มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1465

หลังจากที่เข้าไปในดาราเรืองแสงแล้ว หลัวซิวพบว่านี่คือดวงดาวที่เงียบสงัดและรกร้างว่างเปล่าดวงหนึ่ง พื้นดินสีดำน้ำตาลรกร้างแห้งแล้งทั้งผืน ไร้ร่องรอยของสิ่งมีชีวิต และไม่มีปราณทิพย์ฟ้าดินแม้แต่น้อยเช่นกัน

ดวงดาวเช่นนี้ ไม่เหมาะแก่การฝึกตนและการดำรงอยู่เลยด้วยซ้ำ แต่ทว่ากลับมีแหล่งทรัพยากรแก้วเทวแฝงซ่อนอยู่ ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนยากที่จะเชื่อได้จริง ๆ

เทพมารจำนวนมากของตำหนักหลักเมืองและสมาคมจรัสนภาต่างมองเขาด้วยสายตาที่แปลกใจ พวกเขาทราบแล้วว่าเทพฟ้าไม่มีทางย่างกรายเข้ามาในดวงดาวดวงนี้ได้แน่นอน แต่ผู้แข็งแกร่งที่หัวหน้าแก๊งเหอเฟิงเชิญมากลับเข้ามาพร้อมกับพวกเขาได้ด้วยหรือ นี่มันอะไรกันแน่?

พวกเขาก็รู้จักหลัวซิวอยู่ เขาเป็นคนโหดที่สามารถสังหารจ้าวสำนักปีศาจดำ ต่อให้รวมพวกเขาเทพมารทุกคนเข้าด้วยกัน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิว

“มีบางอย่างผิดปกติ! เหมือนกับว่าผลการฝึกตนของเขาจะไม่ใช่เทพฟ้า แต่เป็นเทพมาร!”

ทันใดนั้นเอง เทพมารที่ใบหน้ายังดูหนุ่มมาก ๆ คนหนึ่งก็ตะโกนอย่างตะลึงงัน อารมณ์ความรู้สึกที่อยู่บนใบหน้าหลากหลาย ทั้งดีใจและแปลกใจ แต่ก็ดูเหมือนจะตกตะลึงด้วย

“ในขณะที่พวกเราข้ามผ่านม่านแสงค่ายกล ม่านแสงจะแยกแยะออร่าผลการฝึกตนที่อยู่บนตัวเราออก ด้วยเหตุนี้ออร่าผลการฝึกตนของเราก็จะถูกปลดปล่อยออกมาเช่นกัน เขาต้องใช้วิธีการอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้จักเพื่อลดผลการฝึกตนของตัวเองลงมาถึงแดนเทพมารอย่างแน่นอน จากนั้นเขาถึงเข้ามาในนี้ได้”

ดูเหมือนเทพมารหนุ่มจะดูมั่นใจในการคาดการณ์ของตัวเองมาก ๆ

หลัวซิวไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ เงาร่างของเขากลายเป็นลำแสงลำแสงหนึ่ง ก่อนจะร่วงลงบนผืนแผ่นดินใหญ่สีดำน้ำตาลด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด

จากการที่ระยะห่างยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้พื้นดิน ตัวสำนึกของหลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงพลังอันมากมายมหาศาลที่แฝงซ่อนอยู่บนดวงดาวดวงนี้แล้ว ซึ่งพลังเหล่านี้เหมือนดั่งออร่าของแก้วเทว

“มีแหล่งทรัพยากรแก้วเทวอยู่จริง ๆ หรือว่าการก่อตัวของแหล่งทรัพยากรแก้วเทวมีความเกี่ยวข้องกับดวงดาวที่เงียบสงัดดวงนี้?”

ขาทั้งสองข้างเหยียบย่ำลงบนแผ่นดินใหญ่ มีภาพเหตุการณ์หนึ่งปรากฏขึ้นมาในสมองหลัวซิวอัตโนมัติ เดิมทีปราณทิพย์ฟ้าดินบนดวงดาวดวงนี้เข้มข้นมาก ๆ แต่ทว่ากลับมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานคนหนึ่งมาฝึกตนปิดขังอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของดวงดาวดวงนี้

วันคืนผันผ่านไปทีละวัน ปีแล้วปีเล่า ปราณทิพย์ฟ้าดินของทั่วทั้งดวงดาวก็ถูกผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานดังกล่าวดูดซับไป จนกลายเป็นดวงดาวที่เงียบสงัด และจากผลกระทบของการที่ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานผึกตนปิดขัง ทำให้กฎพลังเทพที่แพร่กระจายออกไปก่อตัวเป็นแหล่งทรัพยากรแก้วเทว

นี่ถือว่าเป็นข้ออธิบายที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล

และทันใดนั้นเอง ก็มีลำแสงหนึ่งบินตรงมาจากขอบฟ้า และจมหายเข้าไปตรงหว่างคิ้วของหลัวซิวในชั่วพริบตาเดียว

เขาเก็บร่างกลวัฏสงสารที่หนึ่งของตัวเองกลับเข้าที่ ในส่วนของตัวต้องห้ามที่ถูกร่ายโดยนักค่ายเทพระดับ 6 นั้น จากกลอุบายที่เทียบเท่ากับนักค่ายเทพระดับ 6 ณ ปัจจุบันของเขา ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำลายมันทิ้ง

กรรมกรขุดเหมืองเทพมารจำนวนมากก็สัมผัสได้ถึงพลังงานมากมายมหาศาลที่ส่งตรงมาจากส่วนล่างของพื้นดินเช่นกัน

“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……”

ผู้คนจำนวนมากต่างพากันลงมือ ใช้กฎพลังเทพเปิดพื้นดินออก และดำดิ่งลงไปตามพื้นดินเพื่อสำรวจความลับที่อยู่ภายในดวงดาวดวงนี้

“เป็นเหมืองแก้วเทวจริง ๆ ด้วย แถมยังเป็นแก้วเทวชั้นกลางอีก!”

เมื่อมีคนลงไปถึงจุดศูนย์กลางของดวงดาวดวงนี้แล้ว เขาก็ขุดแก้วเทวที่เปล่งแสงแวววาวจับตาออกมาได้หนึ่งชิ้น

ในขณะที่เขากำลังจะยื่นมือไปคว้าแก้วเทวชิ้นนั้นอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าปริภูมิเริ่มหมุนเคว้งคว้าง จากนั้นเขาก็ไปถึงสถานที่ที่ลึกลับแห่งหนึ่ง

ไม่เพียงเขาผู้เดียวเท่านั้น คนอื่นที่เหลือก็ต่างประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้เช่นกัน รวมไปถึงตัวหลัวซิวด้วย

ที่นี่คือพื้นที่ที่มืดครึ้มแห่งหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังจะไปคว้าแก้วเทวมา แต่ก็ถูกพลังอันลึกลับซัดม้วนมาถึงที่แห่งนี้ก่อน พลังดังกล่าวมาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง อีกทั้งยังไม่สามารถต้านทานมันได้อีกด้วย

ภายในพื้นที่ดังกล่าวเงียบสงัด และในตอนนี้เอง ก็มีเงาร่างของคนคนหนึ่งปรากฏตรงหน้า เหมือนกำลังย่างเท้าอยู่กลางห้วงอากาศที่ว่างเปล่าพลางเดินตรงเข้ามาทางเขา