ตอนที่ 1540: เสือขาวปรากฎตัว

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1540: เสือขาวปรากฎตัว

ในเวลานี้เสียงคำรามของเสือตัวใหญ่ก็ดังก้องกังวานไปทั่วแผ่นดิน ร่างสีขาวขนาดใหญ่พุ่งทะลุจากระยะไกล มันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ราวกับว่าระยะทางไม่มีผลต่อมันแต่อย่างใดราวทะลุมิติ มันอยู่ห่างออกไป 10 ล้านกิโลเมตร แต่มันก็มาถึงสนามรบได้ในทันที

ไม่มีใครมองตามความเร็วของร่างสีขาวได้แม้แต่จอมยุทธขั้นย้อนกลับ พวกเขาทุกคนรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติต่อการมองเห็นของพวกเขา เนื่องจากมีร่างใหญ่โตสีขาวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าในทันใด

มันเป็นเสือตัวใหญ่ที่มีความสูง 300 เมตร มันดูเหมือนภูเขาและแผ่รัศมีที่มองไม่เห็นออกมาทำให้รอบ ๆ สั่นสะเทือน เสือขาวมีปีกขนาดใหญ่อยู่หนึ่งคู่ซึ่งมันก็ยาวกว่าหลายร้อยเมตร พวกมันเปล่งแสงราวกับพระอาทิตย์ออกมาอย่างเบา ๆ และเพียงกระพือเล็กน้อยก็จะเกิดลมพัดอย่างรุนแรง

นี่คือเสือขาว ในที่สุดมันก็ได้รับมรดกจากหอคอยสัตว์เทวะ ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาจนทะลวงไปถึงขอบเขตดั้งเดิม แม้ว่ามันจะเป็นขั้นรับมอบช่วงต้น แต่มันก็ยังสร้างแรงกดดันให้กับจอมยุทธขั้นรับมอบจากต่างโลก

หมอกสีเทาดูเหมือนจะหมุนรอบ ๆ ตัวของเสือขาว มันมีพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาต้องกับจิตสังหาร พลังที่ดูเหมือนจะเป็นของโลกและเกินกว่าขอบเขตของจอมยุทธขั้นย้อนกลับของคนจากต่างโลก ทำให้ตาของพวกเขาต้องหรี่ลงขณะที่พวกเขาสังเกตหมอก

เสือขาวไม่เพียงจะยกระดับไปเป็นขั้นรับมอบขณะที่อยู่ในทวีปสัตว์เทวะ แต่มันยังเข้าใจแก่นแท้แห่งชีวิตและความตาย มันเข้าใจเส้นทางสังหารและตอนนี้มันก็มีพลังของกฏ

มันเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะ !

เสียงโห่ร้องจากรอบ ๆ ดังขึ้น ผู้คนจากสี่เผ่าพันธุ์ในทวีปเทียนหยวนคุ้นเคยกับพยัคฆ์ปีกเทวะผู้มีชื่อเสียง พวกเขาจ้องมองเสือยักษ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยความตื่นตะลึง

ทันใดนั้นเสือขาวก็เงยหน้ามองและจ้องไปยังนอกโลก มันได้เห็นว่าเจี้ยนเฉินที่เต็มไปด้วยเลือดขณะที่รับมือกับจอมยุทธขั้นย้อนกลับ 2 คน ดวงตาของมันแสดงออกอย่างดุร้ายเมื่อเห็นโลหิต พร้อมกับจิตสังหารที่ท่วมท้นและคำรามอย่างดังขณะที่มันมุ่งหน้าไปยังอวกาศ

เสือขาวหายวับไปทันที มันปรากฏขึ้นอีกครั้งในอวกาศรอบนอกราวกับว่ามันหายตัวไปโดยไม่สนใจระยะทาง มันเหวี่ยงกรงเล็บและพลังที่กดดันที่น่าสะพรึงกลัวลงบนจอมยุทธขั้นย้อนกลับคนหนึ่ง การต่อสู้กับเสือและมนุษย์ได้เริ่มต้นขึ้น

จอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงกลางหวาดกลัวพลังสังหาร เช่นเดียวกับเส้นทางกระบี่ที่ใช้พลังจากกฏ มันเป็นกุญแจสำคัญที่อยู่นอกเหนือจากขอบเขตดั้งเดิม ภายใต้สถานการณ์นี้มีเพียงคนที่อยู่ในขอบเขตเทพเท่านั้นที่จะควบคุมพลังนี้ได้

แม้ว่าเสือขาวจะอยู่ในขั้นรับมอบช่วงต้น แต่ก็สามารถควบคุมกฏสังหารได้ ดังนั้นกำลังรบของมันจึงไม่ธรรมดา มันเป็นอมตะในขอบเขตเดียวกัน เว้นแต่ว่าจะเจอคนที่ใช้พลังจากกฏเหมือนกัน เมื่อรวมกับความจริงที่ว่าจอมยุทธขั้นย้อนกลับหวาดกลัวพลังสังหารของเสือขาวทำให้เขาต่อสู้ได้อย่างสูสีกันเท่านั้น

