ตอนที่ 3034

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,034 : การเลือก

 

 

“ข้าเองก็รู้สึกตงิดๆเหมือนมีอะไรผิดแปลกตั้งแต่แรก…ที่แท้เป็นเพราะทุกคนยังไม่ทันเลือกเข้าร่วมขุมกำลังใด 3 นิกาย 2 ตระกูลก็เริ่มแจกจ่ายของรางวัลตามอันดับแล้วนี่เอง”

 

หลังจากที่มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวยิงคำถามดังกล่าวออกไป หลายๆคนก็ตระหนักได้ว่าเรื่องราวมันต่างจากกาลก่อนตรงจุดไหน

 

ในอดีตหลังจากแดนสวรรค์ใต้โบราณปิดตัวลง ยอดเซียนอมตะที่รอดกลับออกมาได้ จะเลือกขุมกำลังที่ตนเองจะเข้าร่วมก่อน จากนั้นขุมพลังที่มันเลือกจึงจะส่งมอบของรางวัลให้ตามสมควร

 

เป็นธรรมดาว่า มีแต่ยอดเซียนอมตะกับผู้แนะนำเท่านั้นที่จะได้รับของรางวัล คนอื่นไม่เกี่ยว

 

และยิ่งอันดับสูง ขอรางวัลที่ได้ก็จะยิ่งสูง

 

3 อันดับแรกย่อมได้ของรางวัลมากที่สุด และเป็นธรรมดาว่าอันดับ 3 จะได้ของรางวัลน้อยกว่าอันดับ 2 ส่วนอันดับ 2 ก็จะได้ของราวัลน้อยกว่าอันดับที่ 1

 

หลังจากที่มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวกับผู้อาวุโสตระกูลมู่หรงรับมอบรางวัลไปแล้ว จ่างซุนก็กวาดตามองไปยังกลุ่มยอดเซียนอมตะที่ลอยอยู่ไม่ไกล พลางเอ่ยออกมาเสียงดังฟังชัดว่า “ต่อไปขอให้ผู้ที่ได้อันดับ 4 ถึงอันดับที่ 10 กับผู้นำแนะออกมารับของรางวัล”

 

หลังจากแจกของรางวัลให้ 3 อันดับแรกแล้ว ต่อมาก็คือแจกของรางวัลอีก 7 อันดับที่เหลือซึ่งก็คืออันดับ 4 ถึง อันดับ 10

 

หลังจากนั้นก็จะเริ่มมอบของรางวัลให้ตั้งแต่อันดับที่ 11 ลงไป…

 

และแน่นอนว่ายิ่งอันดับต่ำ ของรางวัลที่ได้รับก็จะน้อยลงตามลำดับ

 

 

เมื่อของรางวัลถูกแจกจ่ายแล้วเสร็จ เสียงของจ่างซุนฉงฉีก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง

 

“จากนี้ไปขอให้ยอดเซียนอมตะที่ติดอยู่ใน 30 อันดับแรก ทำการเลือกขุมกำลังที่จะเข้าร่วม และขอให้ผู้ที่ได้อันดับที่ 1 ทำการเลือกก่อน”

 

“และเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจเข้าร่วมขุมกำลังใดๆแล้ว พวกเจ้ามิอาจเปลี่ยนใจภายหลังได้ เช่นนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกก็ขอให้พวกเจ้าคิดให้ดีเสียก่อน”

 

จ่างซุนฉงฉีกล่าวเตือนออกมาปิดท้าย หลังจากนั้นก็เริ่มหันไปมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ได้รับอันดับที่ 1 พลางกล่าว “เชิญเจ้าเหินร่างออกมาเบื้องหน้าเพื่อพินิจขุมกำลังที่จักเข้าร่วม”

 

ฟุ่บ!

