ทางด้านใต้ของสหการพาน-เอเชียน บนขอบเขตแดนของกลุ่มเมืองมะละกา

ในมุมของบริเวณงานเลี้ยงฉลอง มีบาร์ที่หนึ่งที่มีการตกแต่งออกไปทางแนวย้อนรำลึกถึงอดีต ด้วยความที่มันตั้งอยู่บนชั้นแรก ที่นี่จึงไม่มีแขกมากนัก

ในยุคนี้ เมื่ออาคารสูงเริ่มต้นที่ 100 ชั้น ชั้นที่อยู่สูงกว่าจึงมักจะได้รับความนิยมมากกว่า ไม่ใช่เพียงเพราะว่าคนจะสามารถอยู่ห่างจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกมาจากทางด่วนได้ แต่ที่หลังคายังมองเห็นภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สว่างไสวที่สุดของเมืองทั้งเมืองได้และยังสามารถสูดอากาศที่บริสุทธิ์ที่สุดในเมืองได้ด้วย

ไม่ต้องพูดถึงว่าป้ายนีออนที่ซ่อนอยู่ไม่ได้น่าเตะตาเป็นพิเศษ

แม้ว่าจะมีคนเดินเท้าทั่วไปเดินผ่านไปมาอยู่บ้าง แต่หลังจากได้เห็นคำสองคำที่ว่า ‘หินโสโครกดำมืด’ พิมพ์อยู่บนป้ายโฆษณา มันก็ยากที่จะทำให้รู้สึกสนใจในแสงสลัวภายในนั้นได้

แน่นอนว่าแขกประหลาดๆ บางคนอาจจะพูดอีกอย่าง

ในวงการของมืออาชีพพิเศษบางคน บาร์ซึ่งซ่อนอยู่ในรางน้ำแห่งนี้ก็ยังคงมีชื่อเสียงมากในแง่หนึ่ง

ยกตัวอย่างเช่น ชายที่ไว้เคราและแผลเป็นบนปากซึ่งนั่งอยู่ที่มุมของบาร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าใบหน้านี้ปรากฏขึ้นที่อื่นก็อาจจะก่อให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายแก่ร้านและตัวเขาเอง

แต่สำหรับที่นี่…

ตราบใดที่เขาไม่ได้เริ่มก่อความวุ่นวายก็จะไม่มีใครจับจ้องที่เขา

บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องราวที่ถูกขีดเขียนอยู่บนใบหน้าของเขา หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศของศตวรรษที่ 22… แต่เมื่อคนต่างเห็นว่าเขาดื่มอยู่เพียงลำพังก็มีสาวสวยหลายคนเข้ามาพูดคุยกับเขา

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่วินาทีที่เขาเดินเข้ามาในบาร์จนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครที่สามารถดึงดูดใจเขาได้

“ผู้ชายคนนั้นเป็นคนแปลกนิดหน่อย…”

“ทุกคนที่นี่ก็แปลกทั้งนั้น”

“แต่เขาน่าจะเป็นคนที่แปลกที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา” ผู้หญิงที่ขยับบุหรี่ไฟฟ้าออกจากริมฝีปากและนั่งอยู่ด้านหน้าบาร์พูดกับบาร์เทนเดอร์ เธอชำเลืองมองไปทางชายคนนั้นด้วยความสนใจ

บาร์เทนเดอร์ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังบาร์ยิ้มเจื่อนๆ

“คุณอยู่ห่างจากเขาไว้น่าจะดีกว่านะครับ”

หญิงสาวเงยหน้ามองเขาแล้วถามด้วยความอยากรู้ว่า “ทำไมล่ะ?”

“เปล่าครับ ก็แค่สัญชาตญาณบอก” บาร์เทนเดอร์พูดเสียงเบาหลังจากที่เหลือบมองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้น “หลังจากทำงานที่นี่มาหลายปี ลางสังหรณ์ของผมก็พัฒนามากขึ้น”

สัญชาตญาณบอกเขาว่าคนคนนั้นไม่เหมือนกับไอ้เด็กเวรพวกนั้นที่ร่อนเร่อยู่บนถนน แม้ว่าจิตใจที่มุ่งร้ายในตัวของเขาจะไม่ได้รุนแรงอะไร แต่เบื้องหลังจิตใจที่มุ่งร้ายนั้นก็ซ่อนความคมและความบ้าคลั่งเอาไว้

จากการที่แค่ชำเลืองมอง บาร์เทนเดอร์ก็สามารถสรุปได้ว่าคนเช่นนั้นคงจะเป็นอาชญากรจากดาวอังคาร์หรือไม่ก็เป็นเป้าหมายขององค์การตำรวจสากล…

ทันใดนั้นประตูบาร์ก็เปิดออก และชายคนหนึ่งในชุดสีดำก็เข้ามาจากด้านนอกแล้วเดินตรงไปหาชายไว้เคราที่นั่งอยู่ที่มุมบาร์

เมื่อเขานั่งลงตรงข้ามชายไว้เครา เขาก็เลิกเปลือกตาแล้วเหลือบมองมาที่ชายชุดดำ

ชายชุดดำพูดขึ้นหลังจากยิ้มออกมานิดๆ

“เชสเตอร์เชี่ยวชาญการเขียนโปรแกรม การดัดแปลง และการใช้อุปกรณ์อัจฉริยะ และการใช้อาวุธเบา ครั้งหนึ่งโจรสลัดอวกาศยังเคลื่อนไหวอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยและอาณานิคมของนิวเวอร์จิเนีย หลังจากกองกำลังของคุณถูกทำลายล้างโดยกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชีย คุณก็หลบหนีและมาถึงยังโลก ปัจจุบันคุณกำลังถูกองค์การตำรวจสากลไล่ล่า ในเวลาเดียวกันคุณยังมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อว่ารูซาส ผู้ซึ่งมีชื่อเหมือนกับแกนนำในเหตุการณ์การจี้ปล้นครั้งหนึ่งในอดีต…”

เขามองมาที่ชายไว้เคราซึ่งมีสีหน้าที่เริ่มเศร้าหมอง ชายชุดดำที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขายิ้มออกมาและพูดต่อไปว่า “เขาได้ทำบางสิ่งที่คุณอยากจะทำแต่ไม่เคยกล้าลงมือทำ แต่ชะตากรรมของเขานั้นยากแค้นมาก… คุณรู้หรือเปล่า? ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีการอะไร แต่มันถูกบันทึกไว้ในรายงานการชันสูตรศพของเขา ก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต พวกเขาทุกข์ทรมานอย่างมาก ไม่มีอวัยวะภายในหรือเส้นเลือดหลงเหลืออยู่ในร่างทั้งร่าง”

ใบหน้าของเชสเตอร์บึ้งตึง เขาเค้นประโยคหนึ่งออกมาจากปาก

“คุณเป็นใคร?”

“มันไม่สำคัญหรอกว่าผมเป็นใคร”

ชายชุดดำวางมือลงที่ตัก

ทันใดนั้นลูกตาดำของเชสเตอร์ก็หดเล็กลง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาหยิบออกมาจากตรงตักนั้นไม่ใช่ปืนพกหรืออาวุธอื่น แต่เป็นบัตรสีเงินซีด

เขาวางบัตรสีเงินซีดลงบนโต๊ะและค่อยๆ ดันมันให้ไปอยู่ตรงหน้าเชสเตอร์ ชายชุดเสื้อคลุมสีดำยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “เรารู้สึกเห็นใจกับประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณมาก เรายังรู้สึกผิดหวังกับวิธีการจัดการปัญหาที่โง่และหยาบคายในสหการพาน-เอเชียนด้วย ใครสักคนควรจะให้บทเรียนกับพวกเขา ถ้าคุณอยากจะแก้แค้น… คุณก็จะพบว่าบัตรใบนี้มีประโยชน์”

เชสเตอร์พูดด้วยท่าทีที่เศร้าสร้อยว่า “ผมเกลียดความรู้สึกของการถูกสั่ง คุณคิดบ้างไหมว่าคุณจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่หลังจากที่คุณบอกเรื่องนี้กับผม?”

“มีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?” มีสีหน้าของความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของชายคนนั้น เขายิ้มอย่างสุภาพและพูดว่า “ในฐานะที่เป็นหุ่นยนต์ ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าคุณหมายความว่าอะไร แต่ถ้าคุณต้องการ เจ้านายของผมบอกว่าเขาสามารถมอบผมให้กับคุณเป็นของขวัญในการพบกันได้—”

วินาทีที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เชสเตอร์คว้าข้อมือของชายคนนั้นอย่างแรงแล้วตบใบหน้าของเขาลงกับโต๊ะด้วยมือของเขาเอง

มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในบาร์ แขกที่อยู่รอบๆ แตกกระเจิงแล้วหนีออกไป เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบาร์ซึ่งสังเกตเห็นเหตุการณ์รีบเข้ามาล้อมเขาไว้จากด้านข้าง

“หุ่นยนต์…”

เขาเป็นหุ่นยนต์จริงๆ?!

หลังจากปล่อยมือหุ่นยนต์ สีหน้าของเชสเตอร์ก็เต็มไปด้วยความขึงขัง ร่องรอยของความหวาดกลัววูบผ่านขึ้นมาผ่านดวงตาอันสงบนิ่งของเขา

ตัวตนของเขาถูกเปิดโปงแล้ว

และเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าใครคือคนที่มุ่งเป้ามาที่เขาหรือเป็นคนส่งเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้มาหาเขา

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้างๆ เขาล้อมเขาไว้

หุ่นยนต์ผู้ชายซึ่งนอนอยู่บนโต๊ะไม่ไหวติง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างกำยำมองเชสเตอร์ขึ้นๆ ลงๆ แล้วเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “แขกที่สร้างความวุ่นวายจะไม่ได้รับการต้อนรับจากที่นี่ กรุณาจ่ายบิลแล้วออกไปด้วยครับ”

“หรือจะให้เราเอาตัวคุณออกไป”

เชสเตอร์ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เขาหยิบบัตรสีเงินซีดขึ้นมาจากโต๊ะอย่างเงียบๆ เขาดีดนิ้วชี้ในอากาศขณะที่เขาจ่ายบิล

เขาจะมัวเสียเวลาไม่ได้

เขาแค่อยากกลับไปยังที่ซ่อนตัวในทันทีเพื่อเก็บสัมภาระแล้วเตรียมตัวหนี

เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย…

โดยไม่ได้ตระหนักว่าชายอันตรายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงชำเลืองมองไปทางบาร์เทนเดอร์ที่อยู่หลังบาร์แล้วพยักหน้า เขายังมองมาที่เชสเตอร์แล้วใช้คางพยักพเยิดไปที่ประตูขณะที่เขาพูดด้วยเสียงอันดังว่า

“ไสหัวไป”

เชสเตอร์ก้าวไปได้ครึ่งก้าวเพื่อไปยังประตู หลังจากได้ยินคำนี้ทันใดนั้นเขาก็ชะงักฝีเท้า

เขาหันกลับมามองที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งหัวอยู่สูงกว่าเขา ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ว่า

“แกมีเวลาสิบวินาทีในการขอโทษฉัน”

หลังจากได้ยินประโยคนี้ หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตะลึงงันไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดว่าชายคนนี้ซึ่งถูกคนมากมายล้อมอยู่จะยังกล้ากล่าวออกมาเช่นนี้

เหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งยืนอยู่ข้างเขาหัวเราะออกมาราวกับว่าพวกเขากำลังดูตัวตลก

“นี่ล้อกันเล่นหรือเปล่า?”

“เขาคงจะดื่มมากเกินไป”

“หัวหน้า ผมจะจัดการเขาให้เอง… ผมจะทำให้เขาสร่างเมาเอง”

หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนขึ้น กำหมัด แล้วเอียงตัวมาหาเขาด้วยความเหี้ยมเกรียม

อย่างไรก็ตาม จู่ๆ หุ่นยนต์ที่นอนอยู่บนโต๊ะก็คว้าขวดไวน์บนโต๊ะมาแล้วฟาดลงมาที่หน้าผากของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ขวดระเบิดออกมา

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่วงลงไปกองบนพื้น หัวของเขาอาบไปด้วยเลือด

หุ่นยนต์โจมตีมนุษย์?

เป็นไปได้ยังไง?

หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตกตะลึงไปกับเหตุการณ์นั้น เมื่อเขาเห็นเลือดไหลหยดจากหน้าผากของเพื่อนร่วมงาน ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีแดง แล้วเขาก็ดึงกระบองไฟฟ้าออกมาจากเอวแล้วกำลังจะตี

แต่ในวินาทีที่เขาดึงกระบองไฟฟ้าออกมา มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

ปากกระบอกปืนสีดำเล็งมาที่เขา

ตูม!

เชสเตอร์เหนี่ยวไกปืนอย่างไม่แยแส เขายิงหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิตก่อนที่จะยิงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุด

ในเมืองต่างๆ ของสหการพาน-เอเชียน แทบจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ที่มีการใช้ปืนจริงโดยตรง

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้เคยหยิ่งยโสก่อนหน้านี้เริ่มจะแตกกระเจิงออกไป เช่นเดียวกับแขกที่รีบวิ่งไปที่ประตู แต่เชสเตอร์ก็ยิงกระสุนเพิ่มอีกนิดหน่อยไปที่ประตู เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่วงลงไปที่พื้นทีละคน

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งถูกหุ่นยนต์ฟาดด้วยขวดไวน์ก็ตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง

เขาได้ยินเสียงกรีดร้องรอบตัวเขา และเมื่อเขาเห็นเพื่อนร่วมงานของเขานอนอยู่ข้างๆ และมีปืนเล็งมาที่เขา เขาก็ตกใจสุดขีด

ดวงตาของเขาค่อยๆ สิ้นหวัง ปากของเชสเตอร์แสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยมและบ้าคลั่ง

“ฉันให้โอกาสแกแล้ว…”

เขาเหนี่ยวไกปืนเหมือนกับกำลังฆ่ามดตัวหนึ่ง

อีกชีวิตก็จบลงด้วยเสียงดังปังชัดเจน

เชสเตอร์เหลือบมองบาร์เทนเดอร์ตัวสั่นเทาที่นอนอยู่ด้านหลังบาร์ เขายิ้มยิงฟันอย่างเย้ยหยันก่อนจะเก็บปืนพกเข้าที่

เขาชำเลืองมองมาที่หุ่นยนต์ข้างๆ เขาแล้วพูดว่า “ฉันไม่ต้องการของเล่นจิ๊บจ้อยของแก

“ฉันมีแผนล้างแค้นของฉันเอง”

เขาหยิบกระบอกโลหะสีดำอันหนึ่งขนาดเท่ากับกระป๋องออกมาจากแขนของเขาแล้วค่อยๆ วางมันลงบนโต๊ะข้างๆ ภายใต้การจ้องมองอย่างหวาดกลัวของแขกที่อยู่รอบๆ และพนักงานในบาร์ เขาเดินไปที่ประตูอย่างช้าๆ…