มู่เชียนเชียนออกเสียงตะโกนไป
เห็นชัดว่าการจู่โจมของยอดฝีมือตระกูลลู่กำลังจะใส่ถึง สองมือน้อย ๆ ของลู่ฉิงเสว่กำแน่น ในตาเต็มไปด้วยความกังวล
ที่หล่อนห่วงมากที่สุดคือ กลัวหยางเฉินจะบาดเจ็บซ้ำ
ก่อนหน้านี้บนรถที่กำลังออกมาจากโรงพยาบาล ภาพหยางเฉินกุมหัวด้วยความเจ็บปวดนั้น ทำให้หล่อนมีความรู้สึกร่วมในความเจ็บปวดนั้น หล่อนปวดใจด้วยกับผู้ชายคนนี้จริง ๆ ไม่อยากทนเห็นใครมาทำร้ายเขา
“พี่เสี่ยว!”
ลู่ฉิงเสว่ก็อดไม่ได้ต้องตะโกนลั่นออกไป
เพราะที่หล่อนมองเห็นนั้น หยางเฉินไม่มีทีท่าจะหลบ ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่
เดิมทีที่ยังมีความรู้สึกตื่นเต้น ในสายตาลู่หยวนทงตอนนี้ให้รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ส่ายหน้าไปมา “เดิมคิดอยู่ว่าจะเป็นยอดฝีมือ นี่กลับเป็นว่าเรามันคิดมากไปเองเสียนี่”
“เขาถึงขนาดว่าที่ควรจะต้องหลบ ยังลืมไปได้ แน่นอนว่าเพราะโดนพลังของคุณฉีข่มจนขวัญกระเจิงหาย”
ลู่ชวนก็ตะลึงงง “ไหงเป็นแบบนี้ไปได้?”
ก่อนหน้านี้ก็ได้เห็นกับตาที่หยางเฉินจัดการกับสองบอดี้การ์ดในพริบตา เขาก็เชื่อแน่แล้ว หยางเฉินต้องเข้าถึงพลังวิชาบูโดแล้ว อย่างน้อยก็ระดับแดนราชาขั้นกลาง
แต่มันเป็นอะไรในตอนนี้ แค่เพียงปฏิกิริยาพื้นฐานของแดนราชาขั้นต้น ดูเหมือนยังไม่เป็นเลย
เป็นไปได้หรือว่าเราสายตาเสื่อม?
“ปัง!”
ในทันใดนั้นเอง หมัดของยอดฝีมือตระกูลลู่อัดใส่ลงไป
“อะไรกันนั่น?”
“รับไว้ได้!”
“มันเป็นไปได้ยังไง?”
ในทันทีต่อมาลู่ชวนกับลู่หยวนทง ต้องตาโตค้าง ผวาตื่นเต็มหน้า
เพราะ หยางเฉินที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ เพียงขยับมือข้างหนึ่ง ก็จับบล็อกเอาหมัดที่ใส่มาเต็มที่ของอาจารย์ฉีขนาดว่าตัวเองจะเขยื้อนถอยสักนิดยังไม่มีให้เห็น
เขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่มีขยับแม้เส้นยาแดงเดียว เหมือนว่าหมัดของคุณฉีนั้นแค่เพียงมาสะกิด
อาจารย์ฉีก็ยืนงง ความรู้สึกคิดไม่ตกแสดงออกให้เห็นเต็มหน้า “นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
หยางเฉินพูดไปด้วยสีหน้าราบเรียบ “ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม!”
“เป็นไปไม่ได้!”
อาจารย์ฉีฮึดโกรธคลั่งขึ้นมาทันที อีกหมัดที่อยู่ก็ซัดออกไปเต็มกำลังที่เตรียมไว้
“ข้าเป็นถึงยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลลู่ จะมาแพ้ในมือแกได้ยังไง?”
เขาคำรามเสียงลั่น พร้อมกับหมัดที่อัดใส่ลงไป
“ปัง!”