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ได้ยินก็เหินร่างออกไปหยุดค้างกลางหาวเบื้องหน้าตัวแทนจาก 5 ขุมกำลัง พลางว่ายตามองสำรวจแต่ละคน

 

และทันทีที่เหินร่างออกมาถึง ในหูมันก็ปรากฏเสียงหนึ่งส่งตรงมาถึงเร็วไว 5 สำเนียง เป็นการยื่นข้อเสนอจูงใจของ 5 ขุมกำลังนั่นเอง

 

และทั้ง 5 ก็ส่งเสียงผ่านพลังมาบอกผลประโยชน์และสวัสดิการที่มันจะได้รับ แน่นอนว่าไม่ขาดคำรับประกันว่าจะช่วยสนับสนุนมันให้เข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยเร็วที่สุด

 

“ข้าเลือก…”

 

ท่ามกลางสายตาสงบเจือลุ้นระทุกของทุกๆคน ในที่สุดหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ค่อยๆกล่าวออกมา

 

จังหวะนี้ทุกคนล้วนพากันหยุดหายใจอย่างพร้อมเพรียง กระทั่งตัวแทนของ 5 ขุมกำลังก็ไม่เว้น

 

“นิกายอมตะอวิ๋นไถ!”

 

ในที่สุดหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ตัดสินใจเลือกเข้าร่วมกับนิกายอมตะอวิ๋นไถออกมา!

 

นิกายอมตะอวิ๋นไถ แม้ศิษ์สาวกส่วนใหญ่จะบวชเป็นหลวงจีน แต่ก็มีศิษย์ธรรมดาหรือที่เรียกว่าศิษย์ฆราวาสอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งศิษย์ฆราวาสก็ไม่จำเป็นต้องปลงผมออกบวชรักษาศีลอันใด และไม่ต้องใส่จีวรอะไรทำนองนั้น แต่จะมีเครื่องแต่งกายเฉพาะอีกแบบ กระทั่งจะสวมใส่ชุดตามใจชอบก็ไม่ว่า

 

แต่ทว่าไร้ซึ่งข้อยกเว้นใด ผู้ที่จะเป็นศิษย์ฆราวาสได้นั้นล้วนต้องเป็นชนชั้นอัจฉริยะ! เพราะมีแต่ชนชั้นอัจฉริยะเท่านั้นถึงจะได้รับสิทธิ์ให้เป็นศิษย์ฆราวาส!!

 

และศิษย์ฆราวาสก็เสมือนศิษย์ที่ทางนิกายอมตะอวิ๋นไถผ่อนปรนเรื่องข้อบังคับปฏิบัติของนิกายให้เป็นพิเศษ!

 

ต้องทราบด้วยว่า ในอดีตนั้นหากใครคิดจะเป็นศิษย์ของนิกายอมตะอวิ๋นไถ หากมิใช่ชนชั้นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมเหนือคนแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกท่านหลานเธอหรือมีความเป็นมายิ่งใหญ่เพียงไหน ท่านก็ต้องโกนหัวให้ล้านเลี่ยนเตียนโล่ง และใส่จีวรรักษาศีลอย่างเคร่งครัด

 

“นิกายอมตะอวิ๋นไถยินดีต้อนรับประสกหลิง!”

 

รอยยิ้มสดใสปานบุปผาเบ่งบานคลี่กางขึ้นบนใบหน้าเหิงฉานทันที เมื่อครู่นั้นมันได้มอบสิทธิพิเศษมากมายเท่าที่ขอบเขตอำนาจของมันจะทำได้ให้ชายหนุ่มชุดเทาอายุไม่ถึงร้อยปีผู้นี้!

 

ครู่ต่อมาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็หันกลับไปพักหน้าให้ฮ่องเต้ตงหมิงคราหนึ่ง จากนั้นค่อยเหินร่างไปหยุดยืนด้านหลังเหิงฉาน

 

“เจ้าลาหัวโล้นเฒ่าเหิงฉาน ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าจะเอาคนผู้นี้ให้ได้…น่ากลัวสัญญาที่เจ้าลั่นไปคงไม่เบากระมัง ใช่ถึงขั้นนำโถงอรหันต์เจ้าไปจำนองแล้วหรือไม่?”

