ตอนที่ 1491 กำราบศัตรูทั้งปวง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ดวงหน้างดงามยั่วยวนของจู๋อิ้งเสวี่ยบวมแดงราวกับหัวหมู เผ้าผมยุ่งเหยิง ชิงชังจนแทบจะคลั่งแล้ว

นางจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าหลินสวินจงใจเย้ยหยันนาง เหยียบย้ำเกียรติของนาง!

แต่นางกลับไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน

แม้ข้างกายมีพวกพ้องมากมายออกโจมตีพร้อมกันก็ล้วนไม่มีประโยชน์!

“รุนแรงเกินไปแล้ว!”

ทุกคนในลานอดไม่ได้ที่จะตะโกนลั่นอย่างตื่นเต้น

ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างกังวลมาก เป็นห่วงหลินสวิน ไม่แน่ใจว่าหลินสวินจะเป็นคู่ต่อสู้ของเหล่าศัตรูได้หรือไม่

แต่ตอนนี้ขอเพียงแค่ไม่ใช่คนโง่ต่างรู้ว่า หลินสวินไร้เทียมทาน!

ความมากน้อยของคู่ต่อสู้ เมื่ออยู่ภายใต้การโจมตีอย่างเด็ดขาดของเขาก็ไม่สำคัญอีกแล้ว

ในใจของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ดินแดนรกร้างโบราณมีเพียงความคิดเดียว บนมกุฎมรรคาระดับอมตะเคราะห์ จะมีพลังต่อสู้ที่น่ากลัวเหลือเชื่อขนาดนี้ได้อย่างไร

แม้ว่าประสบการณ์ของพวกเขาจะหลากหลายเพียงใด ก็ไม่สามารถกระจ่างและไม่สามารถเข้าใจได้

แต่พวกเขาต่างรู้ดีว่า มกุฎมรรคาของหลินสวินแตกต่างจากความหมายทางโลก และแตกต่างจากความเข้าใจ การรับรู้ของพวกเขา!

เพี๊ยะ!

ในสนามรบ เสียงตบกกหูคราหนึ่งดังก้องขึ้น หลังจากจู๋อิ้งเสวี่ยส่งเสียงกรีดร้องก็ปลิวถอยออกไปทั้งตัว

ทันใดนั้นนางเองก็ไม่รู้ว่าเพราะยอมรับความอับอายเช่นนี้ไม่ได้ หรือเพราะได้รับบาดเจ็บหนักเกินไป จึงหมดสติไปในทันใด

ภาพที่เหนือความคาดหมายนี้ทำให้ในลานอึ้งจนอ้าปากค้างอีกครั้ง

บุคคลชั้นยอดที่มาจากเผ่าจู๋หลงคนหนึ่ง กลับถูกหลินสวินง้างมือสะบัดใส่หน้าจนหมดสติไปดื้อๆ!

จนถึงตอนนี้ลั่งเชียนเหิงและมู่ไจซิงบาดเจ็บสาหัส จู๋อิ้งเสวี่ยหมดสติไป ในสนามเหลือเพียงแขกคนอื่นๆ จากต่างดินแดนอีกห้าคนที่กำลังต้านทานอย่างยากลำบาก

ส่วนหลินสวิน อานุภาพราวกับรุ้ง สง่างามอย่างมาก!

“ก่อนการประลอง ใครจะกล้าเชื่อ”

องค์ชายเซ่าเฮ่าส่งเสียงถอนหายใจ

สภาวะจิตของเขาไม่สามารถสงบได้ ในฐานะองค์ชาย เขาเองก็เป็นบุคคลชั้นผู้นำคนหนึ่งในมกุฎมรรคาแห่งดินแดนรกร้างโบราณ อีกทั้งเป็นที่นับถือของผู้คน ชื่อเสียงและความสามารถไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินสวิน

แม้ไม่เคยประลองฝีมือกับหลินสวินอย่างจริงจัง แต่ตอนนี้พอเห็นความองอาจของหลินสวินในการต่อสู้ครั้งนี้ แม้แต่เขาเองก็อดนับถือไม่ได้

คนที่มีความคิดเช่นเดียวกับเขายังมีพวกเทพธิดารั่วอู่ แต่ละคนจิตใจกระเพื่อมไหว

ในเวลาเดียวกัน บนอากาศผู้แข็งแกร่งจากดินแดนอื่นอีกห้าคนสีหน้าอึมครึม หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความตะลึงเคร่งเครียด

จิตต่อสู้ของพวกเขากำลังสั่นคลอนแล้ว!

