จนบัดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ได้รู้เลย ว่าครอบครัวและสหายของเขาที่ถูกอวิ๋นชิงเหยียนจับไปดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพนั้น ได้ถูกเซี่ยเจี๋ยอาสามของเค่อเอ๋อช่วยให้หลบหนีไปยังระนาบโลกียะต่างๆแล้ว
หลังจากทุกคนหลบหนีมายังระนาบโลกียะ แต่ละคนก็พบพานเส้นทางของตัวเอง
ที่น่าห่วงที่สุดก็คือเค่อเอ๋อที่ยังคงอยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ
กล่าวให้ชัดก็คืออยู่ใน ระนาบสมรภูมิ ที่เกิดจากการโคจรมาปะทะกันของระนาบทวยเทพ!
และเขาไม่ได้รู้เลยว่าเหล่าตัวน้อยทั้ง 3 ที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเยาว์ ตอนนนี้ได้แอบหนีออกจากระนาบเทวโลกและลงไปตามหาเขาที่ระนาบเซียน บ้านเกิดในชีวิตนี้ของเขา
ในปัจจุบันต้วนหลิงเทียน ยังคงทำความเข้าใจความลึกกซึ้ง เผาไหม้ และปะทุอย่างตั้งอกตั้งใจ เรียกว่าตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์
เขากำลังรอให้ถึงเวลานัดหมาย 2 ปีกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ถึงตอนนั้นเขาก็จะออกจากหลิงหลัวเทียน และไปยังอวี้หวงเทียนกับอีกฝ่าย
แน่นอนว่าหลังจากไปอวี้หวงเทียนแล้ว ไม่ว่าจะกลับมาได้หรือไม่ได้ เขาก็ยังไม่ได้คิดวางแผนอะไรทั้งสิ้น แค่รอดูสถานการณ์และตัดสินใจไปตามสมควร
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเหตุผิดพลาดอะไร เขาก็คิดจะกลับมา
สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคิดตอบแทนบุญคุณซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่
อย่างไรก็ตาม หากมีสถานที่ใดที่จะช่วยยกระดับให้เขาก้าวหน้าขึ้นรวดเร็วที่สุดในเวลาพันปี เขาก็ไม่ขัดข้องที่จะไปที่นั่น
วันเวลาพันปีแม้ไม่สั้น แต่ก็ไม่นาน
เขาจำต้องเพิ่มพูนพลังให้ไดมากที่สุด จะได้บุกไปช่วยทุกคนที่ถูกจับในดินแดนการล่มสลหายแห่งทวยเทพ!
…
ต้วนหลิงเทียนได้พักอยู่ที่คฤหาสน์ส่วนตัวของซุนเหลียงเผิงเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่ได้ออกไปไหนเลย
เรื่องนี้ทำให้อาวุโสใหญ่ของนิกายอมตะเป้าผู่อย่างหวังเชียนจ้านโมโหทั้งจนปัญญาไม่น้อย “เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันคิดจะหดหัวอยู่แต่ในคฤหาสน์ประมุขไปชั่วชีวิตเลยหรือไร?”
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ด้วยความที่หวังเชียนจ้านกลัวจะคลาดสายตา จนทำให้ต้วนหลิงเทียนมีโอกาสหนีไปได้ เช่นนั้นมันจึงเอาแต่เฝ้าจับตาดูคฤหาสน์ซุนเหลียงเผิงไม่ไปไหนเช่นกัน
มันก็เลยเหน็ดเหนื่อยไปทั้งใจกาย
แม้เวลา 5 ปีจะไม่ได้นานอะไรสำหรับมัน แต่ให้มันทุ่มสมาธิกับการเฝ้าจับตาดูโดยไม่ไปไหนแบบนี้ ก็นับว่าทรมานไม่น้อย
และตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก็มีนักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือดมาเยือนนิกายอมตะเป้าผู่เช่นกัน
ที่สำคัญอีกฝ่ายยังเป็นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก!
นักฆ่ากะโหลกเลือดผู้นี้ ด้วยพลังฝีมือของมัน หากคิดจะทำลายล้างนิกายอมตะเป้าผู่ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
อย่างไรก็ตามด้วยความที่มันกริ่งเกรงตระกูลใหญ่เบื้องหลังคฤหาสน์เฉวียนโยว ซึ่งจัดเป็นขุมกำลังชั้นนำของแดนสวรรค์ใต้…นับประสาอะไรกับทำลายนิกายอมตะเป้าผู่ กระทั่งจะบุกรุกเข้าไปมันยังไม่กล้า!