 

จางกวงเจิ้นแห่งนิกายอมตะเป้าผู่หั่นไปมองกล่าวกับเหิงฉานด้วยสีหน้าอิจฉา

 

“นักพรตเฒ่าจาง…มีคำกล่าวที่ว่า ‘ไม่เสียสละเลือดเนื้อไหนเลยจับหมาป่าได้’ หากท่านมิคิดทุ่มทุนสร้างสักหน่อย ไหนเลยจักให้ผู้อื่นเข้าร่วมนิกายอมตะเป้าผู่ได้เล่า”

 

เหิงฉานหันไปมองกล่าวกับจางกวงเจิ้งอย่างผู้ชนะ สีหน้าแววตาเห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจถึงขีดสุด

 

จางกวงเจิ้งเพิกเฉยทีท่ามั่นหน้าของเหิงฉาน จากนั้นก็หันไปจับจ้องชายหนุ่มในชุดสีม่วงตาเขม็ง แววตาเผยความมุ่งมั่นออกมาเต็มเปี่ยม

 

‘นิกายอมตะเป้าผู่ กับนิกายอมตะเหอฮวน…ข้าจะเลือกนิกายไหนดีนะ’

 

หลังจากที่เห็นหลิ’เจวี๋ยอวิ๋นตัดสินใจเลือกนิกายอมตะอวิ๋นไถแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างออกกมาเป็นลำดับถัดไป ก็หันไปมองอีก 2 นิกายที่เหลืออย่างสองจิตสองใจ ด้วยไม่รู้จะเลือกนิกายไหนดี

 

ปี้ไห่หมิงเฟิง ประมุข 3 ของนิกายอมตะเหอฮวนนั้น แน่นอนว่าเป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจจริงๆ อีกฝ่ายเป็นถึง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการของคฤหาสน์เฉวียนโยว หากเข้าร่วมนิกายอมตะเหอฮวน เขาย่อมมีลู่ทางเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยวมากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะตัดสินใจเลือกเข้านิกายอมตะเหอฮวนเพราะสาเหตุนี้อย่างเดียว

 

“ต้วนหลิงเทียน หากเจ้าตัดสินใจเข้าร่วมตระกูลจ่างซุนของพวกเรา ตระกูลจ่างซุนของพวกเรายินดีมอบศาสตราและชุดเกราะระดับราชาอมตะที่เจ้าต้องการ อีกทั้งพวกมันยังเป็นของที่ผ่านการหล่อเลี้ยงขัดเกลาจากจอมราชันอมตะแล้ว นอกจากนั้นพวกเราจักมอบยันต์อมตะหลบหนี ซึ่งมีพลังมากพอให้เจ้ารอดพ้นเงื้อมมือราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดให้…”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสองจิตสองใจและลังเลด้วยไม่รู้จะเลือกนิกายไหนดี ก็มีเสียงหนึ่งส่งตรงถึงหูเขา

 

เจ้าของเสียงก็คือจ่างซุนฉงฉี ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธารจัดการเรื่องราวแดนสวรรค์ใต้โบราณครั้งนี้

 

‘ของที่ให้ก็ฟังดูดีอยู่หรอก…แต่ไม่ใช่ว่ามันจะงกเกินไปหน่อยรึไง?’