ฟึ่บ!

หลินสวินไม่เคยหยุดมือ หลังจากโจมตีจู๋อิ้งเสวี่ยจนพ่ายแพ้ เงาร่างของเขาราวกับสายฟ้า จับจ้องชายที่สูงถึงสามจั้ง กล้ามเนื้อกำยำ ทั้งร่างอาบอยู่ในแสงวารีพวยพุ่งผู้หนึ่ง

คนผู้นี้นามว่าคุนเส่าจวิ้น มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลคุนแห่งดินแดนโบราณขุมอุดร ไม่ด้อยกว่ามู่ไจซิงและจู๋อิ้งเสวี่ยเลยสักนิด

อีกทั้งเขาครอบครองอภินิหารพรสวรรค์ซึ่งเป็นหนึ่งในมรรคแห่งวังวนกลืนกิน มีส่วนคล้ายกับหุบเหวกลืนกิน

เผ่าคุน ลงทะเลเป็นคุน ขึ้นฟ้าเป็นเผิง ท่องทะยานในฟ้าดินเก้าหมื่นลี้ พลังแห่งพรสวรรค์เหนือกว่าเผ่าโบราณมากมาย รากฐานพลังแข็งแกร่งและเก่าแก่อย่างยิ่ง

และคุนเส่าจวิ้นคนนี้ก็คือบุคคลที่โดดเด่นในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเผ่านี้

“เจ้าคนแซ่หลิน กล้าประลองพลังมหามรรคกับข้าหรือไม่”

เห็นหลินสวินพุ่งมา คุนเส่าจวิ้นส่งเสียงตวาดออกมา สะเทือนใต้ท้องฟ้าราวกับฟ้าคำราม

ตูม!

ตอนที่พูดรอบตัวเขาพลันมีวังวนกระแสน้ำขนาดใหญ่พุ่งออกมา กลืนฟ้าบังดิน ฉีกทึ้งห้วงอากาศรอบๆ

สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าในวังวนกระแสน้ำนั่นมีคุนยักษ์ตัวหนึ่งกำลังแหวกว่าย กลืนกินหมื่นกระแส พัดพาลมคลื่น

ในลานเสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นระลอกหนึ่ง ในสายตาของหลายคนคล้ายมองเห็นคุนที่ใหญ่ไม่รู้กี่หมื่นลี้กำลังแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า บดบังท้องฟ้าสุริยัน ทำให้คนหายใจไม่ออก

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ประหลาดมหามรรค

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้ผู้คนจิตใจสั่นไหว

“ทำไมจะไม่กล้า”

ดวงตาดำของหลินสวินราวกับสายฟ้า รอบๆ ร่างสูงโปร่งสง่างามพลันปรากฏหุบเหวใหญ่แห่งหนึ่ง ทั้งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุด ลึกไม่อาจคาดเดา มีดวงดาวดับสลายอยู่ในนั้น

ทันใดนั้นมหามรรคกระแสน้ำวนและมรรคแห่งหุบเหวกลืนกินปรากฏขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองชนิดล้วนเรียกได้ว่าเป็นพลังมหามรรคที่ไม่เป็นสองรองใครในโลก แปรเปลี่ยนเป็นกฎเกณฑ์อมตะ ประชันกันกลางอากาศ!

ตูม โครม โครม!