แต่แล้วหมัดที่ว่านี้ ก็ยังคงถูกหยางเฉินกั้นรับเอาไว้ ดูเหมือนไม่ได้ใช้แรงอะไรมากด้วยซ้ำไป
จนถึงนาทีนี้ อาจารย์ฉีจึงสำนึกขึ้นได้ หยางเฉินคนนี้แข็งแกร่งจริง ๆ สายตาของเขามองข้ามไปเอง
ถึงตอนนี้ลู่หยวนทงและลู่ชวนต่างตะลึงตื่นผวาอย่างหาอะไรเทียบไม่ถูก คุณฉีนั้นถือว่าสุดยอดอันดับหนึ่งของตระกูลลู่ ยอดฝีมือระดับแดนราชาขั้นกลางตัวจริงที่มีอยู่ แต่มาอยู่ตรงเบื้องหน้าหยางเฉิน อาจารย์ฉีกลับดูหมดสภาพ
“คุณพ่อ เขาไม่ใช่มีพลังฝีมือระดับแดนราชาขั้นกลางนะ แต่ถึงระดับเหนือกว่าแดนราชาขั้นปลายอีก?”
พลันสีหน้าลู่ชวนเกิดอาการตื่นเต้นขึ้น หัวเราะเสียงลั่นแล้วพูดว่า “คุณพ่อ เขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชาขั้นปลายตัวจริงเลยนะนี่ ฮา ฮา ฮา…………”
หนึ่งคนผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชาขั้นปลาย เหลือพอจะยกระดับตระกูลบ้านขึ้นอยู่ในระดับตระกูลสุดยอดในหนิงโจว
และในเวลานี้ ยอดฝีมือที่เก่งกาจขนาดนี้ ได้มาอยู่ในบ้านตระกูลลู่ แทบไม่ต้องคิดว่าลู่หยวนทงกับลู่ชวนจะตื่นจนเนื้อเต้นขนาดไหน
อาจารย์ฉีได้จู่โจมอย่างสุดแรงอยู่หลายครั้ง และก็ถูกหยางเฉินรับเอาอยู่ได้ทุกครั้ง จนเขาต้องยอมหยุดการจู่โจม
“ข้า แพ้แล้ว!”
อาจารย์ฉีพูดด้วยสีหน้าสลด
ขณะที่อาจารย์ฉียอมรับความพ่ายแพ้ต่อหยางเฉิน ลู่หยวนทงก็กลับคืนสติมาในที่สุด สีหน้าที่ตื่นเต้น พูดย้ำอยู่กับคำเดียว “ดี!ดี!ดี!”
ด้วยความตื่นเต้น ร่างกายของเขายังออกอาการสั่นเทิ้มเล็กน้อย
หลายปีก่อนหน้านี้ ตระกูลลู่จึงใช่เป็นตระกูลยิ่งใหญ่ที่สุดในหนิงโจว ให้แม้นตระกูลหลี่ ก็ไม่ใช่จะเทียบกับตระกูลลู่ได้
แต่ หลังจากที่เขาเขารับสืบทอดตำแหน่งผู้นำบ้าน ตระกูลลู่นับวันก็ถดถอยลง เหล่าบรรดาผู้แข็งแกร่งที่ว่าจงรักภัคดีกับตระกูลลู่มาก ไม่ทรยศหักหลัง ก็ลาจากไป
เวลานี้ สุดยอดฝีมือระดับสูงที่ยังคงอยู่กับตระกูลลู่ ก็มีเหลือเพียงอาจารย์ฉีท่านเดียวนี้
และด้วยเป็นเช่นนี้ ลู่หยวนทงจึงให้ความสำคัญกับคุณฉีท่านนี้เป็นที่สุด
“ท่านผู้นำ ผมต้องขออภัย!”
