เข็มของมันพุ่งทะยานขึ้นไปจนถึงระดับเก้าอย่างรวดเร็ว!
คนทั้งหลายแทบลืมหายใจจ้องมองดูที่ศิลามารดาก่อเมฆา
มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่วางท่าไม่สนใจ
หนึ่งนั้นย่อมเป็นชางหยงหนิงนั้นที่ยิ้มเย้ยขึ้นมาที่มุมปากเพราะเขานั้นมั่นใจอย่างมากว่าเย่หยวนจะไม่มีทางหลอมได้ถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์
ส่วนอีกคนที่ไม่คิดสนใจนั้นก็คือตัวเย่หยวนเอง เพราะเขานั้นไม่คิดสนใจ
หรือจะบอกว่าเขานั้นมั่นใจอย่างมากก็คงไม่ผิด
เพียงแค่ว่าความมั่นใจนี้มันย่อมจะเป็นได้แค่เรื่องน่าหัวเราะเมื่อชางหยงหนิงเห็นเข้า
เจ้าหมอนี่มันคิดว่าระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์นั้นเป็นสิ่งที่จะหลอมกันได้ง่ายๆ หรือ?
ชางหยงหนิงต้องลำบากยากเย็นเพียงใดกว่าที่จะหลอมระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์ขึ้นมาได้ มันมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่เข้าใจ
หากไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มข้นแล้ว มันก็ย่อมเป็นระดับที่เกินเอื้อมถึงได้!
ความยุ่งยากซับซ้อนของการหลอมโอสถนั้นมันมีมากมายเพียงแค่ไหน?
หากมันต้องเขียนเรียงถึงจุดละเอียดอ่อนออกมาต่อให้จะมีกระดาษกี่แผ่นมันก็คงเขียนอธิบายไม่หมด!
และหากมันเกิดความผิดพลาดเพียงน้อยนิดในความยุ่งยากซับซ้อนทั้งหลายนั้นมันก็จะทำให้โอสถไม่มีทางมีคุณภาพถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์ได้
แม้แต่ในพันธมิตรโอสถเองมันก็ยังมีคำสอนหนึ่งที่ถูกยึดมั่นกัน
ระดับเก้านั้นง่ายแต่ขั้นสุดสมบูรณ์นั้นยากยิ่ง!
ต่อให้จะเป็นผู้อาวุโสที่มากอายุทั้งหลายเองแต่การจะก้าวขึ้นขั้นสุดสมบูรณ์มันก็เป็นเรื่องแสนยากเย็น!
มันชัดเจนแก่สายตาว่าความยากของมันนี้มากมายเพียงใด!
หากมิใช่เพราะเรื่องนี้ตัวเขาชางหยงหนิงเองก็คงไม่สามารถจะก้าวข้ามหัวคนมากมายขึ้นมาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้!
เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีทางใดที่เย่หยวนจะก้าวขึ้นมาถึงขั้นสุดสมบูรณ์ได้
เข็มนั้นมันค่อยๆ ชี้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปถึงระดับเก้าขั้นสุดอย่างรวดเร็ว
เรื่องนั้นมันไม่ผิดคาดใด
เย่หยวนนั้นหลอมโอสถได้ระดับใดแค่มองดูมันก็ชัดเจนแก่สายตาของทุกผู้คน
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเขาจะหลอมได้ถึงขั้นสุดสมบูรณ์หรือไม่ต่างหาก!
เข็มนั้นมันค่อยๆ ขยับไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีท่าทีจะหยุดลงทำให้คนทั้งหลายต่างแทบลืมหายใจ
ชางหยงหนิงนั้นยิ้มกล่าวขึ้น “การก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ได้เจ้าก็ควรภูมิใจในฝีมือได้แล้ว! แน่นอนว่าหากมิใช่เพราะเรื่องนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้เองก็คงไม่ต้องลงมาจัดการเจ้าเอง!”
