ตอนที่ 1526: ต่อสู้กับเฉียงซ่ง (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1526: ต่อสู้กับเฉียงซ่ง (1)

ตูม !

การปะทะครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งล่าสุด แค่ฟังจากเสียงก็สามารถบ่งบอกได้ว่ามันทรงพลังอย่างมาก คลื่นเสียงที่น่ากลัวขยายตัวและชนกับกำแพงอุโมงค์ทำให้พวกมันเกิดความไม่เสถียร เซียนจักรพรรดิจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งทุกคนตอนนี้เริ่มอ่อนแรงจากเสียงที่ส่งเข้ามาในหู หัวของพวกเขาเจ็บปวด วิญญาณของพวกเขาแทบจะได้รับบาดเจ็บ

เฉียงซ่งถือคทาโลหะของเขาและยืนนิ่งดั่งภูเขา การปรากฏตัวที่ยิ่งใหญ่ของเขาพร้อมกับพลังงานบริเวณรอบ ๆ ที่พุ่งรวมเข้าหาเขา ในเวลาเดียวกันเขาก็ปล่อยพลังงานที่รุนแรงออกไปทำให้มันขยายตัวอย่างรวดเร็วและมุ่งไปทางทวีปเทียนหยวน หากมันไปถึงทวีป มันจะทำลายทวีปอย่างหนัก

ในทางกลับกัน กระบี่ม่วงฟ้าพุ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว พวกมันไม่จำเป็นต้องใช้มือถือพวกมัน ขณะที่เกิดการปะทะ เนื่องจากจอมยุทธขั้นย้อนกลับที่ถือคทาเหล็กทรงพลังมากเกินไป กระบี่ทั้งสองเล่มไม่อาจรับมือกับมันได้ แม้ว่าพวกมันจะร่วมมือกัน

ทำตามคำสั่งข้า พวกเจ้าทั้งหมดติดตามข้า เนื่องจากเราไม่อาจส่งคนที่ทรงพลังมากเกินไป เราถึงถูกคนพวกนี้ขวางทางเป็นครั้งที่สอง เวลานี้เราต้องเอาชนะโลกนี้และยึดครองพวกมันด้วยกำลัง พวกต่างโลกที่อ่อนแอเหล่านี้ต้องคุกเข่าต่อหน้าพวกเรา เฉียงซ่งพูดอย่างเย็นชา สายตาของเขาแหลมคมและเต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างรุนแรง เขายิ้มอย่างกระหายเลือด

โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งนั้นแตกต่างจากคนต่างโลกในด้านพลัง แต่พวกเขาสูญเสียคนไปเพียงเล็กน้อยจากเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะความพยายามครั้งที่สอง พวกเขาส่งจอมยุทธขั้นรับมอบออกมา 5 คน แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่กลับมาได้ ส่วนอีก 3 คนตายหมด

โลกของพวกเขาเมินเฉยต่อการสูญเสียของคนที่อยู่ในระดับเซียนจักรพรรดิ แต่พวกเขาจำเป็นต้องสนใจกับจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม การตายของจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมทั้งสามคนสร้างความโกรธเกรี้ยวให้กับจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมจากต่างโลก

เฉียงซ่งก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วและมาอยู่ที่ทางออกที่มุ่งไปยังทวีปเทียนหยวน เขาไม่ได้ดูแก่ เขาอยู่ในวัยยี่สิบปีเท่านั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาและแน่วแน่จองเขาทำให้สภาพรอบ ๆ เกิดพายุโลหิตที่รุนแรง ดวงตาของเขาสดใสและแหลมคมราวกับดาบที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสามารถแทงเข้าในวิญญาณได้ มันราวกับมีกระบี่ที่ทรงพลังซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา

จอมยุทธคนนี้คือเจี้ยนเฉิน เขาเข้ามาในอุโมงค์ด้วยการก้าวไปทีละก้าว กระบี่ม่วงฟ้าบินวนอยู่เหนือหัวของเขา ขณะที่เขาจ้องมองเฉียงซ่ง เขาปลดปล่อยเจตจำนงค์ในการต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นเดียวกับพลังชนิดหนึ่งที่ไม่อาจมองเห็นเพื่อหยุดพลังงานที่หลงเหลือจากเฉียงซ่ง มันเป็นพลังชนิดเดียวกับที่หยุดพวกเขาให้ไปถึงทวีปเทียนหยวน