 

คนส่วนใหญ่อาจสนใจของที่จ่างซุนฉงฉีเสนอ แต่ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่คิดจะเหลียวแลแม้แต่น้อย

 

“ต้วนหลิงเทียน ตราบใดที่เจ้าเข้าร่วมกับตระกูลกงหยางของพวกเรา…”

 

หลังจากเสียงผ่านพลังของจ่างซุนฉงฉีดังจบไปได้ไม่ทันไร ก็มีเสียงผ่านพลังของกงหยางอวี่ดังขึ้นในหูเขา อีกฝ่ายก็ยื่นข้อเสนออกมาด้วยสิ่งของที่มีมูลค่าไม่แตกต่างจากจ่างซุนฉงฉีมากนัก

 

ถัดมาก็เป็นเสียงผ่านพลังของปี้ไห่หมิงเฟิง “ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าเลือกเข้าร่วมนิกายอมตะเหอฮวน ไม่เพียงแต่เจ้าจะได้รับการปฏิบัติไม่ต่างอะไรจากศิษย์หลักของนิกายอมตะเหอฮวนเท่านั้น ข้ายังจะช่วยให้เจ้าเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยวเท่าที่ข้าจะทำได้”

 

เทียบกับจ่างซุนฉงฉีและกงหยางอวี่แล้ว ข้อเสนอของปี้ไห่หมิงเผิงนับว่าโน้มน้าวใจเขาได้มากกว่า

 

และถัดจากเสียงผ่านพลังของปี้ไห่หมิงเฟิง เสียงผ่านพลังของจางกวงเจิ้งก็เริ่มดังขึ้นในหูเขา

 

“ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าเลือกนิกายอมตะเป้าผู่ของเราเป็นที่พักพิง ไม่เพียงแต่ข้าจะเสนอชื่อเจ้าให้เป็นศิษย์สายตรงของประมุขนิกาย นอกจากนั้นพวกเราจักสนับสนุนเจ้าให้เข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยวเต็มที่ นอกจากนั้นเมื่อเจ้าเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว ข้าจักติดต่อให้ท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าของนิกายอมตะเป้าผู่เราที่ดำรงตำแหน่ง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการของคฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่ คอยดูแลเจ้าอย่างดี”

 

กล่าวถึงจุดนี้จางกวงเจิ้งก็หยุดลงสักครู่ ค่อยกล่าวสืบต่อว่า “นอกจากนั้นข้ายังจะมอบโอกาสให้เจ้าเข้าสู่คลังสมบัติของนิกายอมตะเป้าผู่เรา และให้เจ้าเลือกหยิบสมบัติที่เจ้าต้องการได้ตามใจชอบชิ้นหนึ่ง!”

 

เสียงผ่านพลังประโยคท้ายของจากวงเจิ้งนั้น น้ำเสียงฟังดูหนักไม่น้อย เห็นชัดว่ามันกัดฟันพูดแล้วจริงๆ

 

จังหวะนี้ในใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาทันที

 

เพราะเท่าที่เขาทราบมา นิกายอมตะเป้าผู่นั้น นับเป็นนิกายอมตะระดับ 7 ที่สืบทอดมรดกมานานหลายพันหมื่นปีแล้ว เรียกว่าดำรงอยู่มานานสุดที่นิกายอมตะเหอฮวนกระทั่งนิกายอมตะอวิ๋นไถจะเทียบได้

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังหวั่นไหวไปกับข้อเสนอของจางกวงเจิ้งนั้นเอง เสียงผ่านพลังของเหิงฉานผู้นำโถงอรหันต์ของนิกายอมตะอวิ๋นไถพลันดังขึ้นในหูเขา

 

อ่างไรก็ตามข้อเสนอที่อวิ๋นไถหยิบยื่นให้เขานั้นพอๆกับปี้ไห่หมิงเฟิง และยังนับว่าห่างกับคำสัญญาของงจางกวนเจิ้งแห่งนิกายอมตะเป้าผู่อยู่บ้าง

 

“เฮ่ ตอนโล้นเฒ่านี่ชวนเจ้าไปเข้าร่วมนิกายอมตะอวิ๋นไถ มันเสนออะไรให้เจ้าบ้าง?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่นึกเอะใจสงสัย เลยลองส่งเสียงผ่านพลังไปถามหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดู

 

หลังได้รับฟังคำตอบผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนได้แต่ลอบสบถด่าในใจว่า ‘ไอ้โล้นเฒ่าน่าตายเอ๊ย’ ออกมา นั่นเพราะข้อเสนอที่เหิงฉานสัญญาว่าจะมอบให้เขานั้น มันช่างด้อยกว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมาก!