อาจารย์ฉีมายืนอยู่หน้าลู่หยวนทง ค้อมตัวลงเล็กย้อย สีหน้าแสดงออกถึงความเสียใจ
ลู่หยวนทงรีบส่ายหน้า “อาจารย์ฉีกล่าวรุนแรงเกินไปแล้ว นี่เพียงการทดสอบกันเท่านั้น ขอท่านอาจารย์ฉีอย่าได้เก็บใส่ใจเลย”
ปลอบใจท่านอาจารย์ฉีแล้ว ลู่หยวนทง ก็เดินไปหาหยางเฉิน พูดด้วยความประทับใจว่า “ท่านคุณเสี่ยว ต่อไปนี้ ขอให้ท่านอยู่กับตระกูลลู่ของเราให้สบาย ข้าจะไม่ให้คุณต้องลำบากเด็ดขาด”
ลู่ชวนก็รีบเข้ามาเสนอตัว “คุณเสี่ยว มีอะไรที่ต้องการให้ผมจัดการให้ ขอให้สั่งเลยนะครับ”
เห็นความกระตือรือร้นอย่างอบอุ่นของสองพ่อลูก หยางเฉินคงวางสีหน้าสงบเรียบ ท่านทั้งสองนี้เป็นคุณพ่อและคุณปู่ของลู่ฉิงเสว่ ท่าทีของเขาก็ยังคงอยู่ในความเคารพอย่างสูงพูดไปด้วยความนอบน้อมว่า “ได้ครับ ขอบพระคุณคุณลุงและท่านผู้นำลู่ครับ”
“ข้าเห็นว่าอายุของคุณก็ไล่เรียงกับฉิงเสว่ เรียกข้าว่าผู้นำลู่มันรู้สึกห่างเหินไปนะ ทีหลังเรียกเหมือนฉิงเสว่ดีกว่า เรียกข้าว่าคุณปู่นะ”
ลู่หยวนทงได้พูดเสริม
ได้ยินคำพูดของลู่หยวนทง ลู่ชวนตื่นเต้นขึ้นมาในใจ มองไปที่หยางเฉิน แล้วมองกลับไปที่ลู่ฉิงเสว่ พลันเกิดความรู้สึกแปลก ๆ กับสิ่งที่เห็น ทำไมเกิดความรู้สึกดูช่างเป็นคู่สมกันขึ้นมา
ตระกูลลู่มีลูกหลานผู้ชายน้อยมาก ถ้าได้หยางเฉินแต่งงานเข้ามาอยู่กับลู่ฉิงเสว่ ผลได้กับตระกูลลู่ มีแต่เรื่องดีที่เป็นประโยขน์มากที่สุดเป็นแน่
เป็นที่แน่ชัดว่า ลู่หยวนทงคงต้องมีความคิดแบบเดียวกันนี้แน่
ลู่ฉิงเสว่กับมู่เชียนเชียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างก็ตะลึงงงขึ้นมา นี่เป็นผู้นำตระกูลลู่กับผู้สืบทอดตำแหน่งที่พวกเขารู้จักหรือ?
“เอาละ เรื่องของคนหนุ่มคนสาว พวกเราไม่รบกวนละ พวกเธออยู่ด้วยกันดี ๆ นะ”
ลู่หยวนทงรีบดึงตัวลู่ชวนจากไป
รอจนลู่หยวนทงกับลู่ชวนจากไปกันแล้ว บรรยากาศรอบบริเวณกลับคืนสู่สงบปกติ
“พี่สาว คุณปู่ลู่สั่งไว้ก่อนออกไป บอกให้พวกเธออยู่ด้วยกันดี ๆ ใช่ว่าคิดจะบอกพี่ให้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องความในใจรักต่อกันกับพี่เสี่ยวไหมเอ่ย?”
มู่เชียนเชียนจู่ ๆ ก็ถามขึ้นมา
“อ๊ะ…..”
ลู่ฉิงเสว่งงอึ้งไปครู่หนี่ง ใบหน้าสาดสีแดงเรื่อออกมา ทำเสียงดุใส่ “เชียนเชียน พูดมากเข้าไป เดี๋ยวไม่พาไปเดินห้างเลย”
“พี่สาว นี่ไม่ใช่ฉันพูดเองนะ ตะกี้คุณปู่ลู่ท่านพูดนะ!”
มู่เชียนเชียนพูดอย่างน้อยใจ ลูกตากรอกหันออกไปในทันที มองไปที่หยางเฉินถามไปว่า “พี่เสี่ยว พี่ถามตัวเองดูแล้วตอบนะ พี่แค่บอกหนูว่า ใช่ หรือไม่ใช่”
หยางเฉินไม่รู้ว่ามู่เชียนเชียนจะทำอะไร ผงกหัวตอบไปว่า “ได้!”