เป็นธรรมดาว่าถึงมันจะไม่กล้าบุกเข้านิกายอมตะเป้าผู่อย่างอุกอาจ แต่มันก็ยังติดต่อขอพบประมุขนิกายอมตะเป้าผู่อย่างซุนเหลียงเผิง เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ขับไล่ต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายอมตะเป้าผู่
อย่างไรก็ตาม ซุนเหลียงเผิงได้ยืนกรานปฏิเสธมัน
เช่นนั้นนักฆ่ากะโหลกเลือดก็ได้แต่หงุดหงิดและขัดใจที่ทำอะไรไม่ได้ สุดท่ายก็ได้แต่ดักรอต้วนหลิงเทียนด้านนอกนิกายอมตะเป้าผู่ ประหนึ่งเฝ้ากระต่ายหน้าโพรง
แน่นอนว่าการเฝ้ารอด้านนอกนิกายอมะเป้าผู่ของมันก็ไม่ถึงกับไร้ประโยชน์เสียทีเดียว อย่างน้อยๆมันก็ได้ติดต่อกับหวังเชียนจ้าน อาวุโสใหญ่ของนิกาอมตะเป้าผู่
ด้วยเหตุนี้หวังเชียนจ้านจึงเป็นดั่งหูตาให้มัน
ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงนักฆ่ากะโหลกเลือดจะล้มเหลวเรื่องการทำภารกิจให้ลุล่วง แต่มันยังทำได้แค่ขุดถ้ำแห่งหนึ่งในเขาไม่ไกลจากนิกายอมตะเป้าผู่ เพื่อพักอาศัยและบ่มเพาะพลังเท่านั้น…
เฝ้ารอให้เป้าหมายอย่างต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายอมตะเป้าผู่อย่างอดทน!
ตราบใดที่หวังเชียนจ้านแจ้งมาถึงมันว่าต้วนหลิงเทียนกล้าออกจากนิกายอมตะเป้าผู่แล้วล่ะก็ มันจะเร่งรุดไปฆ่าอีกฝ่ายทันที!
…
วันเวลาผันผ่านดั่งม้าขาวทะยานข้ามทุ่ง
อีก 2 ปีก็ได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
“ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ข้ารอเจ้าอยู่ที่เมืองฝูซาน ห่างออกไปทางตอนเหนือ 300,000 ลี้จากนิกายอมตะเป้าผู่…ที่นั่นมีค่ายกลเคลื่อนย้ายทางไกลนำไปสู่ระนาบเทวโลกอื่นๆ ที่คฤหาน์เฉวียนโยวสร้างไว้”
หลังจากผ่านไป 2 ปี 1 เดือน ในที่สุดหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ติดต่อมาหาต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
“ถึงเวลาเดินทางแล้ว…”
หลังได้รับการติดต่อจากหลิงเจวี๋ยอวิ๋น สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงจ้าขึ้นมาทันที เขาหลุดการทำความเข้าใจความลึกซึ้ง ปะทุ ของกฏแห่งไฟทันที
สำหรับความลึกซึ้งเผาไหม้นั้น เขาบรรลุถึงความสำเร็จเบื้องต้นตั้งแต่ 3 เดือนก่อนแล้ว ตอนนี้จึงใช้มันได้คล่องไม่ต่างมือเท้า
เรียกว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการ
ความหมายแห่งไฟ ลุกโหม และเผาไหม้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่น่ายินดีอีกอย่าง
ตั้งแต่เมื่อปีก่อน ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน เพลิงเทพโกลาหล และทองเทพสุดลี้ลับก็ได้ทยอยกันตื่นขึ้นจนครบ
เหตุผลที่ไฉนทั้ง 3 ถึงหลับไปนานปี เนื่องเพราะการช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนครั้งสุดท้าย พวกมันได้ทุ่มพลังทั้งหมดอย่างไม่กล้าประมาท
ในอดีตแม้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินจะคอยช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน แต่มันก็ไม่ได้ทุ่มพลังมากมายอะไรขนาดนั้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นฟูพลัง
หลังติดต่อตอบกลับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ส่งข้อความถึงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ซุนเหลียงเผิง ทั้งยังแจ้งไปตรงๆว่า “ประมุข ข้าต้องการออกไปนอกนิกาย”
หลังข้อความของต้วนหลิงเทียนส่งไปได้ไม่กี่ลมหายใจ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงซุนเหลียงเผิงดังขึ้นนอกประตู “ออกมาสนทนากันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนลุกจากเตียงน้ำแข็งและเดินไปเปิดประตูทันที จึงพบว่าซุนเหลียงเผิงมาหาถึงที่
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็อาศัยอยู่ในลานแห่งหนึ่งของซุนเหลียงเผิง ในลานก็มีโต๊ะหินอ่อนพร้อมม้านั่งเล็กๆ
ต้วนหลิงเทียนที่เปิดประตูมา ก็เห็นซุนเหลียงเผิงนั่งรออยู่ที่โต๊ะ
“ประมุข”
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดว่าซุนเหลียงเผิงจะมาหาทันทีหลังจากที่เขาติดต่อไปแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะประทับใจอีกฝ่ายในระดับหนึ่ง
“นั่งก่อน”
หลังซุนเหลียงเผิงชวนให้ต้วนหลิงเทียนนั่งลง มันก็ขมวดคิ้วยิงคำถามออกมาทันที “เจ้าจำเป็นต้องออกไปด้านนอกให้ได้หรือ?”