ชั่วขณะเดียวตรงนั้นพายุโหมกระหน่ำ กระแสน้ำซัดสาด ห้วงอากาศล้วนยุบตัว ปรากฏภาพโกลาหล พังทลาย และล่มจม

ผู้แข็งแกร่งหลายคนต่างหยุดหายใจ สีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหัน

การประชันมหามรรคง่ายที่สุด ตรงไปตรงมาที่สุด สิ่งที่แข่งกันคือความแตกฉานในการควบคุมมรรคของผู้แข็งแกร่งสองคน แต่การประลองเช่นนี้ก็อันตรายที่สุดเช่นกัน

หากไม่ระวังก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้มรรควิถีในตัวได้รับความเสียหายอย่างหนัก!

“คนรุ่นเยาว์ปัจจุบัน ช่างเหี้ยมจริงๆ…” ในที่มืด เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งที่มีอายุมาแล้วไม่รู้นานเท่าไหร่ลอบถอนหายใจ

ทันใดนั้นในความปั่นป่วนที่สะเทือนหู เสียงหัวเราะยาวของหลินสวินดังขึ้น “ดูเหมือนว่าเจ้าก็ไม่ไหว”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง

เสียงตูมรุนแรงดังขึ้น วังวนกระแสน้ำที่ราวกับกลืนท้องฟ้าระเบิดแหลก

ในเวลาเดียวกันคุนเส่าจวิ้นกระอักเลือด ร่างที่สูงใหญ่ราวกับภูเขาถูกซัดจนเซถอย กว่าจะยืนมั่นก็ห่างไปหลายสิบจั้ง

เขาหน้าซีดเผือด สีหน้ามีความไม่จำยอม หวาดกลัว และงุนงง ราวกับไม่เชื่อว่าเหตุใดตนถึงแพ้ไวขนาดนี้

“ตาพวกเจ้าแล้ว”

หลินสวินไม่สนใจคุนเส่าจวิ้นอีกต่อไป มองไปทางคู่ต่อสู้คนอื่นๆ

เดิมทีเป็นการโจมตีหมู่ แต่สถานการณ์ตอนนี้คือผู้แข็งแกร่งต่างดินแดนกำลังถูกหลินสวินกำราบทีละคน!

เหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณถูกกระตุ้นจนเลือดร้อนพลุ่งพล่านตั้งนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะการต่อสู้ยังไม่จบลงอย่างแท้จริง พวกเขาคงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจตั้งนานแล้ว

“พวกเขาจะแพ้แล้ว”

อริยะคนหนึ่งส่งเสียง ตัดสินออกมา นำพามาซึ่งเสียงเห็นด้วย

จากที่ลั่งเชียนเหิง มู่ไจซิง จู๋อิ้งเสวี่ยและคุนเส่าจวิ้นบาดเจ็บสาหัส เหล่าแขกต่างดินแดนคนอื่นๆ ต่างสั่นคลอน

ยามนี้เกรงว่าแค่พวกเขาอยากเอาตัวรอดก็คงยากมากแล้ว!

ตามคาด แต่ละภาพที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นได้พิสูจน์เรื่องนี้

เริ่มโดยบุคคลพลิกฟ้าที่มาจากสำนักมรรคเทพดินแดนโบราณหม่อนบูรพา ถูกหลินสวินใช้ปราณกระบี่นิลกาฬแทงทะลุหน้าอก ภายใต้ความตกใจจนหน้าเสีย จึงยอมแพ้ไปเอง

จากนั้นบุคคลชั้นยอดคนหนึ่งที่มาจากแดนโบราณเพลิงสวรรค์ ถูกหลินสวินใช้ความเร้นลับแห่ง ‘ห่างไกลล้วนไปถึง’ ดรรชนีมหาอุดมสลายมายากำราบ ผิวหนังร่างกายแตกกระจาย เลือดไหลราวกับน้ำตก

ผู้แข็งแกร่งสองคนที่มาจากแดนโบราณดวงดาวพิฆาตและเก้ากาฬ ล้วนทยอยถูกหลินสวินกำราบอย่างแข็งกร้าว

ตั้งแต่ต้นจนจบ หลินสวินกวาดล้างอย่างง่ายดาย ไร้เทียมทาน!