“พี่ฉิงเสว่สวยมากนะ ใช่มั้ย?”
หยางเฉินผงกหัวตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยว่า “ใช่!”
“พี่ฉิงเสว่ยังมีน้ำใจที่สุดประเสริฐ ใช่มั้ย?”
หยางเฉินผงกหัวตอบเหมือนเดิม “ใช่!”
“คุณชอบพี่ฉิงเสว่ ใช่มั้ย?”มู่เชียนเชียนจี้ติดถามอย่างเร็วกระชับขึ้น
“ใช่!”
หยางเฉินตอบกลับแบบสนองตามจิตใต้สำนึก
“พี่สาว พี่ได้ยินแล้วใช่มั้ย?พี่เสี่ยวบอกเองว่าเขาชอบพี่!”
มู่เชียนเชียนดีใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน รีบดึงมือลู่ฉิงเสว่ พูดไปอย่างตื่นเต้น “พี่เสี่ยวเก่งฉกาจขนาดนี้ ถ้าพวกพี่ได้แต่งงานกัน ต่อไปก็จะไม่มีใครมารังแกพี่ได้อีก”
“สำหรับเจ้าหลี่จิ้นอะไรนั่น อยู่ต่อหน้าพี่เสี่ยว ไม่มีอะไรควรค่าที่จะพูดถึงเลย!”
“สรุปจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง หาวันไหนให้คุณปู่ลู่จัดการให้พวกพี่หมั้นหมายกันไว้เลย!”
“แล้วจากนั้นก็ดูฤกษ์วันมงคล พวกพี่ก็แต่งงานกัน หรือเอาเป็นวันขึ้นเจ็ดค่ำเดือนเจ็ดปีนี้ก็ดีนะ”
“ถ้าเอาแบบนี้ นี่ก็อีกแค่เดือนเดียว เวลาอาจจะกระชั้นไปนิด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา สำคัญอยู่ที่พี่ทั้งสองต้องใจกันแล้ว”
มู่เชียนเชียนพูดไม่หยุดเหมือนเทถั่วออกจากกระบอก คำพูดเต็มแน่น พรั่งพรูออกมาแบบไม่เปิดโอกาสให้หยางเฉินกับลู่ฉิงเสว่ได้พูด
“เชียนเชียน เธอพร่ำพูดอะไรไร้สาระกันนะ?”
ลู่ฉิงเสว่ร้อนรนใจขึ้นมาอย่างหนัก ใบหน้าเนียนงามนั้น เคลือบแดงด้วยสีเลือดฝาด พูดเสียงหอบกระชั้นไปว่า “ฉันกับพี่เสี่ยวเพิ่งจะได้รู้จักกันแค่อาทิตย์เดียว ยังห่างอีกไกลที่จะมาคุยเรื่องรักกันแต่งงานอะไรกันนั่น!”
แม้แต่ลู่ฉิงเสว่เองก็ยังไม่ได้สังเกต ที่หล่อนพูดนั้น คือเรื่องว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะมาคุยเรื่องแต่งงานครองเรือนกัน ไม่ได้พูดเรื่องเกี่ยวด้วยอย่างอื่น
“ก็ไม่เห็นจะเป็นไร!พี่เสี่ยวสมาร์ทหล่อออก ฝีมือก็เก่งฉกาจ ผู้ชายสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ไม่ใช่หรือที่เป็นเป้าหมายคู่ชีวิตของพี่?”
มู่เชียนเชียนพูดเสียงหัวเราะคิกคัก “จะว่าไปนะ นี่ยังห่างคืนเจ็ดค่ำเดือนเจ็ดอีกตั้งเดือนกว่า พวกพี่ก็รีบใช้เวลาช่วงนี้ คุยความในใจต่อกันซะ!”
“จะให้ยิ่งดีนะ ช่วยสร้างเด็กตัวน้อย ๆ มาสักคน ให้ฉันได้มีของเล่น!”
มู่เชียนเชียนหัวเราะทำสียงทะเล้น