ตอนที่ 1427 เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

“ห้องสำหรับนอนหลับชั่วคราว A-0726 ถูกเปิดแล้ว จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ในการรักษาด้วย”

โรงพยาบาลจินหลิง หมายเลข 3 ด้านในห้องคนไข้ที่ถูกตกแต่งยุคหลังสมัยใหม่

ใกล้ๆ กระถางต้นไม้สีเขียว คุณหมอสวมโค้ตขาวเปิดข้อมูลโฮโลแกรมที่อยู่ตรงหน้า เขาจับคางตัวเองและถามด้วยท่าทีสบายๆ “คนคนนี้มาจากยุคไหน”

พยาบาลคิดและตอบ “ดูเหมือนว่าจะเป็นปี 2026 ค่ะ”

คุณหมออดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้

“ปี 2026 ชายคนนี้เดินทางมาไกลทีเดียวนะ เกือบจะร้อยปีด้วยซ้ำ

เทคโนโลยีการจำศีลก่อนปี 2050 ล้าหลังมาก โรงพยาบาลเกือบทุกทีจะฉีดแบคทีเรียเข้าสู่เส้นเลือดของผู้ป่วยโดยตรง

วิธีการรักษาง่ายๆ และล้าหลังแบบนี้ค่อนข้างจะไม่ถูกต้องและมีความเสี่ยงในการรักษาสมัยใหม่ แต่ในยุคนั้น วิธีการแบบนั้นนับว่าเป็นเทคนิคบุกเบิก

ส่วนในเรื่องการฟื้นตัว พวกเขาต้องฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมกับผู้ป่วยและใช้นาโนเซรั่มในการนำแบคทีเรียออกจากร่างกาย

กระบวนการเหล่านี้ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย แต่มันเป็นเรื่องของเงินมากกว่า

มนุษย์แช่แข็งทุกคนที่ถูกแช่แข็งก่อนปี 2050 จะต้องขอบคุณชายผู้ยิ่งใหญ่ที่ชื่อลู่โจวจากร้อยปีที่แล้ว

ถ้าไม่มีกองทุนพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งที่เขาก่อตั้งขึ้นเพื่อใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในการกู้ชีพมนุษย์แช่แข็ง และเปิดสถาบันการแพทย์โดยไม่หวังผลกำไรแล้วล่ะก็ มนุษย์แช่แข็งพวกนี้คงตื่นมาพร้อมหนี้ก้อนโตในมือ

ห้องจำศีลถูกเปิดออกอย่างช้าๆ

เพราะความช่วยเหลือของหมอ พยาบาล และหุ่นยนต์รักษาทั้งสอง ชายที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ลืมตามขึ้นอย่างช้าๆ

“ที่นี่ที่ไหนครับ”

“โรงพยาบาลจินหลิง หมายเลข 3 ยินดีต้อนรับสู่อนาคต เวลาตอนนี้คือ 12:01น. วันที่ 12 มกราคม ปี 2125”

นิ้วชี้ของเขาเลื่อนอยู่บนแผงโฮโลแกรม หมอผู้ชายนำเอกสารที่เพิ่งพิมพ์ออกมาหมาดๆ จากหุ่นยนต์และยื่นให้กับชายที่นอนอยู่บนเตียง

“เอกสารนี้จะเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของผู้ป่วย ผมคาดว่าคุณคงไม่รู้วิธีการใช้ระบบโฮโลแกรม เราก็เลยเตรียมเอกสารมาให้คุณ ถ้าคุณไม่มีปัญหา เราหวังว่าคุณจะช่วยเซ็นตรงมุมขวาล่างให้ด้วยนะครับ”

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย…”

หวังเผิงถอนหายใจและมองหมอที่ยืนอยู่ใกล้เตียง เขาพูดอย่างจริงจัง “ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองกระทรวงความมั่นคงของรัฐ ช่วยรายงานสถานการณ์ของผมให้หัวหน้าผมทราบด้วย ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ผมมาพร้อมกับภารกิจที่ต้องทำ!”

