เมื่อสองยอดฝีมือเผชิญหน้ากันเช่นนี้แล้วอากาศรอบๆ ย่อมจะหนักหน่วงจนแทบไม่อาจใช้หายใจ
หนึ่งคือเจ้าเมืองผู้ทรงพลัง จอมเทพที่ลากเฮ่อหยุนเซียงลงมาจากบัลลังก์
ส่วนอีกหนึ่งคือผู้ท้าทายอันเหนือล้ำ ราชันคนใหม่แห่งเมืองตะวันโรจน์!
ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ชัยชนะจะไปจบลงที่ฝ่ายใด คนทั้งหลายย่อมจะไม่อาจคาดเดาได้
“ก่อนนั้นเฮ่อหยุนเซียงและจางซุนซิงหยู่ได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือดกว่าสามร้อยกระบวนท่ากว่าที่จะตัดสินแพ้ชนะกันได้! แต่เวลานี้จางซุนซิงหยู่กลับใช้ฝ่ามือเดียวสยบคนทั้งสองลงได้ พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอีกต่อไปแล้ว!”
“การถกเต๋านับสิบปีย่อมจะทำให้จางซุนซิงหยู่เหมือนได้เกิดใหม่!”
“ไม่ว่าเด็กคนนี้เขาจะมากพรสวรรค์สักแค่ไหนมันก็ไม่มีทางเทียบจางซุนซิงหยู่ได้แน่!”
…
ฝ่ามือที่กระแทกออกมามันทำให้คนทั้งหลายได้ลิ้มรสความน่าสะพรึงของจางซุนซิงหยู่
แม้ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจแต่มันก็ไม่มีทางจะขึ้นไปถึงระดับของจางซุนซิงหยู่ได้
เพราะจะอย่างไรเสียตอนที่เย่หยวนสู้หกต่อหนึ่ง เขาก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว
จางซุนซิงหยู่มองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “เด็กน้อย อย่าได้มาหาว่าข้านั้นไม่ให้โอกาสเจ้าแล้วกัน ข้าจะใช้ดาบของข้านี้ฟันเจ้า หากเจ้ารับมันไว้ได้ข้าจางซุนซิงหยู่คนนี้จะให้เจ้าได้ตายศพสวยๆ!”
คำพูดของเขามันเปี่ยมล้นไปด้วยความเย้ยหยัน
ในสายตาของเขาเย่หยวนย่อมจะไม่อาจป้องกันดาบของเขานี้ไว้ได้แน่
หรือต่อให้รับไว้ได้มันก็คงต้องบาดเจ็บสาหัสแทบตายลง
แล้วเขาก็จะช่วยสังหารให้ต่อทันที!
คนทั้งหลายที่ได้ยินนั้นต่างหน้าซีดลงเพราะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของจางซุนซิงหยู่
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ดาบของเจ้านี้ข้าจะขอรับไว้เอง! หากมันทำอันตรายข้าได้ข้าจะยอมตายให้เจ้าได้ศพสวยๆ!”
“ซี๊ด…”
โอหัง!
คำพูดไม่กี่คำของพวกเขานี้มันทำให้เกิดประกายไฟลุกโชนขึ้นมาทันที
จางซุนซิงหยู่หัวเราะขึ้น “ศิษย์นิกายอย่างเจ้ามันไม่ได้รู้จักฟ้าดินเสียจริง! ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าคิดจะมารนหาที่ตายแล้วข้าก็จะส่งเจ้าไปเอง!”
เสียงของเขายังไม่ทันจางหายจางซุนซิงหยู่ขยับตัวเล็กน้อย!
เขาก้าวเท้าออกมาพร้อมด้วยปราณดาบที่พุ่งทะยานทะลุฟ้า!
และท่ามกลางปราณดาบที่รุนแรงบ้าคลั่งนี้มันกลับปรากฏพลังของกฎออกมาด้วย
กฎแห่งชีวิต!
กฎแห่งความตาย!
กฎทั้งสองผสานเข้ากับปราณดาบของจางซุนซิงหยู่อย่างแนบเนียนผสานจนเป็นเนื้อเดียวกัน
สีหน้าของคนทั้งหลายต่างซีดขาวลง
ภายใต้พลังรุนแรงของปราณดาบนี้พวกเขานั้นต่างต้องถอยหลังไปอย่างไม่ได้นัดหมาย
เพราะพวกเขาไม่อาจจะทนอยู่ใกล้ปราณดาบนี้ได้!
แม้แต่ตัวเฮ่อหยุนเซียงและตี้ชิงเองก็ยังไม่อาจจะทนรับ!