แม้จะเห็นเข็มขยับไปเรื่อยๆ เช่นนั้นตัวชางหยงหนิงก็ยังยิ้มเย้ยขึ้นมาได้
แต่เข็มนั้นมันก็ยังไม่คิดจะหยุดและค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ขั้นสุดสมบูรณ์ไปเรื่อยๆ
หัวใจของคนทั้งหลายต่างเต้นรัวขึ้น
เวลานี้มันอยู่ห่างจากระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์เพียงแค่เส้นผมเท่านั้น
มันจะก้าวขึ้นถึงขั้นสุดสมบูรณ์ได้หรือ?
ในเวลานี้ชางหยงหนิงนั้นก็เริ่มทำหน้าเครียดขึ้นมาบ้างแล้ว
ห่างไปเพียงแค่เส้นผม!
แต่เข็มมันกลับยังไม่หยุดและค่อยๆ ขยับผ่านเส้นผมนั้นไป
จากนั้นมันก็เข้าใกล้ขั้นสุดสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ
ชางหยงหนิงนั้นเริ่มหายใจแรงขึ้นมาทุกครั้งที่เข็มมันขยับเข้าใกล้ที่สุดของตราวัต
“สุดแล้ว!” ในเวลานั้นเองหลัวหยุนชิงก็ร้องขึ้นมาพร้อมๆ กันที่เข็มมันไปแตะปลายสุดของตราวัด
เขานั้นกังวลเสียยิ่งกว่าใครๆ มาตลอด
ระหว่างการทดสอบนั้นเขารู้สึกกดดันเสียยิ่งกว่าการลงสนามรบเอง
ความผิดพลาดและแตกต่างเพียงเล็กน้อยนั้นมันจะตัดสินชีวิตของเย่หยวน!
วินาทีที่เข็มมันไปหยุดที่สุดตราวัดนั้นตัวหลัวหยุนชิงจึงอดไม่ได้ที่จะร้องขึ้นมาอย่างโล่งใจ
“ระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์! เย่หยวนเองก็หลอมได้ถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์!”
“พระเจ้าช่วย เขานั้นกลับเสมอกับบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งพันธมิตรโอสถได้!”
“ที่แท้แล้วกำลังฝีมือของเย่หยวนกลับแข็งแกร่งปานนี้! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าตั้งศาลาโอสถขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับพันธมิตรโอสถ!”
…
มันเกิดเสียงโห่ร้องขึ้นมารอบด้านด้วยความตกตะลึงของทุกผู้คน
พวกเขานั้นไม่ได้เข้าใจวิชาการโอสถใดๆ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์นั้นมันยิ่งใหญ่แค่ไหน
จะบอกว่าเข็มของศิลามารดาก่อเมฆานั้นมันไม่เคยดีดไปจนสุดก็คงพูดได้
ระหว่างการหลอมที่สุดแสนยุ่งยากซับซ้อนมันจะมีใครบ้างที่ไม่ทำเรื่องผิดพลาดลงไปเลย?
บุตรศักดิ์สิทธิ์ของพันธมิตรโอสถทำมันได้นั้นมันย่อมจะเป็นเพราะว่าเขานั้นคือจุดสุดของยอดวิชาการโอสถ!
เขานั้นมีความรู้ที่ได้รับสืบทอดมาอย่างเต็มที่จากพันธมิตรโอสถ!
เขานั้นมีสมุนไพรสวรรค์นับไม่ถ้วนให้ได้ฝึกฝน!
เขานั้นอยู่ในจุดที่นักหลอมโอสถสวรรค์คนอื่นๆ ไม่อาจจะได้!
แต่เย่หยวนนั้นไม่มีอะไร!
เขานั้นก็กลับสามารถก้าวขึ้นมาถึงตรงนี้ได้เช่นกัน!
มีหรือที่คนทั้งหลายจะไม่ตกตะลึง?
ชางหยงหนิงนั้นเองก็ได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมา
เจ้าหมอนี่มันมีดีอะไร?
