มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1472

และเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าฉบับสมบูรณ์แบบก็แบ่งออกเป็นหกบทเช่นกัน ซึ่งสอดคล้องกับร่างกายทั้งหกส่วนใหญ่ของมนุษย์

การเปิดจุดลมปราณบนร่างกายมนุษย์ ทุกส่วนในร่างกายสอดคล้องกับจุดลมปราณทั้ง 18 จุด เมื่อฝึกบทแรกของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าสำเร็จ สามารถบุกเบิกดวงดาวในร่างกายมนุษย์ได้ทั้งหมด 18 ดวง อีกทั้งกำเนิดโลกใบใหม่ในดวงดาวดังกล่าวได้ด้วย

บทแรกของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าคือผนึกรวมดวงดาวขึ้นมาในจุดตันเถียนชี่ไห่ เมื่อฝึกบทแรกจนถึงระดับบริบูรณ์ จะสามารถผนึกรวมดวงดาวออกมาได้ทั้งหมด 18 ดวง!

หากเป็นเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าฉบับสมบูรณ์แบบ เมื่อบรรลุถึงแดนสูงสุดแล้วควรผนึกรวมดวงดาวได้ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดดวงในจุดตันเถียนชี่ไห่ และสามารถกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล

แต่ทว่าทางตระกูลลู่ก็ได้รับเพียงบทแรกของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าเท่านั้น จึงผนึกรวมดวงดาวออกมาได้ 18 ดวง อีกทั้งบทแรกแค่เหมาะกับการให้แดนเทพมารฝึก

เคล็ดธรรมท้องดาราที่เพิ่มเสริมขึ้นมาแตกต่างจากต้นฉบับอย่างลิบลับ แต่ก็ถือว่าค่อนข้างประณีตสวยจิตรเช่นกัน เมื่อผนึกรวมดวงดาวทั้ง 18 ดวงให้ถึงขีดสุด จะสามารถบรรลุเป็นจ้าวมหาเทพที่มีอิทธิฤทธิ์เกะกะระราน

“เวิง!”

และในตอนนี้เอง ดวงดาวทั้ง 18 ดวงที่อยู่บนนภาพื้นที่ที่มืดมิดแห่งนี้ก็กลายเป็นลำแสงกะทันหัน หนีหายเข้าไปในร่างกายหลัวซิวโดยที่ต้านทานไม่ได้ จากนั้นมันก็ปรากฏอยู่ในจุดตันเถียนชี่ไห่ของเขา

ณ วินาทีนี้ภายในจุดตันเถียนของเขา มีเพียงดวงดาวดวงแรกที่เขาผนึกรวมขึ้นมาเองเท่านั้นที่เปล่งแสงแวววาวแยงตาดุจดวงอาทิตย์ ส่วนดวงดาวทั้ง 18 ดวงนั้นกลับหม่นหมองไร้แสง ซึ่งเป็นดวงดาวทั้ง 18 ดวงที่จ้าวมหาเทพแสงดาวผนึกรวมขึ้นมาเองในอดีต

ดวงดาวที่ผนึกรวมอยู่ในจุดตันเถียนนั้น คือตัวพาหะของผลการฝึกตน ในขณะเดียวกันมันก็เป็นอาวุธที่ทรงพลังเช่นกัน ภายใต้การกระตุ้น สามารถปล่อยพลังอมตะที่เกะกะระรานออกมาได้

ตระกูลลู่ยึดเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าเป็นพื้นฐาน สร้างพลังอมตะหนึ่งขึ้นมา และพลังดังกล่าวก็คือผังดาวตก!

