ตอนที่ 2626 ตาพาย

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

เย่หยวนยอมรับว่าชางหยงหนิงคนนี้เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมาในชีวิต!

แม้แต่ตัวโอสถบรรพกาลตอนนั้นเองก็ยังไม่อาจจะเก่งกาจเหนือล้ำเย่หยวนไปได้

เพราะกำลังฝีมือของโอสถบรรพกาลนั้นมันเกิดขึ้นมาจากการบ่มเพาะนานปีกว่าเขาไปมากเพียงเท่านั้น

เมื่อการบ่มเพาะของเย่หยวนมันพัฒนาขึ้นมาได้แล้วตัวโอสถบรรพกาลก็ย่อมจะไร้ค่าใดๆ ไปทันที

แต่กำลังฝีมือของชางหยงหนิงนี้มันกลับเป็นเหมือนดั่งดาบเหล็กที่ถูกตีมาอย่างหนักหน่วงนับหมื่นนับแสนครั้ง!

รากฐานของพันธมิตรโอสถนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่เย่หยวนคาดคิดไปมาก

หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ยังทำได้ขนาดนี้แล้วกำลังของผู้นำพันธมิตรโอสถเล่าจะเป็นอย่างไร!

ไม่อาจคาดเดา!

หากวัดกันที่พรสวรรค์หรือกำลังฝีมือรวมถึงการบ่มเพาะแล้ว เย่หยวนดูจะด้อยกว่าไปเสี้ยวหนึ่งเสียด้วยซ้ำ!

ต่อให้รากฐานที่เย่หยวนยึดถือเอาไว้เป็นความภาคภูมินั้นเองตัวชางหยงหนิงเองก็มีไม่ด้อยไปกว่าเขา

มันอาจจะยังไม่สมบูรณ์ถึงระดับของเย่หยวนแต่มันย่อมจะไม่ได้ด้อยกว่าจนเสียเปรียบใด!

ศัตรูเช่นนี้มันย่อมยากที่จะจัดการนัก

แต่มันก็เพราะเรื่องนี้จึงทำให้เย่หยวนยิ่งคิดอยากจะเอาชนะศัตรูคนนี้ลงให้ได้!

หากฮันยี่นั้นคือหินลับวิชายุทธของเขาแล้วชางหยงหนิงนี้ก็คงเป็นหินลับวิชาโอสถของเขา!

ในสภาพปัจจุบันนี้มันย่อมจะไม่มีทางตัดสินความแพ้ชนะด้วยระดับเก้าได้อีกแล้ว

ทางเดียวที่จะเอาชนะอีกฝ่ายนั้นคือการบรรลุโซ่ตรวนและก้าวขึ้นระดับแท้!

แปดปีที่เย่หยวนเก็บตัวฝึกฝนมานั้นมันทำให้เย่หยวนรู้สึกได้ว่าเขายังสามารถหลอมให้ได้ดีล้ำกว่าระดับเก้าขั้นสุดขึ้นไปอีก

เพียงแค่ว่าความแตกต่างของย่างก้าวนี้มันเหนือล้ำ เหมือนเพียงแค่อยู่อีกด้านของประตูแต่ประตูนั้นมันกลับหนักหนาอย่างแสนสาหัส

เย่หยวนนั้นไม่มีครูอาจารย์คอยสั่งสอนเขาจึงไม่มีความรู้และความเข้าใจ มีแต่ต้องลองผิดลองถูกเอาด้วยตัวเอง

แต่ชางหยงหนิงนั้นกลับได้กลายเป็นหินลับวิชาชั้นยอดที่ทางพันธมิตรโอสถมอบให้แก่เขา!

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือการขัดขวางมิให้ชางหยงหนิงสามารถหลอมระดับแท้ขึ้นมาได้

ส่วนตัวเขาเองก็ต้องหาทางบรรลุขึ้นไป!

การประลองโอสถครั้งนี้มันคงเรียกได้ว่าเป็นการประลองโอสถที่ยากเย็นที่สุดตั้งแต่เขาเดินทางมาบนเส้นทางแห่งการโอสถ!

รอบที่สามสิบ เสมอ!

รอบที่สี่สิบ เสมอ!

รอบที่ห้าสิบ ก็ยังเสมอ!

