทำให้อู่เยวี่ยท้อง ถ้ามีเด็กแล้วต่อให้หนิงเฉินเซวียนจะไม่ชอบใจอู่เยวี่ยก็คงทำได้แค่ให้เธออยู่ที่นี่ต่อไป

 

ส่วนหลังจากที่คลอดเด็กออกมาแล้ว หนิงเฉินเซวียนอยากจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้วล่ะ

 

ท่าทีของอู่เยวี่ยเปลี่ยนไปมาก โพล่งถามขึ้นว่า “ไหนบอกว่าอีกหนึ่งเดือนไม่ใช่เหรอ?”

 

เดิมทีเธอคิดเอาไว้ว่าภายในหนึ่งเดือนนี้ค่อยคิดหาวิธีถ่วงเวลา เธอไม่อยากเสียโอกาสในการเป็นดาราไปจริง ๆ หลังจากคลอดลูกร่างกายของเธอต้องเปลี่ยนไปแน่ ต่อให้มีความสามารถแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถแข่งกับเด็กสาวเหล่านั้นที่มีหน้าตาสะสวยได้หรอก!

 

เธอไม่เต็มใจเอาเสียเลย !

 

“สิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือเชื่อฟังคำสั่ง ฉันบอกว่าอีกสามวันก็คืออีกสามวัน ช่วงสามวันนี้ดูแลสุขภาพให้ดี หวังว่ามันจะสำเร็จได้ในครั้งเดียว”

 

เฮ่อเหลียนเช่อพูดออกมาอย่างเย็นชาและยากที่จะปฏิเสธ

 

“คุณชายเช่อ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อฟังคำสั่ง แต่สภาพร่างกายของฉันในตอนนี้ไม่เหมาะกับการตั้งครรภ์จริง ๆ ถ้าหากเด็กที่คลอดออกมาไม่สมบูรณ์…”

 

อู่เยวี่ยพยายามพูดเกลี้ยมกล่อมเฮ่อเหลียนเช่อโดยหยิบยกเรื่องที่เด็กอาจพิการได้ขึ้นมา ในความจริงเธอจะดูดกัญชาได้อย่างไร ร่างกายสมบูรณ์ดีพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมอีก

 

“ถ้าพิการก็ค่อยคลอดใหม่ คลอดจนกว่าเธอจะได้ลูกที่สมบูรณ์ออกมา!”

 

ดวงตาโฉบเฉี่ยวเรียวยาวของเฮ่อเหลียนเช่อไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก อู่เยวี่ยไม่เพียงแค่สั่นสะท้านแต่เสียววาบตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

เธอไม่อยากกลายเป็นแม่หมู ที่คลอดเด็กหนึ่งคนเสร็จก็ต้องรีบพักฟื้นให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงแล้วก็คลอดเพิ่มอีกหลาย ๆคน ถ้าเป็นอย่างนั้นร่างกายก็ต้องเปลี่ยนไปโดยปริยาย

 

“คุณชายเช่อวางใจเถอะค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”

 

อู่เยวี่ยรู้ตัวดี เรื่องเด็กคนนี้เธอหนีไม่พ้นแล้ว ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คงต้องเลือกที่จะเผชิญหน้า

 

แต่น่าเสียดายที่กว่าจะได้รับโอกาสเป็นนางรองในละคร เธอถูกโปรดิวเซอร์นั่นทรมานอยู่หลายคืน เปล่าประโยชน์จริง ๆ

 

วันที่สามหลังจากงานแต่งงานของเฮ่อเหลียนเช่อ เหมยเหมยก็ได้รับสายจากเหมยซูหานบอกว่ามีเรื่องอยากจะพบเธอ และได้นัดเธอที่โรงน้ำชา

 

เหมยเหมยไตร่ตรองดูแล้วจึงตัดสินใจจะไป ถึงอย่างไรการที่ฉีฉีเก๋อกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็เพราะเขาช่วยไว้ เธอไม่ใช่คนที่ได้รับผลประโยชน์แล้วจะถีบหัวส่ง ถึงแม้เธอจะไม่อยากเจอหน้าเหมยซูหานก็ตาม

 

โรงน้ำชาที่นี่เงียบสงบ เหมยซูหานแลดูซูบลง ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ตรงหว่างคิ้วชนกันเหมือนมีเรื่องกลัดกลุ้มใจ

 

เหมยเหมยรู้แก่ใจดี แม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะแต่งงานแบบปลอม ๆกับอู่เยวี่ย แต่ถึงอย่างไรก็แต่งงานแล้ว เหมยซูหานดีใจสิแปลก!