หมอและพยาบาลที่อยู่ยืนใกล้ๆ มองหน้ากันด้วยสายตาที่ช่วยไม่ได้ พวกเขาถอนหายใจพร้อมกัน

“…มีทั้งหมดเท่าไหร่”

“คนแรกของปีนี้ค่ะ”

“มีทั้งหมดอะไร…” หวังเผิงขมวดคิ้วและถาม “นี่พวกคุณ พวกคุณพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่”

“เปล่าหรอกครับ แต่ปกติแล้วจะมีคนแบบคุณอยู่บ่อยๆ ที่ไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา แล้วพูดอะไรแปลกๆ กับตัวเอง” คุณหมอยื่นนิ้วชี้และกดลงบนแผงโฮโลแกรม “ผมควรหาเจ้าหน้าที่ดูแลอาสาสมัครที่มาจากทศวรรษเดียวกับคุณเพื่อจะได้สื่อสารกับคุณได้”

เสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องคนไข้

หลังจากเสียงเคาะประตูเบาๆ คุณหมออีกคนเดินเข้ามา

“ที่นี่คือห้องผู้ป่วย A-0726 หรือเปล่า”

คุณหมอคนที่ยืนใกล้เตียงถาม “ครับ ทำไมเหรอ”

“มีคนบอกว่าเป็นเพื่อนกับคนไข้และต้องการพบเขาเพื่ออธิบายสถานการณ์ที่นี่ให้เขาฟัง”

คุณหมอที่ยืนใกล้คนไข้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจและปิดแผงโฮโลแกรมที่อยู่ตรงหน้าเขา

“เยี่ยมไปเลย ให้เขาเข้ามาได้”

หวังเผิงมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าแห่งความงงงวย หมอทั้งสองคนมีความเห็นที่เหมือนกันและเคลื่อนย้ายทีมรักษาออกจากห้องคนไข้

หลังจากนั้นสักพัก ฝีเท้าที่อยู่นอกทางเดินดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และมีเสียงเคาะประตูเบาๆ ตามมา

“เชิญเข้ามาได้เลยครับ…”

ประตูเปิดออก

ตอนที่หวังเผิงเห็นคนที่อยู่หน้าประตู เขาอึ้งไป

ผู้อำนวยการหลี่ที่ยืนอยู่ตรงประตู แสดงท่าทีแปลกๆ เหมือนกัน เขายิ้มขณะที่มองหวังเผิงกำลังสงบสติอารมณ์ หลังจากนั้นเขาโบกมือทักทาย

“สวัสดี…

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”

หวังเผิง “…”

โคตรนานเลย…

ผู้อำนวยการหลี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ติดกับเตียง พวกเขาคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา

หลังจากที่ฟังเรื่องราวของผู้อำนวยการหลี่ หวังเผิงอ้าปากค้างอยู่นาน

การแตกสลายของสหภาพสหพันธ์มนุษย์และความแพร่หลายของอำนาจอธิปไตยแบบกระจายอำนาจ…

วิกฤตเศรษฐกิจและการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ในปี 2050…

หลังจากนั้นก็เป็นยุคของระบบกำหนดตำแหน่งบนอวกาศและการร่วมมือกันทางองค์กรของข้ามภูมิภาค

คำศัพท์และแนวคิดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน สมองของเขาดูจะหนักอึ้ง

หวังเผิงพยายามกรองข้อมูลที่สำคัญที่สุด เขากดระหว่างคิ้วของตัวเองและพยายามคิด หลังจากนั้นเขาก็พูดอย่างฝืนใจ “คุณกำลังจะบอกว่าแนวคิดในเรื่องประเทศไม่มีในยุคสมัยนี้เหรอครับ และตอนนี้เราอยู่ที่สหการพาน-เอเชียนเหรอ”

“ก็ไม่เชิงหรอก มันก็แค่เป็นแนวคิดใหม่และปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ จากอดีตแค่นั้นเอง