พริบตาเดียวนั้นคนทั้งสองก็ต่อสู้กันมาอย่างดุเดือดยาวนานถึงสามเดือนแล้ว

แม้แต่เหล่าคนดูทั้งหลายที่มามุงตั้งแต่ต้นๆ ก็เริ่มต้องถอยกลับไปพักบ้างแล้ว

แต่คนทั้งสองนั้นกลับยังต่อสู้กันอย่างไม่มีพัก!

ใช่แล้ว การประลองโอสถนี้มันได้กลายเป็นสงครามขึ้นมา!

ผลลัพธ์ของศึกครั้งนี้มันจะเป็นชนวนสงคราม!

ไม่ว่าจะเป็นเย่หยวนหรือชางหยงหนิง พวกเขาต่างก็ไม่อาจจะพ่ายแพ้ได้!

เวลานี้ศึกประลองโอสถนี้มันได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ของคนทั้งดินแดนสวรรค์ห้าแสงจนเริ่มมีข่าวกระจายไปทั่วทวีปพิรุณใส!

นักหลอมโอสถสวรรค์มากมายนั้นต่างมารวมตัวกันยังมหารัฐเมฆรุ้ง

เวลานี้เหล่าเจ้านิกายทั้งห้านั้นต่างมาอยู่ที่นี่กันสิ้น

สายตาของนักยุทธมากมายนับไม่ถ้วนนั้นได้จ้องมองมายังมหารัฐเมฆรุ้งน้อยๆ นี้

ก่อนหน้านี้ต่อให้เย่หยวนจะเอาชนะสิบเจ็ดยอดปรมาจารย์มาได้เหล่าเจ้านิกายทั้งหลายก็ยังไม่คิดสนใจ

เพราะในสายตาของพวกเขาแล้วมันย่อมจะเป็นแค่การดิ้นรนสุดท้ายของนิกายสวรรค์ยุทธมั่น

แต่หลังจากผ่านไปได้สามเดือนนั้นมุมมองของคนทั้งหลายก็ต้องเปลี่ยนไป

เพราะพวกเขานั้นได้รู้แล้วว่าศึกการประลองโอสถครั้งนี้มันจะเปลี่ยนโฉมหน้าของทวีปพิรุณใสไปอย่างแน่นอน!

หากเย่หยวนเอาชนะศึกนี้ได้ ศาลาโอสถนั้นก็จะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจเทียบเคียงกับพันธมิตรโอสถได้ทันที!

หากเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเขาเหล่าผู้บรรลุสวรรค์ทั้งหลายก็จะไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจของพันธมิตรโอสถอีก!

ศึกในครั้งนี้มันจึงมีความหมายอย่างยิ่ง!

แต่นั่นมันพูดถึงว่าหากเย่หยวนชนะ!

ในวังหลวงของมหารัฐเมฆรุ้งนั้นแม้แต่ตัวจักรพรรดิเองก็ยังได้แต่ต้องมานั่งรออยู่นอกโถงทองหลวง

เพราะเวลานี้ภายในโถงมันมีเจ้านิกายทั้งห้ามารวมตัวกันสิ้น!

คนทั้งห้านั้นจ้องมองดูจอแสงที่ฉายอยู่ตรงกลาง

สิ่งที่ปรากฏขึ้นบนจอแสงนั้นมันย่อมจะเป็นภาพการประลองโอสถของเย่หยวนและชางหยงหนิงแล้ว

เจ้านิกายสวรรค์ล้ำคาด หลิงว่านเฉิงอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “เฟิงซวนยี่ ข้าไม่นึกเลยนะว่านิกายสวรรค์ยุทธมั่นของเจ้านั้นกลับจะให้กำเนิดยอดอัจฉริยะเช่นนี้ขึ้นมาได้! หากศึกนี้เย่หยวนชนะได้จริงนามของเขาก็คงขึ้นไปเทียบเคียงท่านโฉปู้ฉุนได้ทีเดียว!”

