เย่เฉินเอ่ยยิ้มๆ “คุณชายขง ขอบอกคุณตามตรง ของขวัญที่ผมจะให้ ไม่ใช่แค่ราคาเกินหนึ่งหมื่นหยวนเท่านั้น และมีราคาแพงกว่าสร้อยคำเส้นนี้ของคุณมากด้วยครับ”

เมื่อขงเต๋อหลงได้ยินวาจานี้โทสะในตัวคนก็พวยพุ่งสูงสามพันจั้งทันที “ไอ้ผ้าขี้ริ้วที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างแก กล้าดียังไงถึงมาวางท่าต่อหน้าฉัน?”

เย่เฉินถามด้วยรอยยิ้ม “หากว่าของขวัญที่ผมมอบให้ ราคาแพงกว่าสร้อยคอของคุณจริงๆ แบบนั้นคุณจะว่ายังไงครับ?”

ขงเต๋อหลงร้องเฮอะคราหนึ่ง “ให้ผู้คนมากมายในที่นี่เป็นพยานได้ ถ้าของขวัญที่แกให้ราคาแพงกว่าสร้อยคอที่ฉันให้ ฉันจะกลืนสร้อยคอเส้นนี้ลงไปต่อหน้าสาธารณชนเลย”

เย่เฉินปรบมือเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้”

ขงเต๋อหลงขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ปรมาจารย์เย่ หากว่าของขวัญที่คุณให้ไม่ได้สูงค่าไปกว่าของผม แบบนั้นจะว่ายังไงล่ะ?”

เย่เฉินเอ่ยยิ้มๆ “ถ้าหากว่าแพงสูงของคุณไม่ได้ ผมจะกินชุดอุปกรณ์ทานอาหารเซ็ตที่อยู่ตรงหน้าเข้าไปเลย”

พอขงเต๋อหลงได้ยินประโยคนี้ ก็หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ชุดอุปกรณ์ทานอาหารเซ็ตนี้เป็นเครื่องเคลือบดินเผาทั้งนั้น ถ้าคุณเข้าไปไม่ได้จะว่ายังไงอีกล่ะ?”

เย่เฉินเอ่ยอย่างสงบ “หากว่าผมแพ้จริงๆ แบบนั้นต่อให้ชุดอุปกรณ์ทานอาหารเซ็ตนี้จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ผมก็จะกินลงกระเพาะไปได้ทั้งนั้น”

พอซ่งหวั่นถิงได้ยินประโยคนี้ ก็รีบเกลี้ยกล่อมเย่เฉินทันที “ปรมาจารย์เย่ ทำไมคุณต้องไปถือสาหาความกับเขาด้วยละคะ? ต่อให้คุณมอบกระดาษให้หวั่นถิงแผ่นเดียวจริงๆ ในสายตาของหวั่นถิง ก็มีค่านับพันตำลึงทองแล้ว”

เย่เฉินยิ้มนิดๆ “คุณหนูซ่งไม่ต้องกังวลหรอกครับ ตัวผมเย่เฉินทำอะไรล้วนมีความมั่นใจเต็มที่เสมอ”

ขงเต๋อหลงเห็นซ่งหวั่นถิงปกป้องเย่เฉินขนาดนี้ เพลิงโทสะพลันลุกโหมอยู่ในใจ

ต่อมา เขาพลันตบโต๊ะ ลุกขึ้นมาปรบมือแล้วกล่าวว่า “ดี! ปรมาจารย์เย่ช่างมีท่วงท่าของผู้เป็นปรมาจารย์จริงๆ วันนี้มีผู้คนมากมายขนาดนี้อยู่ในงาน เช่นนั้นพวกเราจะให้พวกเขาเป็นประจักษ์พยาน หากว่าของขวัญที่คุณมอบให้คุณหนูซ่งสูงค่ากว่าของที่ผมมอบให้ ผมก็จะกลืนสร้อยอัญมณีเส้นนั้นที่ผมมอบให้ลงท้องเสีย แต่หากว่าของขวัญที่คุณมอบให้แพงสู้ของที่ผมให้ไม่ได้ ชุดอุปกรณ์รับประทานอาหารเซ็ทนี้ คุณจะต้องกินลงไปทั้งหมดโดยไม่ขาดไปสักชิ้น!”

เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณหนูซ่งโปรดหยิบของขวัญที่ผมมอบให้ออกมาเถอะครับ”

ซ่งหวั่นถิงเป็นกังวลอยู่บ้าง หยิบกล่องของขวัญเล็กๆ ใบนั้นที่เย่เฉินมอบให้ตนออกมา

ของขวัญชิ้นนี้เธอยังไม่ได้แกะ ดังนั้นเธอก็ไม่ทราบเช่นกันว่าข้างในบรรจุอะไรไว้กันแน่

เย่เฉินเอ่ยกับซ่งหวั่นถิงอย่างขออภัยอยู่บ้าง “คุณหนูหวั่นถิง ขออภัยด้วยนะครับ ของขวัญที่มอบให้คุณไปกลับต้องให้คุณเอามาแกะต่อหน้า ให้ทุกคนได้ชมกันสักหน่อย”

ซ่งหวั่นถิงรีบตอบอย่างนอบน้อม “ปรมาจารย์เย่ คุณเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ”

เย่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นรอบกวนคุณหนูหวั่นถิงแกะของขวัญชิ้นนี้ต่อหน้าทุกคนทีเถอะครับ”

ขงเต๋อหลงมองของขวัญในมือซ่งหวั่นถิงแวบหนึ่ง เล็กยิ่งกว่ากล่องแหวนสักใบเสียอีก ยิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะหยันว่า “เล็กถึงขนาดนี้ ต่อให้คุณใส่เพชรเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงทับทิมเม็ดนี้ของผมก็แพงกว่า”

เย่เฉินเอ่ยยิ้มๆ“เพชรก็เป็นแค่ธาตุคาร์บอนเท่านั้น ในสายตาผมแล้วคุณสมบัติของเพชรเม็ดหนึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับถ่านหินสักก้อนเลย ดังนั้นทำไมผมต้องมอบของขวัญกระจอกๆ แบบนี้ให้คุณหนูหวั่นถิงด้วยล่ะครับ?”

ขงเต๋อหลงได้ยินประโยคนี้ของเย่เฉินเพลิงโทสะในใจก็ลุกโชติช่วงขึ้นมาทันที

ไอ้เย่เฉินคนนี้ นี่มันกำลังด่ากระทบว่าตนกระจอกอยู่สินะ

ด้วยเหตุนี้เขาจึงแค่นเสียงคราหนึ่ง “อย่าเอาแต่พูดพล่ามอยู่ที่นี่เลย รีบให้ทุกคนดูได้แล้วว่าของขวัญชิ้นนี้ของแกมันเป็นของห่าเหวอะไรกันแน่! ฉันยังคงไม่เชื่อถือจริงๆ ว่าของที่อยู่ในกล่องใบเล็กแค่นี้จะมีราคาแพงกว่าทับทิมราคายี่สิบล้านเหรียญสหรัฐ! ชุดอุปกรณ์รับประทานอาหารเซ็ทนี้ แกจะได้กินเข้าไปแน่!”

————