“สำนักงานใหญ่สหการพาน-เอเชียนและศูนย์กลางทางการเมืองอยู่ที่ปักกิ่ง เทียนจิน และเหอเป่ย ศูนย์กลางทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและเศรษฐกิจอยู่ที่กลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง เขตแดนจะขยายจากทิศตะวันออกหรี่เต้าไปยังตะวันตกของชายฝั่งทะเลแคสเปียน แล้วก็ยังมีเมืองบนดาวอังคารด้วย…”

น้ำเสียงของผู้อำนวยการหลี่ดูเหมือนกำลังตื้นตันใจอยู่

“เมื่อเทียบกับในอดีตแล้ว เราแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก

“ถ้าจะบอกว่าเรากำลังอยู่ในยุคเฟื่องฟูก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย!”

รอยยิ้มขมขื่นปรากฏบนใบหน้าของหวังเผิง เขาไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร

เขากดนิ้วชี้ลงไประหว่างคิ้วและพูดหลังจากที่เงียบไปสักพัก

“ก่อนที่ผมจะขยับตัวไม่ได้ สหการพาน-เอเชียนเป็นเพียงแค่องค์กรทางเศรษฐกิจเท่านั้น…”

“ผมรู้ว่ามันไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย” ผู้อำนวยการหลี่พูด สีหน้าของเขาแฝงไปด้วยความเศร้า

องค์กรที่ไม่มีใครสนใจ จู่ๆ ก็พัฒนาจนกลายเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นแบบนี้ เขาก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี…

แต่การเปลี่ยนแปลงมันยิ่งใหญ่เกินไป

“แล้วคุณตอนนี้ล่ะครับ”

“ผมทำงานเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล งานนี้ค่อนข้างน่าสนใจดีนะ” ผู้อำนวยการหลี่ยิ้มและพูดต่อ “มันไม่ใช่เพราะเงินหรอก ผมได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลมาเยอะอยู่ สหการพาน-เอเชียนฝากเงิน 10,000 เครดิตในบัญชีส่วนตัวของผมทุกเดือนจนกว่าผมจะตาย…คุณก็น่าจะได้พอๆ กัน เพราะสุดท้ายเราก็กำลังทำภารกิจอยู่”

ผู้อำนวยการหลี่แสดงสีหน้าที่ยากจะเข้าใจ

แม้ว่าผู้อำนวยการหลี่จะมาในยุคนี้เพราะภารกิจที่แตกต่างจากหวังเผิง แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปตอนที่เขาฟื้นขึ้นมา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็แจ้งให้เขาทราบว่าภารกิจถูกยกเลิก เรื่องทั้งหมดทำให้ผู้อำนวยการหลี่อดที่จะคลางแคลงใจในชีวิตของตัวเองไม่ได้ เขามาในยุคนี้ตั้งแต่แรกทำไมกัน

แต่การที่เขาได้เห็นการพัฒนาของบ้านเกินก็ทำให้เขารู้สึกยินดี

และเขาก็ชอบชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ด้วย นานๆ ทีเขาจะทำงานอาสาสมัครที่ไม่ได้เงิน ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยากับผู้ป่วยที่ฟื้นจากสภาวะที่ไม่เคลื่อนที่ สอนเด็กๆ และเล่าเรื่องราวของศาสตราจารย์ลู่และการเดินทางของฟิวชั่นที่ควบคุมได้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แต่…

สำหรับหวังเผิง มันเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้

หลังจากที่กลืนน้ำลาย หวังเผิงมองผู้อำนวยการหลี่และพูด

“ครอบครัวของคุณอยู่ที่ไหนครับ”