ควรรู้ว่าความสำเร็จบนมกุฎมรรคาของแขกที่มาจากต่างดินแดนเหล่านี้ ล้วนเรียกได้ว่าดำรงอยู่ปานผู้กล้า

แต่ตอนนี้พวกเขาถูกกำราบทีละคน โดยไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันใดๆ!

“ดูเหมือนว่า พวกเจ้าล้วนไม่ไหว”

บนอากาศเงาร่างของหลินสวินยืนตระหง่าน แสงมรรคสีเขียวพลุ่งพล่าน ราวกับเซียนมองลงมายังสนามรบอย่างเย่อหยิ่ง

เสียงเรียบเฉยของเขาดังขึ้น ในลานกลับเงียบกริบ

ทุกคนต่างสะท้านสะเทือน สีหน้าเลื่อนลอย ยังไม่ได้สติกลับมาอย่างสิ้นเชิง

เพราะก่อนหน้านี้ใครก็คิดไม่ถึง ว่าหลินสวินจะสามารถได้รับชัยชนะในการต่อสู้หนึ่งต่อหลายคนนี้

ทั้งยังชนะอย่างสวยงามยิ่ง!

ไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ถูกกำราบ เผยท่าทีกดข่มออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นสิ่งที่ใครก็คาดไม่ถึง

เมื่อมองไปยังแขกแปดคนจากต่างดินแดนอย่างพวกลั่งเชียนเหิง มู่ไจซิง จู๋อิ้งเสวี่ย แต่ละคนเงาร่างน่าอนาถ สีหน้าหดหู่ ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งสูงส่งเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว ดูสะบักสะบอมและน่าสงสารอย่างที่สุด

การต่อสู้นี้ เดิมทีเริ่มโดยลั่งเชียนเหิงจะประลองกับหลินสวินบนหอหลอมจิตแห่งนครหยกขาวนี้

แต่ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ ไม่เพียงแค่ลั่งเชียนเหิงที่พ่ายแพ้อย่างอนาถ เหล่าแขกต่างดินแดนคนอื่นๆ ก็ล้วนถูกหลินสวินกำราบ!

ความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถนี้ พวกเขาจะคาดถึงได้อย่างไร

ภายใต้การจับจ้องของทุกคน ยืนอยู่ตรงนี้ในฐานะผู้แพ้ ศักดิ์ศรีและหน้าตาของพวกเขาล้วนถูกเหยียบย่ำ อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

ใช่ พวกเขาก็ไม่ไหว!

ลงมือพร้อมกันก็ไม่ไหว!

แม้อยากต่อต้านก็ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว

“ชนะแล้ว!”

ไม่รู้ว่าใครร้องอย่างตื่นเต้นออกมาในตอนนี้ ทำลายความเงียบในที่นั้น และชักนำความรู้สึกสั่นไหวในใจของทุกคนออกมา

ทันใดนั้นในลานก็มีเสียงดังราวกับภูเขาไฟระเบิด กึกก้องชั้นฟ้า

“ฮ่าๆๆ คุณชายหลินชนะแล้ว!”

“ตัวคนเดียวกำราบศัตรูทั้งปวง!”

“ทูตต่างดินแดนเหล่านั้นจองหองมากมิใช่หรือ แต่ในมือเทพมารหลินก็เท่านี้แหละ ครั้งนี้คุณชายหลินได้สอนพวกเขาว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรแล้ว”

“ต้องยอมรับว่าพวกคนต่างดินแดนเหล่านั้นแข็งแกร่งมาก แต่พอเจอคนกร้าวแกร่งระดับหลินสวิน ก็สมน้ำหน้าพวกเขาแล้ว!”