ผังดาวตกเป็นมหาอิทธิฤทธิ์ระดับจ้าวมหาเทพ ยิ่งดวงดาวที่ผนึกรวมได้มีมากเท่าไหร่ พลานุภาพของพลังอมตะนี้ก็จะทรงพลังมากเท่านั้น

“โครมคราม……”

เสี้ยววินาทีที่หลัวซิวได้รับการถ่ายทอดสืบสาน พื้นที่บริเวณรอบ ๆ ก็เริ่มพังทลายลงไป โครงกระดูกที่นั่งอยู่บนแท่นหินนั่นค่อย ๆ ลอยออกห่างไปไกล จากการพังทลายของพื้นที่นี้ ทำให้โครงกระดูกดังกล่าวก็สูญสิ้นไปด้วย

“ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดสืบสานจากข้า ต้องรับหน้าที่เป็นผู้ปกป้องวิถีแห่งสวรรค์……”

เสียงที่แหบแห้งวนเวียนอยู่ในหัวหลัวซิว ถัดจากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าฟ้าดินเริ่มหมุนเคว้งคว้าง ก่อนที่เขาจะหายไปจากพื้นที่ที่แปลกประหลาดแห่งนี้

ภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าปรวนแปร หลัวซิวพบว่าตัวเองกลับมาถึงเส้นทางที่ตัวเองขุดไว้บนดาราเรืองแสงอีกครั้ง บนพื้นดินที่อยู่ตรงหน้าเขา มีแก้วเทวชั้นกลางหนึ่งชิ้น

เวลานั้นที่เขาถูกพลังลึกลับพลังหนึ่งพัดพาไปก็เพราะจะยื่นมือไปเก็บแก้วเทวดชั้นกลางชิ้นนี้นี่แหละ ถูกพัดเข้าไปในพื้นที่ที่แปลกประหลาด หลังจากผ่านการทดสอบแล้ว เขาก็ได้รับการถ่ายทอดสืบสานของผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพคนหนึ่ง

เขารู้สึกว่าทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นนี้ดุจภาพฝันภาพจินตนาการ แต่ทว่าภายใต้การสำรวจภายในร่างกายตน เขาเห็นว่ามีดวงดาวดวงหนึ่งผนึกรวมอยู่ที่จุดตันเถียนของตัวเอง รวมไปถึงดาวโบราณอันมืดมนไร้แสงที่โอบล้อมอยู่รอบ ๆ

“ปกป้องวิถีแห่งสวรรค์ ผู้ปกป้องโลก มันหมายความว่าอย่างไร?”

หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ข้อมูลที่เขาได้รับจากสถานที่แห่งการถ่ายทอดสืบสานไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงทำให้จิตใจเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความสงสัย

ตัวสำนึกที่บรรลุถึงแดนเทพฟ้าขั้น 3 แผ่ขยายออกไป หลัวซิวสัมผัสพลังออร่าของนักยุทธ์คนอื่น ๆ ไม่ได้ จึงทำให้เห็นว่าเหล่านักยุทธ์เทพมารที่เข้ามาในดาราเรืองแสงพร้อมกับเขานั้น หากไม่ได้เสียชีวิตอยู่ในระหว่างการทดสอบ เช่นนั้นก็คงไม่ผ่านการทดสอบถูกส่งออกไปแล้ว

และทันทีที่ถูกส่งออกไปก็จะไม่สามารถเข้ามาได้อีก ค่ายกลม่านแสงที่ปกคลุมอยู่บนชั้นบรรยากาศของดวงดาวจะกีดกันอัตโนมัติ

บทแรกของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าเหมาะกับการให้เทพมารฝึกเท่านั้น ฝึกเพื่อทำให้รากฐานของตัวนักยุทธ์มั่นคงถึงขีดสุด สาเหตุที่จ้าวมหาเทพแสงดาวจัดวางวิชาห้ามค่ายกลไว้ ณ สถานที่แห่งนี้นั้น ก็เพื่อตามหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมมากที่สุด

ร่างกลวัฏสงสารที่สองยังอยู่ด้านนอก ทำให้หลัวซิวทราบการเคลื่อนไหวของจี้ซิวรวมไปถึงพวกเหอเฟิง ตำหนักหลักเมืองและสมาคมจรัสนภาต่างเรียกผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมารวมตัวกัน คอยป้องกันอยู่บริเวณด้านนอกดาราเรืองแสงอย่างแน่นหนา คอยเพียงเขาออกไปเมื่อใด ฝ่ายตรงข้ามก็จะก่อการกบฏทันที