มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1476

“ช่างตรงจังหวะเสียจริง ข้าก็อยากทราบเช่นกันว่าศักยภาพในปัจจุบันของข้าเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับราชาเทพ”

เงาร่างของหลัวซิวปรากฏตรงหน้าภายในเสี้ยววินาที แสดงพลังอมตะของผังดาวตกออกมา ดวงดาวขนาดใหญ่ตกลงมาจากด้านบน ทำให้ร่างกายของจี้ซิวแตกสลายเป็นฝุ่นผงในชั่วพริบตา

“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……”

ทุกจุดที่หลัวซิวเดินผ่านจะมีหมอกเลือดฟุ้งตลบไปทั่ว เสี้ยววินาทีที่เงาร่างของเขาเหยียบย่ำลงบนเรือรบลำนี้ ชะตาชีวิตของเหล่านักยุทธ์ที่อยู่บนเรือรบก็ถูกลิขิตไว้แล้ว

หลังจากที่เขาดูดกลืนและกลั่นแปรผลการฝึกตนของจี้ซิวเสร็จ ในที่สุดจุดลมปราณจุดที่สองบนแขนซ้ายก็ทลายสักที บนนิ้วโป้งข้างซ้ายของเขา ผนึกรวมเป็นดวงดาวที่แวววาวจับตาขึ้นมาหนึ่งดวง จากนั้นแสงดังกล่าวก็หายวับไป

ในขณะเดียวกัน วงล้อชีวิตเหล่าเทวเทพที่อยู่หลังศีรษะเขาก็ผนึกรวมดวงดาวออกมาได้สามดวงเช่นกัน ดวงหนึ่งอยู่ด้านล่าง สองดวงอยู่ด้านบน

ดวงที่อยู่ด้านล่างนั้นกำเนิดมาจากการฝึกเคล็ดแสงดาวเทียนเต้า ส่วนสองดวงที่อยู่ด้านบนนั้นสอดคล้องกับเคล็ดวิชาจุดลมปราณที่เขาฝึก

ดวงดาวที่เกิดจากการผนึกรวมของมหาอิทธิฤทธิ์เคล็ดวิชาทั้งสอง ล้วนจุอยู่ภายในวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ซึ่งนี่เป็นแบบจำลองวิถียุทธ์ของหลัวซิว!

หากพูดให้แม่นยำหน่อยก็คือต้นแบบวิถีแห่งตัวเขา!

ใช้วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพวิวัฒนาการวัฏสงสาร ใช้วัฏสงสารจุแสงดาว ดวงดาวและจักรวาล……

ตู้ม!

เรือรบลำสุดท้ายราวกับกลายเป็นดาวตกหนึ่งดวง หายวับไปในห้วงดาราอันไกลโพ้นในชั่วพริบตา

เขาสังหารจี้ซิวไปแล้ว แต่ทว่าเหล่าศิษย์น้องของเขายังอยู่บนเรือรบอีกลำหนึ่ง มีการคุ้มกันจากค่ายคุ้มกันเทพระดับ 7 บนเรือรบ เขาก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน อีกอย่างหากเรือรบเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด ถึงเขาจะใช้ปีกเทพมังกรครามยักษ์ก็ไล่ตามไม่ทัน

“จุดลมปราณที่สองถูกเปิดออกแล้ว แต่ทว่าศักยภาพของข้ากลับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก”หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย

เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อครู่นี้ สาเหตุที่ศักยภาพของเขาพุ่งพรวดนั้น เป็นเพราะฝึกเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าสำเร็จ รวมไปถึงได้รับดาราชีวีทั้ง 18 ดวงที่จ้าวมหาเทพแสงดาวทิ้งไว้

ดาราชีวีทั้ง 18 ดวงนั้นเทียบทัดกับภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพได้ ถึงแม้จะสามารถปลดปล่อยพลานุภาพออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อปลดปล่อยพลังผ่านผังดาวตก ก็สามารถสังหารกึ่งราชาเทพได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

ในระยะเวลาอีกยาวนานนับต่อจากนี้ ดาราชีวีทั้ง 18 ดวงนี้จะกลายเป็นที่พึ่งพิงที่แข็งแกร่งที่สุดของหลัวซิว

ในส่วนของศักยภาพส่วนตัวของเขานั้น กลับสามารถสังหารและข่มเทพฟ้า รวมไปถึงเจ้านภาทั่วไปได้อย่างง่ายดายแล้ว หากอยากมีผลการฝึกตนที่เทียบทัดกับราชาเทพได้ อย่างน้อยก็ต้องคอยผลการฝึกตนของเขายกระดับถึงแดนเทพฟ้าก่อน

ช่องว่างระหว่างเจ้านภาและราชาเทพนั้นห่างกันมากถึงมากที่สุด มาตรแม้นว่าเขาจะฝึกเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าและเคล็ดวิชาจุดลมปราณขึ้นไปถึงระดับเทพฟ้าขั้นสูงบริบูรณ์ใหญ่แล้ว มากสุดก็แค่เข้าใกล้ราชาเทพ แต่กลับไม่สามารถเทียบทัดกับราชาเทพได้อย่างแท้จริง

……

ในขณะเดียวกัน วินาทีที่จี้ซิวถูกสังหาร ส่วนล่างของเมืองฟ้าเยือกอันไกลโพ้น ในพื้นที่ส่วนลึกของดาราฟ้าเยือก มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่จนมิอาจคาดการณ์ได้ระเบิดทะลักออกมา

“มีคนบังอาจฆ่าศิษย์ของข้าอย่างนั้นหรือ!”

เสียงตะคอกอันโกรธเกรี้ยวดังก้องอยู่ในห้วงดารา ร่างกายนักยุทธ์ทั้งหมดในเมืองฟ้าเยือกต่างสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

กลางห้วงดารา หลัวซิวยืนอยู่บนศีรษะอสูรดูดจิตโบราณ ส่วนเรือรบดาราลำนั้นก็ถูกเขาเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของ

เพราะถ้าเดินทางโดยการใช้เรือรบดารา ต้องสูญเสียแก้วเทวจำนวนมาก ถึงแม้เขาจะได้รับแก้วเทวชั้นกลางมาหนึ่งหมื่นล้านชิ้น แต่เขาก็จะใช้มันอย่างฟุ่มเฟือยไม่ได้

เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าการฝึกตนในอนาคตของตัวเองต้องสูญเสียทรัพยากรเป็นจำนวนมาก บางทีแก้วเทวหนึ่งหมื่นล้านชิ้นนี้อาจไม่เพียงพอต่อการทำให้ผลการฝึกตนของเขาเลื่อนถึงแดนเทพมารขั้นสูงเลย

อีกทั้งเขาก็ไม่รีบเดินทางเช่นกัน เนื่องจากตั้งแต่วินาทีนี้เขาสังหารจี้ซิว เขาก็รู้แล้วว่าเจ้าเมืองเมืองฟ้าเยือก จี้เฟิงต้องเป็นฝ่ายมาหาเขาถึงที่