เสียงที่เดือดพล่านเหมือนระบายอารมณ์อย่างไรอย่างนั้น กึกก้องอยู่กลางฟ้าดิน

“การต่อสู้ในวันนี้ ทอดสายตามองไปทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ ชื่อเสียงและความสามารถของหลินสวินไม่มีใครสู้ได้แล้ว”

บุคคลขอบเขตมกุฎอย่างพวกองค์ชายเซ่าเฮ่า ตอนนี้เองก็มีความรู้สึกทอดถอนใจที่พูดไม่ออก

“เจ้าหนุ่มคนนี้ ช่างสมกับที่เป็นบุคคลปานเทพมาร”

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าถอนหายใจ

การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้พวกเขาต่างขวัญหนีดีฝ่อ แต่ผลลัพธ์ตอนท้ายก็น่าพอใจอย่างไม่ต้องสงสัย

หลินสวินชนะแล้ว!

ขวัญกำลังใจของดินแดนรกร้างโบราณถูกกระตุ้น และโจมตีความยโสโอหังของแขกต่างดินแดนเหล่านั้น ต่อไปใครจะกล้าพูดว่าดินแดนรกร้างโบราณไร้ตัวตนอีก

“ชนะแล้ว ชนะแล้ว… เขา เขา เขา เก่งกาจเกินไปแล้วจริงๆ!”

เหวยหลิงเคอตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้น ตาทั้งคู่เป็นประกาย ภาคภูมิใจไปด้วย

ข้างๆ หรั่นซิงสีหน้าอึ้งงัน เขารู้ว่าชาตินี้แม้จะพยายามฝึกปราณแค่ไหนก็ไม่มีทางเหนือกว่าหลินสวิน

ห่างกันมากเกินไปแล้ว!

มีเพียงผู้แข็งแกร่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าที่สับสนที่สุด หลินสวินชนะแล้วจริงๆ แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าควรดีใจหรือไม่…

ถึงอย่างไรก็มีความสัมพันธ์ประหนึ่งศัตรูต่อกัน พวกเขาจะสามารถโห่ร้องดีใจกับความสำเร็จของศัตรูได้อย่างไร

แต่ไม่ว่าอย่างไรหากข่าวการต่อสู้ในวันนี้แพร่ออกไป จะต้องสะเทือนนครหยกขาวรวมถึงทั้งดินแดนรกร้างโบราณอย่างแน่นอน

ภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคน เหล่าแขกต่างดินแดนล้วนถูกหลินสวินกำราบ!

ผลการต่อสู้ระดับนี้จะต้องตะลึงไปทั่วหล้าอย่างแน่นอน

“ใต้ระดับอริยะ เกรงว่าเด็กคนนี้คงอยู่สูงสุดแล้ว”

มีบุคคลระดับเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งถอนหายใจยาว

ทุกคนรอบข้างต่างถอนหายใจเช่นกัน

“เช่นนี้ดีกว่ามิใช่หรือ การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนจะเริ่มขึ้นแล้ว มีเจ้าหนุ่มนี่อยู่ การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ ดินแดนรกร้างโบราณของเรามีความหวังที่จะล้างความอับอายแล้ว!”

มีคนพูดเสียงกังวาน

“เขาคนเดียวเนี่ยนะ ข้าว่ายาก อย่าลืมว่า คนที่เขาโจมตีพ่ายแพ้ในวันนี้เป็นเพียงแค่ทูตกลุ่มหนึ่ง แต่ในสมรภูมิเก้าดินแดน เป็นสถานที่รวบรวมพลังมกุฎของผู้แข็งแกร่งจากอีกแปดดินแดน!”

มีคนส่ายหน้า ไม่ใช่ว่าดูถูกหลินสวิน แต่ไม่คิดว่าหลินสวินคนเดียวจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่ดินแดนรกร้างโบราณจะต้องเผชิญในสมรภูมิเก้าดินแดนได้

“มีความหวังย่อมดีกว่าไร้ความหวัง ที่ผ่านมาดินแดนรกร้างโบราณของเรา… ถูกรังแกมานานแล้ว!”

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เดือดดาลอย่างที่สุด

………….