ตัวเขานั้นต้องผ่านความยากลำบากเช่นใดมา? ความผิดพลาดมากมายแค่ไหนที่เขาต้องแก้ไขกว่าจะมีวันนี้ได้?
แต่เจ้าหมอนี่มันกลับก้าวขึ้นสวรรค์มาในก้าวเดียวอย่างนี้หรือ?
พันธมิตรโอสถนั้นย่อมจะสืบเรื่องของเย่หยวนมาจนสิ้นแล้ว ชางหยงหนิงนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนเพิ่งจะบรรลุสวรรค์ขึ้นมาได้ไม่นานมากนัก!
และตอนที่เจ้าหมอนี่เพิ่งจะบรรลุขึ้นมานั้นมันมีความเข้ากันได้แค่หนึ่งเสียด้วยซ้ำ!
หากมิใช่เพราะเรื่องนี้เขาก็คงไม่ประมาทเย่หยวนจนถึงขั้นนี้
แต่เจ้าหมอนี่มันมีอะไรดีถึงสามารถก้าวขึ้นมาจนถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์ในเวลาสั้นๆ นี้?
ไม่สิ มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่!
มันเป็นได้แค่เรื่องบังเอิญ!
“ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ไอ้ระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์นี้มันก็ไม่เห็นจะยากนักหนา! ท่านว่าราวกับตัวเองเป็นเทพจากสวรรค์จะมาสอนให้ข้าได้รู้จักโลกหล้า ข้าก็นึกไปว่ามันจะยากเย็นจริง!” เย่หยวนหันมามองชางหยงหนิงด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
ชางหยงหนิงนั้นผงะไปด้วยใบหน้าดำมืดทันที เขานั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกตบหน้าเข้าอย่างแรง
ก่อนหน้าเขานั้นวางท่าไว้มากมาย ใครจะคิดฝันว่าอีกฝ่ายนั้นกลับจะมากโชคหลอมได้ถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์ตั้งแต่ครั้งแรก?
เขาจึงได้แต่ต้องตอบกลับไป “หึ แค่โชคดีเท่านั้น! เจ้าคิดหรือว่าจะหลอมได้ถึงขั้นสุดสมบูรณ์ทุกครั้ง? ที่สำคัญไปกว่านั้นเจ้าอย่าได้ลืมว่านี่เป็นโอสถที่เจ้าเลือกมา! รอบหน้าข้าจะขอเป็นคนเลือกโอสถบ้าง! ข้าจะบอกให้ว่าการหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองนั้นสำหรับข้าแล้วขั้นต่ำสุดมันคือระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์เท่านั้น! แล้วเจ้าต้องระวังด้วยว่าข้านั้นจะหลอมระดับแท้ขึ้นมาได้เมื่อใด!”
เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นเราก็มารอดูกัน! ข้าเองก็อยากจะเห็นนักว่าระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์นั้นมันจะยากขนาดนั้นหรือ”
คนทั้งสองนั้นหลอมได้ถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์แน่นอนว่าย่อมจะไม่มีใครคิดยอมใคร
การเตรียมการประลองรอบที่สองนั้นมันถูกเตรียมการอย่างรวดเร็ว
รอบแรกนั้นเย่หยวนเป็นคนที่เลือกสูตรโอสถขึ้นมา
แต่รอบนี้มันจะเป็นตาของชางหยงหนิง
ชางหยงหนิงนั้นเลือกโอสถสวรรค์จักรพรรดิในทันที!
เขานั้นมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “โอสถไขน้ำแข็งฎีกาสวรรค์ นี่มันคือสูตรโอสถลับของพันธมิตรโอสถเราไม่เคยเปิดเผยให้แก่โลกภายนอกรู้ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เจ้าได้ยินมันแน่แล้ว? บุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้านั้นจะหลอมมันได้ถึงขั้นสุดสมบูรณ์หรือไม่!”
