ตอนที่ 1522: ในที่สุดพวกเขาก็มาแล้ว !

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1522: ในที่สุดพวกเขาก็มาแล้ว !

สี่พี่น้องนั้นก็เหมือนกับไคยะ พวกเขาไม่ได้ออกไปไหนและเลือกที่จะอยู่ในเมืองแทนเพื่อรอการรุกราน

แม้ว่าทั้งชื่อเสียงและอำนาจของเมืองอัคนีในตอนนี้จะยิ่งใหญ่กว่าเมืองทั้งเจ็ดในทวีป แต่ขนาดของมันก็ไม่อาจเทียบได้กับเมืองหลวงอื่น ๆ มันไม่ได้มีขนาดถึงหนึ่งในสิบของขนาดเมืองอื่น ๆ ดังนั้นสี่พี่น้องและไคยะก็ต้องมาเจอกัน

สี่พี่น้องและไคยะไม่ได้มีความขัดแย้ง พวกเขายังคงรับฟังคำเตือนของเจี้ยนเฉินและรู้ว่าพวกเขาไม่อาจทะเลาะกับไคยะได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเห็นนาง พวกเขาจะมีจิตสังหารที่ทรงพลังเกิดขึ้นอยู่ภายในจนถึงขั้นพวกเขาจะเสียการควบคุม สี่พี่น้องต่างก็คิดว่าทำไมจิตสังหารเหล่านี้ถึงได้ปรากฏขึ้น แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้สี่พี่น้องรักษาระยะห่างและพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับไคยะทุกรูปแบบ ขณะที่พวกเขาอยู่ในเมืองอัคนี

ในเวลาเดียวกันไคยะก็รู้ว่าสี่พี่น้องสนิทกับเจี้ยนเฉิน ดังนั้นนางจึงอยู่ห่างจากพวกเขา ในเวลาเดียวกันนี้เองสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีที่อยู่ข้าง ๆ นางก็ได้ประสบความเสร็จในการทะลวงและอยู่ในขั้น 9 เช่นกัน แม้ว่านางจะอ่อนแอกว่าสี่พี่น้อง แต่นางก็ไม่กลัวพวกเขาแม้ว่านางจะเป็นเซียนจักรพรรดิชั้นสววรค์ที่ 1 ต่อเซียนจักรพรรดิชั้นสวรรค์ที่ 9 สี่คน ไคยะเชื่อว่าพวกเขาทั้งสี่จะอยู่ในขั้นสูงสุดของเซียนจักรพรรดิ เขาก็แข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีเพียงเล็กน้อย พวกเขาไม่อาจชนะสัตว์เทวะของนางได้หากว่าพวกเขาเปิดฉากการต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ

เมืองอัคนีสงบลงและทั้งทวีปก็ค่อย ๆ สงบเงียบเช่นกัน นักสู้ที่อ่อนแอที่ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป ขณะที่จอมยุทธที่ทรงพลังก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้

เจี้ยนเฉินไม่ได้บอกความแข็งแกร่งของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งกับทุกคน เพื่อป้องกันไม่ให้คนทั้งทวีปตื่นตระหนก มีเพียงแค่คนที่มีพลังมากพอเท่านั้นที่รู้

เป็นผลทำให้คนที่อ่อนแอในทวีปต่าง ๆ เชื่อว่าโลกของพวกเขาเคยถูกคุกคามจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง แต่พวกเขาก็เชื่อว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้ ไม่เพียงตอนนี้โลกของพวกเขานั้นมีเซียนจักรพรรดิจำนวนมาก ยังมีคนที่เหนือยิ่งกว่าเซียนจักรพรรดิขึ้นไปอีก โลกในตอนนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสมัยโบราณในด้านความแข็งแกร่ง

เจ็ดวันหลังจากการแต่งงานของเจี้ยนเฉิน ลุงของเจี้ยนเฉิน ไป่เต๋าที่หายตัวไปหลายปีก็กลับมา เขามาที่เมืองอัคนี