ในความคิดมัน เป็นไปไม่ได้ที่ต้วนหลิงเทียนจะไม่ทราบสถานการณ์ในปัจจุบันที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ ว่าหากออกไปนอกนิกายอมตะเป้าผู่แม้แต่ก้าวเดียว ต้องตายแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนยังติดต่อมาว่าจะออกไป นั่นหมายความว่าต้องมีเหตุผลสำคัญที่ต้องไป
เช่นนั้นแทนที่จะห้ามต้วนหลิงเทียน มันจึงเลือกถามคำถามดังกล่าวออกมาแทน
“ข้าต้องไป”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเข้ม
“เพราะอันใด?”
ซุนเหลียงเผิงถาม
“ผลเทพสังเวยสวรรค์!”
ได้ยินคำถามของซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดปิดบัง เพราะหากเขาได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์จริงๆ ถึงตอนนั้นเมื่อย้อนกลับมานิกายอมตะเป้าผู่ด้วยด่านพลังขุนนางอมตะ 10 ทิศ ซุนเหลียงเผิงก็สมควรเดาออกแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นถึงจะบอกเรื่องผลเทพสังเวยสวรรค์ไป เขาก็ไม่ต้องกลัวซุนเหลียงเผิงจะบังเกิดความโลภอะไร เพราะมันมีประโยชน์ก็แต่ตัวตนที่ยังไม่บรรลุถึงขุนนางอมตะเท่านั้น
“ผล…ผลเทพสังเวยสวรรค์!?”
พอเสียงพูดต้วนหลิงเทียนดังจบคำ สีหน้าซุนเหลียงเผิงก็เปลี่ยนไปทันที ลูกตายังหดเล็กลงอย่างแรง
ถึงแม้ในบันทึกของนิกายอมตะเป้าผู่จะไม่มีเรื่องผลเทพสังเวยสวรรค์บันทึกเอาไว้เลย แต่ในฐานะที่เป็นประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ ซุนเหลียงเผิงย่อมเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง จากเหล่าสหายในคฤหาสน์เฉวียนโยว
ผลเทพสังเวยสวรรค์ สำหรับตัวตนใต้ขอบเขตขุนนางอมตะแล้ว มันถือเป็นสมบัติล้ำค่า!
ต้าหลัวจินเซียนขั้นสูงสุดหากใช้มัน ก็สามารถบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้ทันที
และหากยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้รับประทานมัน เรียกว่าจะได้ลัพธ์ผลเลิศล้ำที่สุด เพราะจะทะลวงถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศได้โดยตรง!
จากขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด กลับทะลวงถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศได้ในบัดดล เรื่องนี้จะให้พูดอย่างไร?