เฉียงซ่งหรี่ตา เขาสังเกตเจี้ยนเฉินและเปิดเผยความสุขอยู่บนใบหน้าที่น่าเกลียดของเขา

สุดท้ายพวกเขาทั้งสองก็หยุดอยู่ห่างกัน 1,000 เมตร การแสดงออกและแรงกดดันของพวกเขาประสานกันจนก่อพายุพลังงานที่น่ากลัวขึ้น

งั้นเจ้าคงเป็นคนที่เข้าใจเส้นทางกระบี่เหมือนกับจิตวิญญาณราชันย์ เจ้ามีสิทธิ์ที่จะเป็นเทพ แต่ข้าคิดว่ามันแปลกมากที่ข้าไม่อาจมองเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้าได้ ข้ารู้สึกได้เพียงราง ๆ ว่าอาจจะไม่ได้หยุดอยู่ในขั้นย้อนกลับ ไม่ มันไม่แม้แต่จะอยู่ในขอบเขตดั้งเดิม มะ-มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ? เฉียงซ่งสื่อสารผ่านทางวิญญาณของเขา เขาเริ่มพูดติดตลก จนกระทั่งเริ่มจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงตอนที่เขาสรุปได้ถึงความน่าตกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างเมื่อเขาพูดคำสุดท้ายออกมา เขาไม่อาจตกใจไปมากกว่านี้ได้

เขาไม่อาจเชื่อได้ว่าจอมยุทธลึกลับที่เข้าใจเส้นทางกระบี่เหมือนกับจิตวิญญาณราชันย์ที่ได้รับความสนใจกับจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมหลายสิบคนจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งและปะทะกับเขา 3 ครั้งก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่เด็ก คนที่ยังไม่มาถึงขอบเขตดั้งเดิม

เฉียงซ่งรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อเขาเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจี้ยนเฉิน จิตใจของเขาปั่นป่วนจากความไม่เชื่อ หากความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจี้ยนเฉินอยู่ในระดับเดียวกับเขา เขาคงไม่อาจตอบโต้ออกไปอย่างรุนแรง แต่เจี้ยนเฉินยังไม่ถึงขอบเขตดั้งเดิม

เฉียงซ่งพบว่ามันไม่น่าเชื่อที่บุคคลที่ยังไม่ได้อยู่ในขอบเขตดั้งเดิมจะมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับเขาและยังไม่เสียเปรียบ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ว่ามันเกิดขึ้นตรงหน้าของเขา เขาคงไม่เชื่อมัน

โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งมีจอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงปลาย ดูเหมือนว่าเจ้าควรจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากจิตวิญญาณราชันย์ในโลกของเจ้า เจี้ยนเฉิบตอบผ่านการสื่อสารทางวิญญาณออกมไป เขาขึงขังอย่างมาก การสื่อสารทางวิญญาณนี้เกิดขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากภาษาทั้งสองอย่างสมบูรณ์ พวกเขาสามารถพูดคุยกันเหมือนปกติด้วยการพูดคุยทางวิญญาณ

เฉียงซ่งสูดลมหายใจเข้าลึกจากนั้นก็ค่อย ๆ สงบลง ความคิดของเขาที่มีต่อเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาคิดว่าเจี้ยนเฉินเป็นสัตว์ประหลาด เขาพูดว่า ข้าไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุดรองจากจิตวิญญาณราชันย์ คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือ โอวหยาง หยิงเว่ย เราทั้งคู่อยู่ช่วงปลายของขั้นย้อนกลับ แต่ข้าต้องยอมรับว่าเขาแข็งแกร่งกว่าข้า

จิตใจของเจี้ยนเฉินวูบไหว โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งมีจอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงปลายถึง 2 คน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีอย่างยิ่งสำหรับเขาเพราะเสี่ยวหลิงและเจียงหยางหมิงเยว่ยังไปไม่ถึงช่วงปลายของขั้นย้อนกลับ

ข้าชื่อเฉียงซ่ง ข้าเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสทั้งแปดของโถงจิตวิญญาณลับ คนจากต่างโลก เจ้ามีชื่อหรือไม่ ข้าจะได้จดจำชื่อของเจ้าไว้ในความทรงจำของข้า เฉียงซ่งสงบลงและพูดอย่างกับเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็วด้วยความเยือกเย็น ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นอยู่บนตาของเขา

“เจี้ยนเฉิน ! ”