เจ้านิกายสวรรค์เมฆาก้าว ฮัวซือยูพยักหน้ารับขึ้นตอบ “หลังจากท่านโฉปู้ฉุนหายไปนิกายสวรรค์ทั้งห้าของเราต่างก็ต้องพบเจอความยากลำบากไม่อาจจะต้านรับแนวหน้าได้ เหตุผลหลักๆ มันก็คือเพราะโอสถสวรรค์นี้! หากศาลาโอสถก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ได้จริงแล้วเราเหล่าผู้บรรลุสวรรค์ก็จะทำอะไรได้ตามสะดวก! อย่างเร็วพันปีอย่างช้าสามพันปี ดินแดนสวรรค์ห้าแสงของเราจะต้องกลับมาเป็นใหญ่ได้อีกครั้งแน่!”

เจ้านิกายสวรรค์หมื่นช้าง หยางเจี๋ยนั้นฟังไปด้วยคิ้วขมวดแน่น ดูท่าแล้วเขาคงไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของคนทั้งหลายสักเท่าใด

เพราะจะอย่างไรเสียนิกายสวรรค์หมื่นช้างของเขานั้นมันก็เป็นนิกายกลางและอยู่ในตำแหน่งผู้นำของห้านิกาย!

แต่เขานั้นก็อดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับหลิงว่านเฉิงและฮัวซือยูในเรื่องนี้

โฉปู้ฉุนนั้นมากพรสวรรค์เก่งกาจสามารถ พลังของเขานั้นสยบดวงดาวลงได้

แต่คนเช่นนั้นมันหาได้ยากยิ่ง

แต่ว่าหากศาลาโอสถก้าวขึ้นอำนาจมาได้จริงๆ แล้วมันย่อมจะกลายเป็นแหล่งให้กำเนิดยอดฝีมือมากหลาย

จะอย่างไรเหล่าผู้บรรลุสวรรค์นั้นต่างก็มีวิชาฝีมือที่เหนือกว่าเหล่านักยุทธท้องถิ่นเป็นทุนอยู่แล้ว

หากมันมีโอสถสวรรค์มาใช้ไม่ขาด พวกเขาย่อมจะกลายเป็นดั่งเสือติดปีก

การที่จะบอกว่าศึกนี้มันจะเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของทวีปพิรุณใสนั้นมันมิใช่เรื่องเกินจริงใดๆ เลย!

ตอนที่เขาได้ยินข่าวการประลองระหว่างเย่หยวนกับชางหยงหนิงในครั้งแรกตัวเฟิงซวนยี่เองก็ต้องอ้าปากค้างไปเช่นกัน

พันธมิตรโอสถที่ปรากฏตัวออกมาอย่างเหนือล้ำนั้นใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะถูกเย่หยวนฉุดลงมาง่ายๆ เช่นนี้?

คำสัญญายี่สิบปีของเย่หยวนนั้นมันมิใช่แค่ลมปากเลย!

หากศาลาโอสถก้าวขึ้นมาได้แล้วนิกายสวรรค์ยุทธมั่นของพวกเขาจะยังต้องไปเกรงกลัวอะไรพันธมิตรโอสถ?

แต่ที่น่าหัวเราะที่สุดก็คือเหล่าผู้อาวุโสสมองกลับทั้งหลายในนิกายนั้น ตอนนี้พวกเขาคงได้แต่เอาหน้ามุดดินอยู่ในห้องอย่างไม่กล้าออกมาสู้หน้าใครแล้ว

“เฟิงซวนยี่ หากเย่หยวนเอาชนะได้จริงแล้วเจ้าอย่าได้คิดกลับคำสัญญาที่ศาลาโอสถได้เคยให้เอาไว้เล่า! ไม่เช่นนั้นแล้วนิกายสวรรค์หมื่นช้างข้านี่แหละที่จะลุกขึ้นมาต่อต้านพวกเจ้าเป็นคนแรก!” หยางเจี๋ยกล่าวขึ้นมา

คำสัญญาที่ว่านั้นคือคำที่เย่หยวนประกาศออกมาในครั้งแรกว่าศาลาโอสถนั้นจะเป็นค่ายสำนักที่เปิดกว้างไม่บังคับให้ใครมาเข้าร่วมเหมือนพันธมิตรโอสถ

เรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่นิกายสวรรค์ทั้งสี่สนใจเป็นอย่างมาก!

หากเจ้าเอานักหลอมโอสถสวรรค์ไปเองทั้งหมดแล้วพวกเขาทั้งหลายจะยังเอาอำนาจอะไรมาต่อรอง?