 

ข้อเสนอที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้น เรียกว่าเทียบกับสัญญาที่จางกวงเจิ้นมอบให้เขาเลย

 

“อาวุโสจาง ตอนเข้าไปในคลังสมบัติของนิกายอมตะเป้าผู่…ข้าขอเลือกของเพิ่มเป็น 3 ชิ้นได้หรือไม่?”

 

อย่างไรก็ตามแม้จะตัดสินใจไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนยังเลือกจะส่งเสียงผ่านพลังไปถามจางกวงเจิ้งก่อนเผื่อได้ของเพิ่ม “หากท่านรับปากเรื่องนี้ ข้าจะเลือกเข้าร่วมกับนิกายอมตะเป้าผู่ทันที”

 

ทว่าด้านจางกวงเจิ้ง เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน มันไม่ได้ตอบเขาทันที

 

แต่ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยาก ว่าไม่พ้นจางกวงเจิ้งต้องกำลังใช้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณติดต่อกับประมุขนิกายอมตะเป้าผู่อยู่แน่นอน

 

หลังจากนั้น จางกวงเจิ้งก็ส่งเสียงผ่านพลังมาให้คำตอบเขา “เต็มที่พวกเราให้เจ้าได้แค่ 2 ชิ้น…หากเจ้ายังคงยืนกรานว่าต้องได้ 3 ชิ้น เช่นนั้นเกรงว่านิกายอมตะเป้าผู่เราคงไร้วาสนากับเจ้าแล้ว”

 

หลังได้ฟังคำตอบของจางกวงเจิ้ง ต้วนหลิงเทียนก็รับทราบได้ทันทีว่านั่นคือขีดจำกัดที่อีกฝ่ายจะมอบให้ได้แล้ว หลังจากพยักหน้ารับคำ เขาก็เอ่ยออกเสียงดังฟังชัดว่า “ข้าเลือก…นิกายอมตะเป้าผู่!”

 

หลังกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างไปหยุดลงด้านหลังจางกวงเจิ้งทันที ทำให้ใบหน้าจางกวงเจิ้งเผยรอยยิ้มที่แลดูน่าเกลียดปานร่ำไห้ออกมา “นิกายอมตะเป้าผู่ยินดีต้อนรับเจ้า…”

 

เมื่อเห็นว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับต้วนหลิงเทียนทยอยกันเลือกนิกายอมตะอวิ๋นไถและนิกายอมตะเป้าผู่ทีละคนๆ สีหน้าของปี้ไห่หมิงเฟิงก็เริ่มกลายเป็นบิดเบี้ยวดูไม่ได้

 

“ไม่ทราบว่านักพรตเฒ่าจาง กับลาหัวโล้นเหิงพวกท่าน…เสนอเงื่อนไขอันใดออกไปหรือ?”

 

ปี้ไห่หมิงเฟิงเลือกจะกล่าวถามออกมาตรงๆ เพราะมันรู้สึกว่าข้อเสนอของมันก็มากแล้ว แต่ไฉนยังไม่อาจทำให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับต้วนหลิงเทียนหวั่นไหวได้เล่า?