เย่หยวนไม่คิดสนใจคำเย้ยหยันและยิ้มตอบกลับไป “เป็นสูตรโอสถสวรรค์จักรพรรดิอีกอย่างหนึ่งอย่างนั้นหรือ? พันธมิตรโอสถของเจ้านี้มันช่างมีเบื้องหลังที่ลึกล้ำนัก! ขอบคุณที่มอบสูตรโอสถให้ข้า”
ชางหยงหนิงนั้นหัวเราะขึ้นมา “เจ้าจะได้ร้องไห้ในไม่ช้า”
หลายชั่วโมงต่อมาการประลองโอสถรอบที่สองมันก็ได้เริ่มขึ้น!
แน่นอนว่ากำลังและทักษะการหลอมของคนทั้งสองนั้นย่อมจะไม่มีใครเหนือล้ำกว่าใครในตอนนี้!
เย่หยวนนั้นกลับสามารถหลอมโอสถไขน้ำแข็งฎีกาสวรรค์ได้อย่างไม่มีท่าทางติดขัดใดๆ ราวกับว่าเขานั้นเคยฝึกฝนการหลอมมันมาก่อนแล้ว
ระหว่างสามเดือนที่เขาออกอาละวาดในดินแดนของพันธมิตรโอสถนี้ เย่หยวนก็ย่อมจะเข้าใจโอสถสวรรค์ระดับสองมากขึ้นอย่างลึกซึ้ง
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นการหลอมครั้งแรกหรือไม่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหากับตัวเขาอีก
แท้จริงตัวชางหยงหนิงที่เอาโอสถสวรรค์จักรพรรดินี้ออกมาใช้เองเขาก็ไม่ได้หวังถึงขั้นว่าเย่หยวนจะหลอมมันขึ้นมาไม่ได้
เขานั้นรู้ดีว่าตัวเย่หยวนที่หลอมได้ถึงขั้นสุดสมบูรณ์นั้นต่อให้จะแค่บังเอิญแต่มันก็ต้องเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นบนรากฐานวิชาการโอสถที่หนักแน่น
โอสถสวรรค์จักรพรรดินั้นมันคงหยุดเขาลงไม่ได้ง่ายๆ
แต่การย้อนกลับความรู้ไปถึงต้นกำเนิดได้นั้น คนผู้เรียนรู้นั้นก็จะได้รู้ว่าตนเองยังมีสิ่งที่ไม่เข้าใจอีกมากมาย
ตราบเท่าที่รากฐานความรู้ของเย่หยวนมีรอยโหว่แม้แต่น้อย มันก็จะเป็นการเผยจุดอ่อนออกมา
หากจุดอ่อนเปิดเผยแล้ว เขาย่อมจะไม่มีทางหลอมได้ถึงระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์แน่
เท่าชัยชนะก็จะเป็นของเขา!
ในเวลานี้สิ่งที่พวกเขาแข่งขันกันนั้นคือความสามารถอย่างแท้จริง!
การหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดินั้นมันเป็นสิ่งที่ทำให้คนรอบๆ แตกตื่นหนักกว่าเก่า
รุนแรงอย่างเช่นเคย!
หลังจากผ่านไปได้หลายชั่วโมงคนทั้งสองก็หยุดมือลงแทบจะพร้อมๆ กัน
หลังจากเปิดหม้อหลอมออกมาแน่นอนว่าคุณภาพของมันย่อมจะเป็นระดับเก้าขั้นสุดอีกครั้ง
ภาพตรงหน้านี้มันเหมือนราวกับคนทั้งหลายได้ฝันไป
ศึกของสุดยอดฝีมือเช่นนี้มันย่อมจะเป็นอะไรที่ดูแล้วบันเทิงอย่างมาก
ชางหยงหนิงยิ้มกว้างด้วยความมั่นใจก่อนจะวางโอสถไขน้ำแข็งฎีกาสวรรค์ลงบนศิลามารดาก่อเมฆา
เข็มนั้นมันพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ขึ้นไปจนถึงระดับเก้าขั้นสุดอีกครั้ง!
……………………….