เฮ่อหยุนเซียงตกตะลึงอย่างสุดหัวใจ เขาได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ออกมา
“ข้าไม่นึกเลยว่าสิบปีมานี้ดาบความเป็นความตายของเขากลับจะพัฒนาขึ้นไปได้ถึงขั้นนี้! ช่องว่างระหว่างข้ากับเขาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว! ดูท่าครั้งนี้ข้าจะลงเดิมพันผิดข้างจริงๆ!” เฮ่อหยุนเซียงกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเหยเก
ตี้ชิงกล่าวขึ้นตาม “ไม่นึกเลยว่าจางซุนซิงหยู่กลับจะมากพรสวรรค์ปานนี้! ต่อให้เจ้าเด็กคนนั้นจะมีวิชาลับใดๆ ติดตัวซ่อนไว้ก็คงไม่อาจจะต้านทานจางซุนซิงหยู่ได้อีกแล้ว ไหนจะยังเรื่องที่จางซุนซิงหยู่มีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าเขาไปขั้นหนึ่งอีก!”
เฮ่อหยุนเซียงกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าหนักแน่น “หากเขาไม่ลงมือทำอะไรภายในสามก้าวเดินนี้ เขาคงไม่มีโอกาสจะทำอะไรอีกแล้ว! เมื่อดาบนี้ฟันลงมาเขาย่อมจะต้องตายเป็นแน่!”
ตี้ชิงพยักหน้ารับออกมาอย่างสุดใจ
เพราะว่าจางซุนซิงหยู่นั้นกำลังรวบรวมง้างพลัง!
หากพลังนี้ถูกปล่อยออกมาแล้วแม้แต่สวรรค์ก็คงไม่อาจต้านทานรับมันไว้!
เย่หยวนย่อมจะไม่มีทางรับไว้ได้แน่!
ระหว่างที่พูดกันไปนั้นตัวจางซุนซิงหยู่ก็ก้าวเท้าออกมาอีกครั้งพร้อมปราณดาบที่รุนแรงขึ้นกว่าเก่า!
เรียกได้ว่ามันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!
สัมผัสได้ถึงปราณดาบนี้คนทั้งหลายต่างก็ต้องถอยหลังไปอีกไกลโข!
สีหน้าของคนทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นมันซีดขาวเหมือนกระดาษ
มีเพียงเย่หยวนเท่านั้นที่ยืนมั่น!
เขาไม่เหมือนไม่อาจสัมผัสได้ถึงปราณดาบนี้และไม่คิดจะชักดาบหรือใช้วิชาใดๆ ออกมารับ เขาเพียงแค่ยืนมองหน้าจางซุนซิงหยู่ไปนิ่งๆ
เฮ่อหยุนเซียงได้แต่ส่ายหัวออกมา “จะอย่างไรเจ้าเด็กคนนี้มันก็ขาดประสบการณ์สินะ! ไม่ลงมือตอนนี้ข้าว่าเขาคงไม่ได้มีโอกาสลงมืออีกตลอดไปแล้ว!”
ตี้ชิงกล่าวขึ้นเสริม “เจ้าโง่ มันคิดอะไรของมันอยู่กันแน่? ไม่ลงมือตอนนี้หรือว่ามันจะรอให้ดาบนั้นฟันลงมาก่อนค่อยตั้งรับหรือ?”
จางซุนซิงหยู่ก้าวเข้ามาหาเย่หยวนพร้อมยิ้มกว้างขึ้น “เด็กน้อย เจ้านี่มันรักษาคำมั่นดีจริง! แต่หากข้าก้าวเดินย่างสุดท้ายนี้ลงไปแล้ว เจ้าคงไม่มีโอกาสที่จะรอดชีวิตไป! เจ้าแน่ใจหรือว่าจะรอให้ข้าฟัน?”
เขานั้นมั่นใจในพลังดาบของตัวเองเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขานั้นจะไม่ได้ลงมืออย่างสุดตัวแต่มันก็เป็นพลังที่มากพอจะสังหารเย่หยวนลงได้แน่!
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มตอบกลับไป “หากข้าไม่ให้เจ้าโอ้อวดจนถึงที่สุดแล้วเจ้าก็คงไม่พอใจที่จะตายใช่ไหมเล่า! มาเถอะ!”
จางซุนซิงหยู่กัดฟันแน่นขึ้นมาทันทีพร้อมจิตสังหารที่พุ่งพล่าน!
เจ้าเด็กคนนี้มันหาเรื่องใส่ตัวได้เก่งกาจนัก!
แม้แต่พวกเฮ่อหยุนเซียงทั้งหลายก็ยังตกตะลึง
ได้เห็นวิชาเหนือฟ้าของจางซุนซิงหยู่นี้แล้วเจ้าหมอนี่มันกลับยังวางตัวโอหังได้อีกหรือ?
หรือว่าเขามีอะไรดีจริง?
แต่คิดไปอีกทีเฮ่อหยุนเซียงก็ต้องทิ้งความคิดนี้ไป
พลังของจางซุนซิงหยู่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพราะการต่อสู้นับไม่ถ้วนในแดนเนรเทศนี้แต่มันเกิดขึ้นมาได้เพราะเขามากพรสวรรค์ล้นฟ้าดินด้วย
และเย่หยวนก็คงเป็นยอดฝีมือที่มากพรสวรรค์มาแต่กำเนิด
เทียบกันแล้วตัวจางซุนซิงหยู่ย่อมจะเหนือกว่าไปหลายเท่าตัว!