ไป่เต๋าได้รับโชคลาภจากดาบพิษที่น่ายกย่องในอดีต เขาได้สืบทอดการบ่มเพาะและเข้าใจถึงความลึกลับของโลก ไป่เต๋าใช้เวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลขณะที่เขาฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ เขาไม่สนใจเรื่องภายนอก เขาเพิ่งบ่มเพาะเสร็จเมื่อวานโดยสืบทอดทุกอย่างของดาบพิษน่ายกย่องคนนี้ทั้งหมด

ไป๋หยุนเทียนรู้สึกยินดีมากจากการกลับมาของไป่เต๋า น้ำตาของนางไหลอาบแก้มด้วยความดีใจ พี่น้องสองคนหนีออกมาจากซากอาคารของตระกูลไป๋จากการต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อนานมาแล้ว พวกเขาพึ่งพากันและกันและเดินทางไกลจากบ้านเกิดมา พวกเขาประสบกับความสูญเสียมานับไม่ถ้วนก่อนที่จะลงหลักปักฐานในอาณาจักรเกอซุน มันไม่ง่ายเลยสำหรับพวกเขา แต่พวกเขาต่างก็ปลอบใจซึ่งกันและกันเพราะความผูกพันที่แน่นแฟ้นระหว่างพี่น้อง

ไป๋ไฮก็ออกมาจากการเก็บตัวเช่นกัน เมื่อเขาเห็นไป๋หยุนเทียนและไป๋เต๋า อารมณ์ของเขาก็ผสมปนเปกันมาก ตระกูลไป๋นั้นเคยรุ่งเรื่องมากในอดีต แม้ว่าจะไม่ใช่ตระกูลสูงสุด แต่ก็ยังคงมีพลังของตระกูลสันโดษ พวกเขาเจริญรุ่งเรื่องอย่างมากและปกครองถึงหนึ่งภูมิภาค ตอนนี้ตระกูลใหญ่ก็ได้เหลือเพียงไป๋หยุนเทียนและไป๋เต๋า

หลังจากนั้นไป่เต๋าค่อย ๆ ทำความเข้าใจเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทวีปเทียนหยวนในขณะที่เขาเก็บตัว เขาอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจทันทีเมื่อเขารู้ถึงความสำเร็จที่รุ่งโรจน์ของหลานชายของเขา ทุกอย่างมันราวกับเป็นความฝันที่ไม่อาจเป็นความจริงได้

เจี้ยนเฉินได้ช่วยลุงของเขาในการทะลวงด้วยสิ่งของจากโลกใบจิ๋วหยานหวงที่ผ่านมา ทำให้เขาได้กลายเป็นเซียนจักรพรรดิ ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงไม่อาจมอบลูกท้อเมฆม่วงให้ได้อีกต่อไป

โหยวเยว่และหวงหลวนเก็บตัวอีกครั้ง พวกนางทั้งสองได้รับของขวัญจากเจียงหยางหมิงเยว่ที่ มันเป็นก้อนน้ำแข็งพันปีที่มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ ที่เจียงหยางหมิงเยว่แอบเก็บเอาไว้จากผู้พิทักษ์ซุย ขณะที่นางบ่มเพาะและเอามาเป็นของขวัญให้น้องสะใภ้ของนาง

เจี้ยนเฉินยังคงอยู่ในเมืองอัคนีอยู่สองสามวันก่อนที่จะกล่าวคำอำลากับทุกคน เขากลับไปยังเกาะสามเซียนด้วยตัวเอง

เขาขึ้นเกาะ ซางกวนมู่เอ๋อได้ออกไปจากทวีปนี้นานแล้ว แต่เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าซางกวนมู่เอ๋อได้ตัดความสัมพันธ์ของนางกับเฮาหวู่และซาร์ไคหยุนตั้งแต่ที่พวกเขาได้ทิ้งนางไป อย่างไรก็ตามเขาสามารถรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของซางกวนมู่เอ๋อ การเปลี่ยนแปลงที่ดูเหมือนจะเป็นทิศทางในด้านบวก