 

“มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันเหรอ?” เหมยเหมยถาม

 

เหมยซูหานยิ้มอ่อนพลางรินชาให้เธอแก้วหนึ่ง เขาไม่อ้อมค้อมแต่ถามออกไปตรง ๆเลยว่า “ฉันต้องการทำงานร่วมกับพี่สามของเธอในการถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์ได้ไหม?”

 

เดิมทีเขาวางแผนที่จะกว้านซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ แต่ได้ยินมาว่าจ้าวเสวียเอ๋อร์กำลังเตรียมการที่จะถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์อยู่ จึงเปลี่ยนความตั้งใจและคงทำได้แค่ขอสิทธิ์ในการร่วมมือ

 

“ขอโทษด้วย ฉันขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์โทรทัศน์ให้พี่สามไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ” เหมยเหมยโยนเรื่องทิ้งไปให้จ้าวเสวียเอ๋อร์แทน

 

เหมยซูหานยกยิ้มทันที “เธอฟังฉันพูดให้จบก่อนสิ ฉันรู้ว่าเธอหานางเอกได้แล้วแต่ยังหาพระเอกไม่ได้ ฉันจะแนะนำคน ๆหนึ่งให้ หานจื่อจวินเธอคิดว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

………………………………………………………………….

 

ตอนที่ 1853 สามต่อเจ็ดดีล

 

หานจื่อจวิน?

 

เหมยเหมยชะงักไป หานจื่อจวินเป็นดาราดังสุดฮอตในตอนนี้ ทั้งหน้าตาดีทั้งมีฝีมือในการแสดง ตอนที่เธอพิจารณานักแสดงชายที่จะมารับบทพระเอกคนแรกที่เธอนึกถึงก็คือหานจื่อจวิน แต่เธอก็ละทิ้งความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว

 

แม้อายุของหานจื่อจวินจะไม่มากแต่เขาแสดงในหนังฟอร์มยักษ์มาโดยตลอด และความสำเร็จในวงการภาพยนตร์ของเขาก็ไม่น้อยหน้าใคร ได้รับรางวัลอยู่หลายครั้ง อนาคตไกลอย่างไร้ขีดจำกัด เขาจะยอมลดเกียรติมาแสดงละครทีวีได้อย่างไร? ซ้ำยังเป็นละครแนวรักใส ๆอีกด้วย

 

ดังนั้นถึงเหมยเหมยจะสนใจหานจื่อจวินมากแต่เธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เธอจึงให้จ้าวเสวียเอ๋อร์ตามหานักแสดงชายคนใหม่ แต่ตอนนี้เหมยซูหานกลับพูดออกมาว่าจะให้หานจื่อจวินมารับบทเป็นพระเอกของเธอ? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

 

เหมยซูหานยกชาขึ้นจิบด้วยท่าทีสงบ อมยิ้มแล้วพูดว่า “หานจื่อจวินค่อนข้างสนิทกับฉัน ถ้าฉันให้เขามาแสดง เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่”

 

ความจริงแล้วเขาเคยมีบุญคุณต่อหานจื่อจวิน ถึงแม้ว่าตอนนี้หานจื่อจวินจะประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง แต่ก่อนที่เขาจะเดบิวต์เข้าสู่วงการค่อนข้างยากจนข้นแค้น แม้แต่ข้าวยังไม่เคยกินอิ่มท้องสักมื้อเลย และก็เป็นเหมยซูหานเองที่ดึงศักยภาพของเขาออกมา ซ้ำยังใจกล้ายอมให้เขารับบทพระเอกในภาพยนตร์เรื่องใหม่จนโด่งดังในชั่วข้ามคืน

 

หลังจากครั้งนั้นหานจื่อจวินก็โด่งดังเป็นพลุแตกจนแทบคว้ารางวัลภาพยนตร์มาได้เกือบทุกเรื่อง

 

แม้ความสำเร็จจะเกิดจากการทำงานหนักและความพยายามของเขาเป็นหลัก แต่เรื่องที่เหมยซูหานมีส่วนช่วยทำให้เขาประสบความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นหานจื่อจวินจึงรู้สึกซาบซึ้งใจเหมยซูหานมาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะก่อตั้งสตูดิโอเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม แต่เมื่อไรที่เหมยซูหานเอ่ยปากขอร้องเขาก็จะตอบตกลงโดยทันที

 

เหมยเหมยนึกลังเลใจเพราะเธอชอบหานจื่อจวินมากจริง ๆ เธอเคยดูภาพยนตร์ทหารที่หานจื่อจวินแสดงมาก่อน ในภาพยนตร์เรื่องนั้นหานจื่อจวินสวมใส่ชุดทหารผู้กล้า ซึ่งเขามีส่วนคล้ายเหยียนหมิงซุ่นมาก

 

ตอนนั้นเธอจึงคิดว่าถ้าถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นภาพยนตร์ เธอจะต้องให้นักแสดงชายคนนี้มารับบทเป็นพระเอก

 

ตอนแรกเธอได้ละทิ้งความคิดนี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้เหมยซูหานกับโยนกิ่งต้นมะกอก[1]ขนาดนี้มาให้

 

เธอรู้สึกใจเต้นขึ้นมา

 

“นายจะร่วมลงทุนเท่าไร?” เหมยเหมยถาม

 

“วิธีที่ง่ายที่สุดส่วนแบ่งห้าสิบต่อห้าสิบ ลงทุนกันคนละครึ่ง” เหมยซูหานพูด

 

ในความเป็นจริงเขาแทบไม่สนใจต่อผลกำไรที่จะได้จากเรื่องนี้เลย เงินที่เขามีอยู่ในตอนนี้มีมากพอที่จะทำให้เขาใช้ไปอีกสิบชาติก็ใช้ไม่หมด เงินที่หามาได้ก็เป็นแค่การเพิ่มเลขศูนย์ด้านหลังเข้ามาอีกไม่กี่ตัวเท่านั้นเอง

 

เหตุผลที่เขามุ่งมั่นอยากจะถ่ายทำละครเจ้าหญิงอัปลักษณ์เรื่องนี้ มันเป็นเพราะใจเขาที่ยึดติดล้วน ๆ

 

เขาได้อ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์แล้ว ถ้าเป็นคนอื่นคงดูไม่ออก แต่เขามองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นชีวประวัติของเหมยเหมย

 

และในนั้นก็มีเขาอยู่ด้วย เขารู้สึกขอบคุณเหมยเหมยมากที่ไม่ได้เขียนให้เขากลายเป็นชายชั่วที่ไม่เอาไหน

 

บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่เขายึดติดมาจากชาติที่แล้ว หรือบางทีอาจจะเป็นความละอายใจที่เขามีต่อผู้หญิงตรงหน้าก็เป็นได้…

 

พอเหมยซูหานได้รู้ว่าเหมยเหมยเตรียมที่จะนำเจ้าหญิงอัปลักษณ์มาถ่ายทำเป็นละครทีวี จึงได้ตัดสินใจจะเข้าร่วมเป็นผู้ผลิตละครทีวีเรื่องนี้ด้วย

 

ได้เงินหรือเปล่าเขาไม่สน แต่เขาไม่อยากให้เหมยเหมยรู้ความคิดภายในใจ เขาถึงได้ยืนกรานส่วนแบ่งห้าสิบต่อห้าสิบ

 

เหมยเหมยปฏิเสธทันควัน “ส่วนแบ่งห้าสิบต่อห้าสิบเป็นไปไม่ได้แน่นอน สามต่อเจ็ด นายสามสิบฉันเจ็ดสิบ ”

 

เหมยเหมยซูหานยกยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตามีความดีใจพาดผ่าน “ตกลง!”

 

เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆ เพราะนึกไม่ถึงว่าเหมยซูหานจะตกลงง่ายดายขนาดนี้

 

“นายแน่ใจนะว่าไม่ติดตรงไหน?” เธอถามย้ำอีกครั้ง

 

“ไม่เลย ตามนี้แหละ ฉันสามเธอเจ็ด!”

 

เหมยซูหานรินชาให้เหมยเหมยอีกครั้ง แล้วเลื่อนจานของว่างไปตรงหน้าเธอ “ขนมที่นี่รสชาติดีนะ เธอกินเยอะ ๆสิ”

 

ในจานของว่างเป็นคุกกี้ถั่วลิสง สดใหม่มาก กลิ่นหอมกรุ่นของถั่วลิสงแผ่กระจายออกมาจนลอยไปเตะจมูกของเหมยเหมย เธอสูดเข้าไปพลางอดใจไม่ไหวจึงหยิบขึ้นมากินหนึ่งชิ้น

 

…………………………………………………………………….

 

 

[1] กิ่งต้นใบมะกอกเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ การโยนกิ่งต้นมะกอกก็เหมือนกับ ‘การให้โอกาสกับคนบางคน’