เจี้ยนเฉิน ข้าจะจำเจ้าไว้ แม้ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่เจ้าก็จะต้องตายหากว่าเจ้าไม่อาจก้าวข้ามข้าไปได้ ข้าจะลงมืออย่างเต็มที่โดยไม่มีการเมตตา ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน เจ้าก็จะต้องตายด้วยมือของข้า เจ้าเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่ข้าเคยฆ่า มันเป็นเกียรติของข้า เฉียงซ่งกล่าวอย่างเฉยเมย จิตสังหารที่ทรงพลังของเขาพุ่งออกมาและคทาโลหะของเขาก็เริ่มเปล่งประกายสีดำจ้าออกมา ไม่เพียงแต่อุโมงค์ทั้งหมดจะถูกแสงสีดำปกคลุม แม้แต่แสงสีม่วงและสีฟ้าของกระบี่ม่วงฟ้าก็ยังถูกบดบัง

เฉียงซ่งเริ่มเหวี่ยงคทาออกมาสองสามครั้ง ตอนนี้เขาเริ่มจริงจังแล้ว เขาแสดงพลังของเขาออกมาอย่างเต็มที่ เขาอยู่ไกลมาก ความแข็งแกร่งที่แสดงออกมานั้นมากกว่าก่อนหน้านี้

เจี้ยนเฉินจริงจังมาก เมื่อเผชิญหน้ากับเฉียงซ่ง เขารู้สึกกดดันอย่างมาก อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะเขินอายในเวลาสู้รบ เพียงความคิดกระบี่จือหยิงก็กลายเป็นลำแสงสีม่วงพุ่งเข้าหามือของเขา ขณะที่เขาควงมันด้วยมือขวาก่อนที่จะตั้งกระบี่ ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอย่างน่าตกใจ เมื่อเทียบกับการปรากฏตัวของเขาก่อนหน้านี้ ในตอนนี้เขาเริ่มแผ่นปราณกระบี่ออกมา

ปราณกระบี่นั้นมองไม่เห็น แต่ทรงพลังมาก ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกฏแห่งโลกที่ส่งผลต่อภูมิภาครอบ ๆ ตัวของเขา ที่ใดก็ตามที่ปราณกระบี่ห่อหุ้ม พลังงานที่รุนแรงจากอุโมงค์ก็สงบลง จากนั้นพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปตามอิทธิพลของปราณกระบี่และกลายเป็นปราณกระบี่ที่มองไม่เห็น

ร่างกายของเจี้ยนเฉินถูกปกคลุมด้วยชั้นแสง เขาใช้วิถีกระบี่ปกป้องตัวเองและดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นดวงอาทิตย์ขนาดย่อม มีเพียงคนที่อยู่ในหมอกเท่านั้นที่จะมองเห็นได้ กระบี่จือหยิงยังส่องสว่างสีขาวเจิดจ้า แสงสีม่วงของมันถูกเก็บเอาไว้อยู่ด้านใน มันได้พุ่งไปหาเฉียงซ่งด้วยพลังทั้งหมด

ตาของเฉียงซ่งลืมขึ้น แขนขวาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดดำที่ปูดนูน ขณะที่พลังงานที่น่ากลัวแผ่พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาและมันก็หลอมรวมเข้ากับคทาทำให้มันเต็มไปด้วยพลังงานที่แผ่ออกมา จากนั้นเขาก็เหวี่ยงไปทางกระบี่จือหยิงด้วยพลังที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

Both Xiong Zhong and Jian Chen used their full strength. Xiong Zhong was more powerful than Jian Chen, but he knew that Jian Chen had comprehended the Way of the Sword. He had come in contact with the laws of the world and was able to use the power of laws, so he dared not to show any carelessness even though he knew that Jian Chen’s exact strength had not even reached the Origin realm.

ทั้งเฉียงซ่งและเจี้ยนเฉินใช้ความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ เฉียงซ่งมีพลังมากกว่าเจี้ยนเฉิน แต่เขารู้ว่าเจี้ยนเฉินเข้าใจวิถีกระบี่ เขาได้สัมผัสกับกฏเกณฑ์ของโลกและสามารถใช้พลังของกฏเหล่านั้นได้ เขาจึงไม่กล้าแสดงความประมาท แม้ว่าเขาจะรู้ถึงพลังที่แท้จริงของเจี้ยนเฉินว่าตัวของเจี้ยนเฉินนั้นยังไม่ถึงขอบเขตกำเนิด

ในทางกลับกัน เจี้ยนเฉินจำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขา นั่นเป็นวิธีเดียวที่เขาจะสามารถใช้กับจอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงปลาย