ตอนที่ 1467 สถานการณ์ฉุกเฉิน

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

เป็นเรื่องที่ไม่สะดวกที่จะทำอาหารที่บ้าน แม้ว่าบริการจัดส่งอาหารในยุคนี้จะสะดวกมาก แต่ลู่โจวรู้สึกอยู่เสมอว่าอาหารที่ห่อมาแล้วไร้ซึ่งบรรยากาศ

ด้วยข้อเสนอของผู้อำนวยการหลี่ ไอศกรีมหลงยุค 3 คนจากศตวรรษที่ 21 จึงนั่งแท็กซี่ไปยังร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนึ่งที่บริเวณริมมหาวิทยาลัยจินหลิง พวกเขาสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะและเบียร์มา 1 ลังก่อนที่จะนั่งลงตรงริมหน้าต่าง

“เจ้าของร้านนี้ก็เป็นไอศกรีมหลงยุคจากต้นศตวรรษที่ 21 เหมือนกัน เขาตื่นขึ้นมาก่อนผมสองปี ในตอนนั้นเขาเชิญผมเข้าไปในชุมชนคนแช่แข็ง งานอาสาสมัครที่ผมทำในตอนนี้เขาก็เป็นคนแนะนำมา”

หลังจากที่เปิดขวดเบียร์เย็นๆ ผู้อำนวยการหลี่ยิ้มด้วยอารมณ์คิดถึงความหลังแล้วพูดว่า

“ผมมากินข้าวที่นี่สองสามครั้งต่อสัปดาห์ รสชาติยังเหมือนกับเมื่อร้อยปีที่แล้ว และผมก็คิดถึงมันมาก”

หลังจากที่เปิดเบียร์ขวดหนึ่ง ลู่โจวก็ถามขึ้นมาแบบสบายๆ ว่า “ทำไมเขาถึงมาที่ยุคนี้ล่ะ?”

“นอกจากคนอย่างผมกับหวังเผิงที่มาทำภารกิจในอนาคต เหตุผลส่วนใหญ่ที่คนที่หลับไปชั่วคราวแช่แข็งตัวเองโดยมากก็คือเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บที่ร้ายแรง” ผู้อำนวยการหลี่กล่าวต่อไปว่า “บางทีอาจจะเป็นมะเร็ง เขาก็ไม่ได้บอกผม ผมเองก็ไม่ได้ถาม แต่หลังจากมาที่ยุคนี้ อาการป่วยของเขาก็ได้รับการรักษา”

มะเร็งเหรอ?

ทันใดนั้นลู่โจวก็นึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่ง

เพื่อนคนที่เคยเป็นลูกศิษย์ของเขา

ฉันสงสัยว่าอาการป่วยของเธอได้รับการรักษาแล้วหรือไม่ หรือเธอได้ตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาหนึ่งเมื่อร้อยปีที่แล้วและใช้ชีวิตที่ดีหรือเปล่า…

ในตอนที่ลู่โจวกำลังสงสัย จู่ๆ เด็กสาวคนหนึ่งก็เดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเขาพร้อมกับหม้อปลาย่างไอน้ำ

“เจ้านายของเราขอมอบปลาย่างจานนี้ให้คุณค่ะ” เด็กสาวตัวเล็กยิ้มอย่างเขินอาย เธอมองมายังลู่โจวที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างแล้วพูดต่อว่า “เขาขอให้ฉันมาบอกคุณว่าขอบคุณ… ขอบคุณสำหรับความเมตตาของคุณ เขาสามารถลุกจากเตียงโรงพยาบาลและมายังยุคนี้ได้เพื่อที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่”

ลู่โจวมองมาที่บริกรสาวตัวเล็ก เขาอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมควรจะทำ”

กลิ่นหอมของยี่หร่ากระจายไปทั่วโต๊ะ ทั้งสามคนพูดคุย หัวเราะ และสำราญกับอาหารที่อยู่บนโต๊ะ

อีกไม่กี่วันหวังเผิงจะไปมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนคอร์สเตรียมความพร้อม อาหารมื้อนี้ไม่ได้เป็นแค่การฉลองการรวมตัวของพวกเขา แต่ยังเป็นการเลี้ยงส่งเขาด้วย

เมื่อลู่โจวมองดูควันที่ลอยขึ้นมาจากจาน ทันใดนั้นเขาก็เห็นภาพลวงตาว่าเขากำลังอยู่ในความฝัน

ก่อนที่จะกลับมายังโลก เขาไม่เคยคิดว่าศตวรรษหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา เขาจะได้มานั่งอยู่ในร้านอาหารกับเพื่อนเก่าและกินปลาย่าง ดื่มเบียร์ และพูดคุยถึงเรื่องอดีต

แน่นอนว่าเขายังรู้สึกแจ่มชัดในใจ

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกครั้งในวันนี้ในเวลาร้อยปีต่อมา แต่มันอาจจะเป็นแค่การเลื่อนการอำลาของพวกเขาออกไป

ถ้าขวดของ ‘ผู้พิทักษ์’ มอบชีวิตอมตะให้เขาจริงๆ เช่นนั้นเขาก็คงจะถูกลิขิตมาให้เห็นผู้คนรอบตัวเขาแก่ตัวลงไปทีละคน ในท้ายที่สุดเขาก็คงจะต้องอยู่ลำพัง

บางที… ยาสีแดงหรือยาสีม่วงอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

อย่างน้อยอันแรกก็สามารถจะฉีดยีนสุขภาพดีเข้าไปในอารยธรรมมนุษย์ได้ ส่วนอันหลังก็อาจจะเปิดประตูไปสู่สถานที่ลึกลับ สถานที่ที่คาดไม่ถึงสำหรับอารยธรรมมนุษย์

มีแต่ความอมตะเท่านั้นที่เป็นขวดยาพิษ

นี่เป็นเรื่องจริงแท้ทั้งสำหรับเขาและสำหรับอารยธรรมมนุษย์เอง

เหมือนอย่างที่ผู้อำนวยการหลี่บอก ปัญหาเกี่ยวกับอนาคตควรจะทิ้งไว้ให้ผู้คนในอนาคตเผชิญเอง ในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ การใช้ชีวิตอยู่ในอดีตเป็นจุดหมายปลายทางที่ถูกต้องของเขา

อีกอย่างคือลู่โจวก็เริ่มที่จะค่อยๆ ตระหนักถึงเรื่องนี้หลังจากที่กลับมาถึงโลก

ชีวิตอมตะเป็นเหมือนคำสาป มันกำลังกัดกร่อนธรรมชาติของมนุษย์ในใจของเขาออกไปทีละน้อย โดยขยายส่วนที่เป็นเหตุเป็นผลออกไปนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะเมื่อเขาเคยชินกับการสูญเสียคนที่รัก มันอาจจะยากที่จะมีความรู้สึกอย่างที่มนุษย์ทั่วไปควรจะมี

แต่ก็อย่างว่า

ถ้าเขาสามารถจะเลือกได้อีกครั้ง ลู่โจวก็ยังรู้สึกว่าเขาคงจะเลือกแบบเดิม

มันมีเหตุผลเพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้น

ในฐานะที่เป็นนักวิชาการคนหนึ่ง น้ำหนักของความรู้สึกอาจจะไม่ได้สำคัญมากในโลกของเขา แต่อายุขัยที่เป็นอมตะนั้นหมายความว่าเขาแทบจะมีเวลาอย่างไม่จำกัดในการไล่ตามปัญหาต่างๆ ที่เขารู้สึกสนใจ

สิ่งล่อใจสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถจะปฏิเสธได้…

ทั้งสามคนดื่มจนกระทั่งถึงช่วงบ่าย

ในตอนที่กลับมาถึงบ้าน ลู่โจวโยนเสื้อคลุมไว้บนตู้รองเท้าที่ประตู เดินโซเซเข้าไปในห้องนอน แล้วล้มตัวลงบนเตียงโดยไม่ได้พูดอะไร

ลู่โจวหลับไปจนกระทั่งข้างนอกมืดลงและรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เขากระแอมและลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง

แล้วเขาก็ไปสบตากับใครบางคนเข้า

จู่ๆ เขาก็สร่างเมา

ลู่โจวลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบๆ ระหว่างที่เขามองเสี่ยวไอ ผู้ซึ่งนอนอยู่ข้างๆ เขา แล้วเขาก็หนีบหัวคิ้วตัวเองและถามว่า “ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”

เสี่ยวไอ: “เจ้านายบอกให้เสี่ยวไอมารออยู่ในห้องนอน! (///ω///)”

ดูเหมือนเขาจะพูดแบบนั้นเมื่อเช้าวานนี้ แต่นั่นเป็นเพราะมีแขกมาที่บ้าน ความตั้งใจเดิมของเขาคือการปล่อยให้เสี่ยวไออยู่ในห้องนอนจนกว่าแขกจะออกไป เขาไม่เคยบอกให้เสี่ยวไออยู่ที่นี่ในตอนที่เขากำลังหลับ ปล่อยให้หลับอยู่ลำพังบนเตียงของเขา…

ลู่โจวรู้สึกว่าเขาได้ทำบางสิ่งที่โง่มากๆ และเขาก็พูดด้วยอาการปวดหัวว่า “เป็นความผิดของฉันเองที่ฉันไม่อธิบาย แต่ดูเหมือนฉันจะไม่ได้พูดว่า… เธอสามารถจะกระโดดขึ้นมาบนเตียงฉันได้ใช่ไหม?”