ผู้อำนวยการหลี่ยิ้ม

“คุณหมายถึงลูกหลานของผมเหรอ พวกเขาก็สบายดี แต่พวกเขาประหลาดใจเล็กน้อยที่จู่ๆ บรรพบุรุษของพวกเขาโผล่มาจากไหนไม่รู้ เราทานข้าวด้วยกันและพูดคุยถึงเรื่องราวในอดีตอยู่บ่อยๆ แต่เราไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน เพราะท้ายที่สุดช่องว่างระหว่างวัยมันมากเกินไป และพวกเขาก็มีเรื่องที่ต้องทำด้วย อีกอย่างผมก็ไม่ได้ต้องการให้พวกเขามาดูแลผม”

“แต่ในช่วงแรกๆ คุณจะไม่ชินกับมันเลย ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและการจะหาเพื่อนที่มีค่านิยมที่แตกต่างกันก็เป็นเรื่องยาก โชคยังดีที่เทคโนโลยีสมัยนี้ค่อนข้างจะก้าวล้ำ เวลาที่ผมรู้สึกเหงาผมก็จะจ้างหุ่นยนต์เป็นเพื่อน ใช้เวลากับมัน เพราะคุณยังเด็กกว่าผม สักวันคุณจะชินกับเรื่องเหล่านี้เอง”

ผู้อำนวยการหลี่ลุกขึ้นยืน

“วันนี้ผมมาที่นี่เพื่อจะบอกคุณเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงหลายปีที่ผ่านมา จริงๆ แล้วผมเพิ่งฟื้นปีที่แล้วนี่เอง คนจากมูลนิธิพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งจะมาที่นี่และตรวจสอบตัวตนของคุณและดูว่าจะสามารถจัดเตรียมโรงเรียนเตรียมให้คุณได้ไหม หลังจากนั้นก็จะมีคนสอนคุณใช้แก้ว AR สร้อยข้อมือโฮโลแกรม และวิธีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่…ผมไม่กวนคุณแล้วดีกว่า”

“ตอนที่คุณออกจากโรงพยาบาลแล้ว ไปหาอะไรทานด้วยกันนะครับ สิ่งที่ผมชอบที่สุดในยุคสมัยที่รุ่งโรจน์นี้น่าจะเป็นอาหาร”

ก่อนจะกลับผู้อำนวยการหลี่พูดว่าเขาจะกลับมาเจอหวังเผิงอีกครั้งพรุ่งนี้

หลังจากที่ผู้อำนวยการหลี่กลับไป หวังเผิงอ่านเอกสารในมือและเซ็นชื่อของเขาในหน้าสุดท้าย

เบี้ยเลี้ยงของเขาน้อยกว่าของผู้อำนวยการหลี่เล็กน้อย เพียงแค่ 8,000 เครดิตต่อเดือน

แต่จากที่ผู้อำนวยการหลี่พูด อำนาจในการซื้อของคะแนนเครดิตแบบนี้ยิ่งใหญ่กว่าเงินหยวนในตอนนั้น รถดีๆ มีราคาแค่ประมาณ 100,000 ในขณะที่โค้กกระป๋องจากตู้กดมีค่าเพียง 1 เครดิตเท่านั้น

หวังเผิงไม่ได้กังวลเรื่องเงินขนาดนั้น

เขาเคยทำงานในกองทัพมาก่อนและเขาไม่เคยสนใจเรื่องเงินเลย

8,000 เครดิตต่อเดือนก็เพียงพอสำหรับเขา แม้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลย เขาก็สามารถมีชีวิตที่มั่นคงเพราะเงินสนับสนุนจากสหการพาน-เอเชียนอยู่ดี

แต่ก่อนที่เขาจะหลับตา คำสั่งของหัวหน้ายังดังก้องอยู่ในหัว

ฉันควรทำภารกิจต่อไหม

หวังเผิงยืนในห้องน้ำในห้องสำหรับหลับชั่วคราว เขามองตัวเองในกระจกที่ทำจากวัสดุที่เขาไม่รู้จัก นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเผิงเห็นร่องรอยแห่งความสับสนในสายตาของตัวเองที่ไม่ควรจะอยู่ตรงนั้น…