ขณะที่เสือขาวเข้ามาพัวพันจอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงกลาง ความกดดันของเจี้ยนเฉินก็ลดน้อยลงทันที เขาใช้เวลาไม่นานเพื่อรักษา เขาหยิบหยดน้ำนมจากไผ่วิญญาณม่วงและวางไว้ระหว่างดวงตาของเขาด้วยความเร็วราวสายฟ้าเพื่อชดเชยการขาดพลังวิญญาณก่อนหน้านี้

เมื่อเขากลับมาสู่สภาวะสูงสุดแม้กระทั่งจอมยุทธขั้นย้อนกลับช่วงกลาง 2 คนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

มันเป็นช่วงเวลาที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลบาดเจ็บสาหัส ภายใต้การโจมตีจอมยุทธขั้นรับมอบ 3 คนที่นางรับมือด้วย นางปลิวกระเด็นและกระอักเลือดคำโตอย่างไม่อาจควบคุมได้

จอมยุทธขั้นรับมอบทั้งสามติดตามเทพเจ้าแห่งท้องทะเลไปโดยทันทีและล้อมนางในรูปสามเหลี่ยม นางได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายของนางเริ่มอ่อนยวบและในช่วงเวลาสำคัญนี้ วิญญาณเทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ปรากฏด้วยความเด็ดขาด นางใช้ทักษะลับในการเผาผลาญพลังจิตวิญญาณของนางเพื่อแลกกับความเร็วเหนือแสง นางใช้มันหนีออกจากสนามรบ

เมื่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจากไป หนึ่งในจอมยุทธขั้นรับมอบก็พุ่งเข้าหาคนที่อยู่ด้านล่างทันที เขามาถึงหน้าไคยะผู้ควบคุมมดทะยานฟ้าและคว้านางโดยไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็หายตัวไปปรากฏในระยะไกล

ไคยะเป็นเพียงเซียนจักรพรรดิชั้นสวรรค์ที่ 1 เท่านั้น ดังนั้นนางไม่อาจต้านทานจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมได้เลย อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่ไคยะถูกพาตัวออกไป สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีขณะที่มันต่อสู้กับจอมยุทธขั้นรับมอบอีกคน มันต้องการที่จะไปช่วยไคยะ แต่มันติดพันกัยการต่อสู้และไม่อาจสลัดหลุดได้

มีภูเขาที่แห้งแล้งห่างจากสนามรบหลายล้านกิโลเมตร มันถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูร้อนและแสงอาทิตย์ยังคงส่องแสงลงบนพื้นดิน แต่มันก็ไม่อาจละลายน้ำแข็งได้ โลกทั้งใบราวกับเป็นทุ่งน้ำแข็งตราบเท่าที่ดวงตามองเห็น

ในช่วงเวลานี้เสียงผิวปากก็ดังขึ้น จอมยุทธขั้นรับมอบได้มาถึงภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะพร้อมกับไคยะ

เจ้าต้องการอะไร ! ? ไคยะจ้องมองชายวัยกลางคนอย่างเย็นชา นางไม่ได้แสดงความหวาดกลัวและมีแต่ความเย็นชาที่ค่อย ๆ ปรากฏบนใบหน้าของนางแทน อย่างไรก็ตามยังมีความสิ้นหวังในสายตาของนาง

ชายวัยกลางคนนั้นเต็มไปด้วยเลือดไม่ว่าจะเป็นของตัวเองหรือของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เขาต้องมองไคยะอย่างสงบและพูดว่า ข้าเป็นผู้พิทักษ์โถงจิตวิญญาณลับของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ซีหยาง เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะทำร้ายเจ้า ข้าแค่อยากให้เข้ายอมจำนนต่อข้าและกลายมาเป็นสาวใช้ของข้า

นั่นเป็นไปไม่ได้ เจ้าสามารถสังหารข้าได้ แต่ข้าจะไม่ยอมเป็นสาวใช้ของเจ้า ไคยะตอบอย่างเย็นชา เสียงของนางเต็มไปด้วยความแน่วแน่

ซีหยางยิ้มและพูดว่า เจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังอย่างรวดเร็วนัก ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเป็นสาวใช้อุ่นเตียง ความสามารถของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกสนใจ แมลงบินเหล่านั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าและสัตว์อสูรที่ทรงพลังที่เพียงพอที่จะจัดการจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมที่ให้ความสนใจเจ้าเช่นกัน ไม่อย่างนั้นทำไมสัตว์อสูรตัวนั้นถึงได้ให้ความสนใจเจ้า ในขณะที่มันต่อสู้กับผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ ? นั่นคือทั้งหมดที่ข้าจับตามอง ข้าต้องการพลังนั้น ดังนั้นเจ้าจะยอมจำนนหรือไม่ ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า