เสี่ยวไอ: “มีอะไรหรือเปล่า หืม… เสี่ยวไอรู้สึกเหมือนว่าเจ้านายไม่ชอบเสี่ยวไอ เจ้านายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน (๐•̆•̭•̆๐)”

ลู่โจวพูดว่า “…แต่ก่อนฉันเป็นยังไง?”

เสี่ยวไอ: “ไม่เหมือนกัน! เจ้านายมักจะตัวติดกับเสี่ยวไอเสมอ อยู่ด้วยกันทั้งตอนกิน ตอนนอน และตอนเขียนงานวิจัย และเรามักจะอยู่ด้วยกันมากกว่าหนึ่งเดือน แล้ว… นับตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมา ทุกอย่างก็แปลกไป._:( ́□`」∠):_”

ลู่โจว “???”

ตอนไหนนะที่เราอยู่ด้วยกันตลอด?

โดยมากฉันจะปล่อยให้มันทำงานบ้านหรือไม่ก็เขียนอีเมลสองสามฉบับในคอมพิวเตอร์…

แล้ว ‘ผู้หญิงคนนั้น’ นั่นอะไรกัน?!

“เรื่องนี้แปลกตรงไหน…” ลู่โจวพูดไปด้วยปวดหัวไปด้วยขณะที่มองเสี่ยวไอ “ฉันก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง จากมุมมองทางชีววิทยา มันแปลกตรงไหนที่จะรู้สึกดึงดูดโดยเพศตรงข้าม?”

เสี่ยวไอ: “ตอนนี้เสี่ยวไอก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน! ผู้หญิงแบบไหนกันที่เจ้านายต้องการ นี่เสี่ยวไอก็มีพร้อมหมดแล้ว. (๑•̀ᄇ•́)و✧”

ลู่โจว “…”

เมื่อเห็นว่าเจ้านายของเธอไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน ในที่สุดสีหน้าเชื่อมั่นในตัวเองก็กลับกลายเป็นเสียใจอีกครั้ง

“มันยังไม่พออีกเหรอ?”

แล้วนี่มันเกี่ยวกับพอหรือไม่พอยังไง?

ลู่โจวไม่ได้พูด และเขาก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนที่จะตอบเสี่ยวไอ ผู้ซึ่งมองมาที่เขาอย่างน่าสงสาร ด้วยความเหนื่อยเขาจึงถอนหายใจเพราะอาการปวดหัวและมองไปที่เพดาน

เขาเพิ่งจะตื่นขึ้นมา แต่เขารู้สึกอ่อนเพลียราวกับว่าเขาไม่ได้หลับเลยทั้งคืน

เสียงกริ่งประตูดังขึ้นจากทางห้องนั่งเล่น

ในตอนนั้นลู่โจววางเรื่องวุ่นวายพวกนั้นเอาไว้ก่อน เขาเคาะนิ้วชี้ของเขาในอากาศและเชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดที่ประตู ขณะที่หน้าต่างโฮโลแกรมสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา เขาก็เห็นหุ่นยนต์ส่งของตัวหนึ่งในชุดเครื่องแบบของคนส่งพัสดุ ยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับพัสดุในมือ

ส่วนมากพัสดุส่งด่วนที่น้ำหนักต่ำกว่า 2 กิโลกรัมจะถูกส่งมาที่จุดรับของที่หน้าต่างโดยตรงด้วยโดรน แต่โดยทั่วไปการส่งพัสดุด่วนที่น้ำหนักมากกว่า 2 กิโลกรัมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โดรน หุ่นยนต์มักจะเป็นผู้รับผิดชอบในการส่งของ

“เธอใช้บัตรของฉันซื้อของอะไรอีก?”

“หืม? หืม? เปล่านะ… ยังไงก็แล้วแต่ หลิงจะเปิดประตู (•̀∀•́)”

“โอเค”

เสี่ยวไอซึ่งไม่อยากจะลุกออกจากเตียง เริ่มสั่งการน้องชายที่ฉลาดน้อยกว่าเธอ

หลิงผู้ซึ่งยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูห้องครัวโดยใส่ผ้ากันเปื้อนและมีเครื่องดูดฝุ่นอยู่ในมือ ยังตอบรับมาอย่างเชื่อฟังมากๆ เขาเดินตรงไปยังโถงทางเดินอย่างเฉยเมย

เขาเอื้อมมือออกไปแล้วเปิดประตู

หลิงมองไปยังหุ่นยนต์ส่งพัสดุที่ยืนอยู่ตรงประตู เขากำลังจะรับพัสดุมาจากคนส่ง

แต่ในตอนนั้นเอง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!

หลังจากส่งพัสดุให้หลิง ทันใดนั้นหุ่นยนต์ส่งพัสดุก็หยิบปืนพกออกมาจากแขนของมัน…