เพราะฉะนั้นต่อให้คนทั้งสองจะมากพรสวรรค์ทั้งคู่แต่มันก็ไม่มีทางใดที่เย่หยวนจะเป็นคู่มือให้จางซุนซิงหยู่ได้!
ขณะที่คนทั้งหลายยังคงเย้ยหยันความโอหังของเย่หยวนนั้นตัวจางซุนซิงหยู่ก็ก้าวเท้าย่างที่สามออกมา!
ย่างที่สามนี้มันเพิ่มพลังขึ้นมาจากย่างที่สองขึ้นอีกเท่าตัว!
ปราณดาบของเขาในตอนนี้มันแทบจะปรากฏให้เห็นแก่สายตา น่ากลัวจนขนหัวลุกตั้ง
จางซุนซิงหยู่หัวเราะออกมา “เด็กน้อย วันนี้ข้าจะใช้ดาบของข้านี้สอนเจ้าเองว่าราคาของความโอหังนั้นคือความตาย!”
พูดจบตัวจางซุนซิงหยู่ก็ฟันดาบขึ้นมาทันที!
ดาบนี้มันเงียบงัน!
เหมือนราวกับว่าทุกสิ่งอย่างได้หยุดลง!
คนทั้งหลายสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการเวียนว่ายตายเกิด จนหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ
แม้ว่าดาบนี้จะไม่ได้เล็งไปที่พวกเขา แต่คนทั้งหลายก็ยังสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจน
ราวกับว่าพวกเขาได้เข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิดไม่มีสิ้นสุด
ความน่ากลัวที่กระแทกจิตวิญญาณของพวกเขานั้นมันทำให้หลายคนหมดสติลง
ส่วนเย่หยวนที่เป็นเป้าหมายของดาบนั้นมันย่อมจะต้องได้รับแรงกดดันที่เหนือล้ำกว่าคนรอบข้าไปมากล้น
แต่ว่าวินาทีเดียวกับที่จางซุนซิงหยู่ฟันดาบออกมานั้นเย่หยวนก็ได้ขยับในที่สุด
“ค่ายกลดาบ… เอกภพ!”
สามพลังแห่งกฎพุ่งทะยานขึ้นมาจากร่างของเย่หยวนในทันที
ดาบแสงนั้นมันดูเบลอขึ้นมากับตา
และค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลายเป็นพลังเขตแดนล้อมรอบตัวเย่หยวนไว้!
ไม่ใช่ปราณดาบแต่มันเป็นค่ายกลดาบที่สร้างขึ้นมาด้วยพลังแห่งกฎทั้งสามอย่าง
จางซุนซิงหยู่นั้นกำลังยิ้มเย้ยอยู่ในใจแต่เมื่อได้เห็นวิชานี้สีหน้าของเขาพลันต้องเปลี่ยนสีไป
แต่ตอนนี้ต่อให้เขาจะอยากหยุดดาบของตนไว้ มันก็ไม่อาจจะหยุดได้อีกต่อไปแล้ว
เพราะเขานั้นไม่ได้เผื่อแรงไว้ชักดาบกลับมาแต่แรก!
ตู้ม!
ดาบแห่งความเป็นความตายนั้นมันเข้าปะทะกับพลังของค่ายกลดาบเอกภพอย่างรุนแรงจนพัดพาคนทั้งหลายที่มุงดูลอยลิ่วไป
บ้างที่อ่อนแอหน่อยถึงขั้นกลายสภาพเป็นเนื้อบดไปภายใต้พลังของปราณที่กระแทกออกมา
การโจมตีนี้มันรุนแรงจนน่ากลัว!
เย่หยวนและจางซุนซิงหยู่ต่างลอยลิ่วออกมาทั้งสองฝั่งและต้องถอยหลังไปไกลกว่าที่จะตั้งตัวได้
ผลทั้งสองกลับเสมอกัน!
จางซุนซิงหยู่มองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึงสุดใจ “กฎเต๋าดาบ! กฎแห่งห้วงมิติ! กฎเต๋าค่ายกล! ไอ้เด็กคนนี้ เจ้าช่างปิดซ่อนไว้ลึกล้ำแท้!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “มันมิใช่ว่าข้าคิดปกปิดใดๆ เพียงแค่ว่าจนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีใครที่ทำให้ข้าเอาจริงได้ เจ้าก็ไม่เลว เจ้าทำให้ข้าเอาจริงได้แต่เจ้าคงโม้ต่อไปไม่ได้แล้วน่าเสียดายนัก เจ้าทำอันตรายข้าไม่ได้เพราะฉะนั้นข้าก็ไม่คิดจะให้เจ้าได้ตายศพสวยๆ แล้ว!”
จางซุนซิงหยู่หน้าถอดสีไปทันทีที่ได้ยิน สายตาของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความเย็นเยือก
แต่พวกเฮ่อหยุนเซียงได้แต่ต้องอ้าปากค้างอย่างไม่คิดเชื่อสายตา!
ไม่มีใครคิดฝันว่าเย่หยวนกลับจะเก่งกาจได้ถึงขั้นนี้!
…………………………