สิ่งที่ทำให้เจี้ยนเฉินประหลาดใจคือเขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังของนางอีกครั้ง

เจี้ยนเฉินอยู่ในเกาะสามเซียน เขาใช้ชีวิตเพื่อพักผ่อนและใช้ชีวิตเป็นชาวประมงในบางวัน เขาจะพายเรือออกไปทะเลและตกปลา เมื่อเขาไม่ได้ใช้เวลาเหล่านี้เขาก็นำเสี่ยวเปามาบ่มเพาะหรือเพิ่มประสบการณ์ต่อสู้ของเขา

เจี้ยนเฉินวางแผนที่จะอยู่กับเสี่ยวเป่าและซางกวนมู่เอ๋อก่อนที่จะเกิดการต่อสู้กับต่างโลก

ไม่มีอะไรเหลือให้เขาทำในทวีปเทียนหยวน ทุกอย่างถูกจัดการโดยหยางลี่, กุยไห่ยี่เต๋าและฟางเซียวเทียน พวกเขาสามคนมีชีวิตอยู่มานาน นอกเหนือจากความแข็งแกร่ง ประสบการณ์ของพวกเขาก็เหนือกว่าประสบการณ์ของเจี้ยนเฉินในทุก ๆ ด้าน

พริบตาเจี้ยนเฉินก็ใช้เวลาอยู่บนเกาะสามเซียน ทั้งสามเดือนนี้เป็นวันที่เรียบง่ายและมีความสุขตั้งแต่ที่เขาเกิดในทวีปเทียนหยวน ไม่มีการวางแผน ไม่มีการสู้รบเสี่ยงตาย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องฝึกหนักและระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

เจี้ยนเฉินยังขัดเกลาความเข้าใจที่เขาได้รับจากหอคอตอนัตตา เขาได้ประโยชน์อย่างมากและเส้นทางกระบี่ของเขาก็ก้าวหน้าจนสำเร็จเป็นบางส่วน การบ่มเพาะของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เจี้ยนเฉินได้ตีกระบี่ม่วงฟ้าเพื่อให้เขาเป็นกระบี่คู่ใจของเขา เขาสามารถเก็บมันไว้ในตันเถียนของเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากจิตวิญญาณกระบี่ยังคงอ่อนแอและจำเป็นต้องดูดซับพลังหยินสูงสุดและพลังหยางสูงสุด เพื่อให้ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ เจี้ยนเฉินเก็บพวกมันไว้บนหลังของเขา

ท่ามกลางความมืดมิดและลึกที่สุดในซากเมืองทหารรับจ้าง พื้นที่นั้นได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มันไม่แน่นอนอย่างมากและพลังงานก็หลั่งไหลออกมาเป็นครั้งคราว มีบางอย่างพุ่งสู่ฟ้าก่อนที่จะหายออกไปนอกมิติ

นี่อุโมงค์ระหว่างทวีปเทียนหยวนและโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

อย่างไรก็ตามขณะที่มิติถูกฉีกอย่างรุนแรงมาก กระแสพลังงานที่รุนแรงก็พุ่งออกมาเป็นครั้งคราวและหายลึกเข้าไปในอุโมงค์มิติ มีร่างเงาที่ไม่รู้จำนวนเคลื่อนที่มาอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันเจี้ยนเฉินก็ลืมตาขึ้นขณะที่นั่งอยู่บนจุดสูงสุดของเกาะสามเซียน เขาจ้องมองออกไปอย่างธรรมดาแต่เฉียบคมมาก มันเหมือนกับกระบี่ที่ไม่มีฝัก เขามองไปยังทิศทางของทวีปเทียนหยวน

“ในที่สุดพวกเขาก็มาแล้ว ! ”