 

ทว่าจางกวงเจิ้งกับเหิงฉานนั้นไม่ต้อบอะไรออกมา เพียงคลี่ยิ้มบางๆให้ปี้ไห่หมิงเฟิงแทนคำตอบเท่านั้น

 

จังหวะนี้ปี้ไห่หมิงเฟิงที่บังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกา ก็ไม่อาจทนได้ไหว จึงส่งเสียงผ่านพลังไปถามต้วนหลิงเทียนทันที “เจ้าหนูเจ้าบอกข้ามาที ว่าเมื่อครู่ลาหัวโล้นกับเจ้าพรตเฒ่านั่นเสนอเงื่อนไขอันใดให้…หากเจ้าบอกมาข้าจะมอบยันต์เงาว่างเปล่าให้เจ้า 3 แผ่น”

 

“10”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองปี้ไห่หมิงเฟิงเล็กน้อย ค่อยเอ่ยคำตอบกลับ

 

ยันต์เงาว่างเปล่าไม่ใช่ของหายากอะไรสำหรับนิกายอมตะเหอฮวนแน่นอน ต้วนหลิงเทียนจึงไม่คิดเกรงใจอะไร คำแรกที่เอ่ยออกไปจึงเพิ่มจาก 3 เป็น 10 ทันที

 

“ไอ้หนู ช่างเป็นสิงโตปากกว้างนัก…แต่เอาเถอะ ข้ายังพอรับได้! 10 ก็ 10 เจ้าบอกข้ามาเร็วๆ!!”

 

ปี้ไห่หมิงเฟิงผงะไปเล็กน้อย ก่อนที่จะยอมรับคำขอ และรบเร้าให้ต้วนหลิงเทียนรีบตอบ

 

และพอต้วนหลิงเทียนเอ่ยข้อเสนอที่จางกวงเจิ้นกล่าวมา มุมปากปี้ไห่หมิงเฟิงก็กระตุกไปทันที

 

เรื่องให้เป็นศิษย์สายตรงประมุขนั้น ก็นับว่าดีใช้ได้

 

ส่วนเรื่องให้บรรพบุรุษเฒ่าที่เป็น 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยววไปแล้ว สำหรับมันนับว่างั้นๆ

 

แต่ถึงกับเปิดโอกาสให้เลือกสมบัติในคลังนิกาย 2 ชิ้นเชียวหรือ?

 

กระทั่งตัวปี้ไห่หมิงเฟิงเอง พอได้ฟังมันยังอดหวั่นไหวไปกับข้อเสนอนี้ไม่ได้เลย…

 

ต้องทราบด้วยว่านิกายอมตะเป้าผู่นั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และดำรงอยู่มานานยิ่งกว่านิกายยอมตะเหอฮวนของมันเสียอีก…

 

นอกจากนี้มันยังได้ยินมาว่าค่ายกลที่ปกป้องคลังสมบัติของนิกายอมตะเป้าผู่นั้น กระทั่งตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะทั่วไป ยังไม่อาจทำลายได้ด้วยซ้ำ…ของด้านในจะมีมูลค่าปานไหนมันย่อมพอจะตระหนักได้จากจุดนี้

 

หลังทราบว่าจางกวงเจิ้งยื่นข้อเสนออะไรให้ต้วนหลิงเทียน ปี้ไห่หมิงเฟิงก็ยอมรับความพ่ายแพ้โดยสดุดี และรู้ว่าสิ่งที่มันเสนอไปนั้นไม่อาจเทียบได้จริงๆ

 

และในขณะที่ปี้ไห่หมิงเฟิงเริ่มหันมองไปทางหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ด้วยคิดถามว่าเหิงฉานเสนอผลประโยชน์อะไรให้นั้น

 

“ท่านมอบยันต์เงาว่างเปล่าให้ข้าเพิ่มอีก 10 แผ่น แล้วข้าจะบอกว่านิกายอมตะอวิ๋นไถหยิบยื่นข้อเสนอใดให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋น…”

 

เสียงของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นในหูปี้ไห่หมิงเฟิงอย่างประจวบเหมาะ ทำให้มุมปากปี้ไห่หมิงเฟิงกระตุกไปอย่างแรงอีกรอบ

 

ไอ้หนูนี่ ไฉนไร้ยางอายนักเล่า!?