ตอนที่ซุนเหลียงเผิงได้ยินเรื่องของผลเทพสังเวยสวรรค์ครั้งแรก มันก็ถึงกับตกตะลึงอึ้งค้างไปอยู่นาน ด้วยไม่คิดว่าในสวรรค์และโลกกลับมีผลไม้อมตะที่มีสรรพคุณน่ากลัวถึงขนาดนี้ดำรงอยู่
“ต้วนหลิงเทียนเจ้า…เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นผลเทพสังเวยสวรรค์จริงๆ? ผลเทพสวรรค์นั่นเสมือนผลไม้อมตะที่มีแต่ในตำนาน ข้าได้ยินว่ามันเคยปรากฏแต่ในระนาบเทวโลกอื่นๆเท่านั้น ไม่เคยมีปรากฏขึ้นในหลิงหลัวเทียนเราแม้แต่ครั้งเดียว”
ซุนเหลียงเผิงกล่าวถามด้วยความเหลือเชื่อ
ตอนนั้นที่ได้ฟังเรื่องผลเทพสังเวยสวรรค์ ซุนเหลียงเผิงก็พอรับทราบข้อมูลของมันมาคร่าวๆเช่นกัน
ถึงแม้จะปลูกต้นเทพสังเวยสวรรค์ และมีเครื่องสังเวยมากพอ แต่โอกาสเกิดผลที่สุกงอมก็มีแค่ส่วนเดียวเท่านั้น
“เป็นผลเทพสังเวยสวรรค์แน่นอน”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบกลับซุนเหลียงเผิงทันที จากนั้นก็เล่าเรื่องที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นบอกเขาออกมา
เป็นธรรมดาว่าเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องจิตวิญญาณอุปกรณ์เทพ เพราะหากพูดไปก็ไม่ต่างอะไรจากเปิดเผยเรื่องที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นมีอุปกรณ์เทพออกไปโดยตรง
อุปกรณ์เทพนั้น มูลค่ามันผิดกับผลเทพสังเวยสววรรค์ลิบลับ
ผลเทพสังเวยสวรรค์แม้จะล้ำค่าและมิอาจประเมินค่ามันได้ แต่ก็มีประโยชน์กับซุนเหลียงเผิงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เทพนั่นไม่ใช่! ซุนเหลียงเผิงต้องบังเกิดความโลภแน่นอน เพราะสามารถใช้ได้!!
เขาแค่เล่าไปว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมีความสามารถในการระบุว่าผู้ใดเป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิด และอีกฝ่ายมั่นใจกว่า 9 ส่วนว่าอีกฝ่ายต้องปลูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ไว้แน่ ถึงได้ลอบมาชักชวนยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดเป็นการลับด้วยตัวเอง ทั้งหมดไม่พ้นต้องคิดนำไปสังเวย!
สำหรัมรดกสถานขอจักรพรรดิอมตะที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง ก็สมควรตั้งค่าไว้แล้วว่ามีแต่ตัวตนต่ำกว่าขุนนางงอมตะเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้
“หากมั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด และอีกฝ่ายจงใจมาล่อลวงก็แต่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดชนชั้นอัจฉริยะจริงๆ…ก็เป็นไปได้สูงที่มันหมายใช้ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้งหลายเป็นเครื่องสังเวยเพื่อผลเทพสังเวยสวรรค์”
ซุนเหลียงเผิงพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขวดคิ้วกล่าวถามต่อว่า “อย่างไรก็ตามเพื่อผลเทพสังเวยสวรรค์ ยอดเซียนอมตะมากมายล้วนถูกกำหนดให้ตกตาย…นอกจากนั้นมันต้องมั่นใจว่าตัวเองจะเป็นคนได้รับผลประโยชน์”
“เพราะอย่างไรเสียสถานที่ๆมันปลูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์เอาไว้ ก็เป็นมันสร้างขึ้นเมื่อชาติที่แล้ว และสมควรเป็นโลกใบเล็กของมัน ต่อให้ตอนนี้มันอาจจะไม่มีพลังมากพอควบคุมทุกสิ่งอย่าง แต่มันก็ต้องสามารถจัดการควบคุมอะไรบางอย่างในโลกใบเล็กนั่นได้แน่นอน”
“ถึงตอนนั้นต่อให้กระบวนการสังเวยจะดำเนินไปอย่างงราบรื่นจนได้ผลเทพสังเวยสวรรค์จริงๆ ก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะได้ผลเทพสังเวยสวรรค์นั่นมาครอง!”
“กระทั่งตัวเจ้า อาจกลายเป็นผู้ที่ต้องถูกสังเวยด้วยซ้ำ!”
ฟังจากคำพูดซุนเหลียงเผิงแล้ว เห็นชัดว่าแม้มันจะคิดว่าต้วนหลิงเทียนมีโอกาสได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์จริงๆ แต่เรื่องจะได้นั้นไม่ใช่ง่ายๆแน่นอน!
“ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองเจ้าใช้ไปหมดแล้ว…ต่อให้เจ้ายังเหลือโอกาสใช้มันได้จริง แต่เนื่องจากในโลกใบเล็กนั่นมันมีการจำกัดด่านพลังเอาไว้ ทันทีที่เจ้าใช้ก็ไม่วายต้องถูกขับออกจากโลกใบเล็กนั่นทันที”
ซุนเหลียงเผิงกล่าวต่อ
ฟังจากคำพูดมากมายของมัน เห็นชัดว่าไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนเข้าไปเสี่ยง