เจ้าฝันไปเถอะ ! ไคยะตอบปฏิเสธอย่างเย็นชาโดยไม่ลังเล นางตัดสินใจแล้วว่าแม้ว่านางจะตาย นางก็ไม่มีวันยอมจำนนต่อซีหยาง

ซีหยางขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากที่เห็นว่าไคยะคิดอย่างไร เขากล่าวว่า แม่นาง ข้าไม่ต้องการทำร้ายเจ้า แต่เจ้ายังคงดื้อดึง ข้าก็ต้องทำในสิ่งที่ข้าไม่ต้องการทำ

ใบหน้าไคยะดูโล่งใจเล็กน้อย นางตอบกลับอย่างหนักแน่นว่า หากเป็นเช่นนั้น ก็ฆ่าข้าได้เลย ข้าจะไม่ยอมจำนนต่อเจ้า

สีหน้าของซีหยางเปิดเผยให้เห็นความรำคาญของเขาเมื่อดวงตาของเขาเปล่งประกายอย่างเย็นชา เขาพูดว่า ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษข้า หากข้าฆ่าเจ้า สัตว์อสูรที่ทรงพลังนั้นอาจจะใช้พลังได้เต็มที่หลังจากที่ได้รับอิสระ เนื่องจากเจ้าเป็นเจ้านายมันจึงยากที่จะทำได้แบบนั้น ข้าไม่ต้องการให้เกิดสิ่งนั้นขึ้น แต่ข้ารู้จักทักษะหุ่นเชิด ข้าต้องแยกร่างและวิญญาณของเจ้าและเก็บเศษวิญญาณเหล่านั้นไว้ ข้าสามารถปรับแต่งเจ้าให้กลายเป็นหุ่นเชิดได้ด้วยวิธีนั้น ข้าสามารถใช้หุ่นเชิดควบคุมแมลงเหล่านั้นได้ มันเป็นปัญหาเล็กน้อยและอาจล้มเหลว แต่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้

สิ่งที่ซีหยางไม่ทราบก็คือสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีไม่เคยยอมรับไคยะเป็นเจ้านาย แต่กลับติดตามไคยะด้วยความสมัครใจตนเองและที่เชื่อฟังนางก็เพราะมันเลือกที่จะเชื่อฟัง แต่สำหรับคนอื่น ๆ ดูเหมือนว่าจะรับใช้ไคยะ ในส่วนของมดทะยานฟ้าที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ใช่การควบคุมไคยะ แต่พวกมันทำตามคำสั่งของนางเพราะสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสี

ไคยะเข้าใจกระจ่างเมื่อได้ยินว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง นางเดินโซเซถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ ทันทีที่นางคิดเกี่ยวกับที่ซีหยางต้องการใช้เศษวิญญาณของนางเพื่อปรับแต่งให้นางเป็นหุ่นเชิด นางก็สั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ หลังจากนั้นช่วงเวลาสั้น ๆ ด้วยความกังวลนางก็กัดฟันและฟาดฝ่ามือไปที่ขมับ นางต้องการฆ่าตัวตาย

นางรู้ว่านางไม่มีความสามารถในการหลบหนีจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม เพื่อที่หลีกเลี่ยงชะตากรรมที่จะกลายเป็นหุ่นเชิด นี่เป็นทางเลือกเดียวที่นางสามารถทำได้

อย่างไรก็ตามซีหยางจะไม่ยอมเห็นไคยะฆ่าตัวตาย เขาจับมือนางแล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะสามารถฆ่าตัวตายต่อหน้าข้าได้ ด้วยเหตุนี้ซีหยางจึงจี้นิ้วไปตรงกลางหว่างตาของไคยะ นิ้วของเขาเหมือนใบมีดที่แหลมคมกรีดไปที่กระโหลกของนาง นิ้วทั้งหมดของเขาจมเข้าไปในหัวของนาง

เลือดสีแดงไหลออกมาจากดวงตาของไคยะ ความทุกข์ทรมาณอยู่เต็มใบหน้าของนาง โดยทั่วไปแล้วนิ้วของซีหยางไปถึงดวงวิญญาณของนางแล้ว ในขณะนั้นวิญญาณนางก็ติดอยู่อำนาจของเขา มันเป็นไปไม่ได้สำหรับนางที่จะหนีจากการละทิ้งร่างกายของนาง

ข้าต้องการเก็บเศษวิญญาณของเจ้า เพื่อให้เจ้าเป็นหุ่นเชิด ที่เหลือสามารถไปได้ ซีหยางพูด เขาบังคับให้นิ้วของเขาฉีกวิญญาณไคยะ

ตูมม ! ในทันทีที่ไคยะรู้สึกว่าศีรษะของนางเกิดเสียงดัง นางรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หัวใจทำให้ร่างกายของนางสั่นอย่างรุนแรง นางสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าวิญญาณของนางพังทลายทีละเล็กทีน้อย เนื่องจากวิญญาณของนางค่อย ๆ พร่าเลือน