ถึงเวลานั้นต่อให้ศาลาโอสถจะก้าวขึ้นมาสู่อำนาจได้จริง มันก็คงแค่กลายเป็นพันธมิตรโอสถที่สองมิใช่หรือ?

เฟิงซวนยี่พยักหน้ารับขึ้น “นิกายกลาง วางใจเถอะ เย่หยวนนั้นเคยประกาศไปแล้วว่าตราบเท่าที่พวกเขาเหล่านั้นเป็นศิษย์ของห้านิกายสวรรค์เรา ศาลาโอสถนั้นจะอ้าแขนรับอย่างไม่มีเงื่อนไข ตราบเท่าที่พวกเขาเข้าร่วมศาลาโอสถแล้วไม่ว่าจะเป็นสูตรโอสถหรือวิชาการฝึกฝนใดๆ พวกเขาก็จะได้รับอย่างเต็มที่! หลังจากสำเร็จนั้นเหล่าศิษย์ทั้งหลายจะกลับไปยังนิกายของตนเองก็ได้ไม่เป็นปัญหาใดๆ! หากเย่หยวนเอาชนะได้จริงจะให้ข้าลงนามสัญญาให้เลยก็ยังได้! จะอย่างไรนิกายสวรรค์ทั้งห้าของเรานั้นมันก็เป็นหนึ่งเดียวกันมาก่อน การพัฒนาของศาลาโอสถนั้นมันต้องพึ่งพากำลังของนิกายกลางและนิกายอื่นๆ ด้วย!”

หยางเจี๋ยยิ้มพยักหน้ารับกลับมา “เรื่องนั้นมันย่อมแน่นอน! หากศาลาโอสถขึ้นมามีอำนาจได้จริงแล้วนิกายทั้งห้าของเราก็ควรจะร่วมมือกันขับไล่พันธมิตรโอสถมันออกจากดินแดนสวรรค์ห้าแสงไป!”

เฟิงซวนยี่พยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองที่จอแสงอีกครั้ง

เขานั้นได้แต่ให้กำลังใจเย่หยวนอยู่ในใจ

การตกลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้มันจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อเย่หยวนสามารถเอาชนะได้จริง!

หากเย่หยวนพ่ายลงแล้วนิกายสวรรค์ยุทธมั่นคงต้องรับผลที่ตามมาอย่างหนักหน่วงแน่!

เพราะฉะนั้นศึกการประลองโอสถนี้มันจึงมีความหมายอย่างมากล้ำ

ไม่มีใครคาดฝันว่าเรื่องราวมันกลับจะพัฒนาไปได้ถึงขั้นนี้

การประลองของคนทั้งสองเป็นเหมือนดั่งตาพายุ!

ยิ่งการประลองดำเนินต่อไปเท่าไหร่พายุนี้มันก็จะยิ่งพัฒนาใหญ่หมุนวนแรงขึ้นมากเท่านั้น

จนสุดท้ายมันจะกลายเป็นพายุที่พัดซัดใส่ทั้งทวีปพิรุณใส!

เวลานี้เมื่อเรื่องราวมันถูกตกลงกันไปแล้ว มันย่อมจะไม่อาจย้อนกลับไปได้อีก

ดูท่าแล้วผู้นำพันธมิตรโอสถเองก็คงไม่คิดฝันว่าการส่งชางหยงหนิงออกมาในครั้งนี้มันกลับจะกลายเป็นสร้างพายุแรงเช่นนี้ขึ้นมา

เวลานี้สถานการณ์มันเหนือการควบคุมไปสิ้น

ทุกสิ่งอย่างจะจบลงเมื่อการประลองของคนทั้งสองรู้ผล

ไม่พันธมิตรโอสถพ่ายก็ต้องเป็นดินแดนสวรรค์ห้าแสงที่จะพ่ายลง!

หากพันธมิตรโอสถพ่ายลงพวกเขาก็เพียงแค่ต้องถอนตัวจากดินแดนสวรรค์ห้าแสงเท่านั้น

แต่หากดินแดนสวรรค์ห้าแสงพ่ายลงแล้ว อนาคตในวันหน้ามันคงมีแต่ความมืดมน!

วินาทีนั้นเองที่เฟิงซวนยี่ต้องหรี่ตาลงมองเพราะการประลองโอสถเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นแล้ว!

……………………….