ตอนที่ 3074

War sovereign Soaring The Heavens

ยันต์เงาวายุ เป็นยันต์อมตะหลบหนีใช้ได้ครั้งเดียวหมดไป และมันสามารถเพิ่มความเร็วให้ต้วนหลิงเทียนได้สิบลมหายใจ

 

ยันต์เงาวายุที่ซุนเหลียงเผิงมอบให้ต้วนหลิงเทียน ยังถูกสร้างโดยจอมราชันอมตะ ที่บรรจุความลึกซึ้งกายสายลมและลมกรดอันบรรลุขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยเอาไว้…

 

ในแดนสวรรค์ใต้นั้น จอมราชันอมตะที่บรรลุความลึกซึ้งถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ก็มีอยู่ไม่มากนัก

 

อย่างแรกเลยก็คือวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับจอมราชันธาตุลมมันหาได้ยาก กับตระกูลใหญ่หรือขุมกำลังระดับแนวหน้าใดๆ ก็เป็นดั่งสิ่งของล้ำค่า ไม่คิดแบ่งปันให้ใครที่ไหนง่ายๆ

 

อีกอย่างนั้น การเข้าใจความลึกซึ้งให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องที่มีเวลาแล้วก็จะกระทำได้เสมอไป กระทั่งคนที่มีสติปัญญาสูง ก็ต้องพึ่งพาโอกาสอย่างอื่นเพื่อให้บรรลุความเข้าใจดังกล่าว

 

แดนสวรรค์ใต้นั้นเป็นแค่พื้นที่ๆหนึ่งของหลิงหลัวเทียนเท่านั้น หากมองพื้นที่ทั้งหมดแล้วก็ไม่ถือว่าใหญ่โตอะไรมากมาย

 

ด้วยเหตุนี้จึงมีน้อยคนนักที่มีวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับจอมราชันไว้ฝึกปรือ ยิ่งผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งใดๆถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว ก็ยิ่งหายากไปกันใหญ่

 

สำหรับโอกาสช่วยให้เข้าใจที่ว่า ก็อาจเป็นสถานที่จำเพาะเจาะจง หรือค่ายกลที่ช่วยส่งเสริมความเข้าใจ

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงรู้ดี ว่ายันต์เงาวายุที่ซุนเหลียงเผิงมอบให้เขา มันล้ำค่าขนาดไหน

 

จริงอยู่หากมองไปทั่วทั้งหลิงหลัวเทียนแล้ว ยันต์เงาวายุแผ่นนี้อาจไม่ได้มีมูลค่าอะไร แต่กับแดนสวรรค์ใต้ถือว่ามันเป็นสมบัติจริงๆ เพราะมีคนจำนวนแค่หยิบมือเท่านั้นที่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้

 

เพราะหากคิดจะสร้างมันขึ้นมา เป็นแค่จอมราชันอมตะอย่างเดียวยังไม่พอ ยังต้องเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมที่เหมาะสมถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ที่สำคัญเลยก็คือ…ต้องหาวัตถุดิบที่รองรับพลังอำนาจได้อีกด้วย!

 

จึงกล่าวได้ว่ายันต์หลบหนีเงาวายุนั้น นับเป็นยันต์อมตะที่มีมูลค่าระดับต้นๆของแดนสวรรค์ใต้เลยก็ว่าได้

 

“ในแดนสวรรค์ใต้ ผู้ที่อยู่ในขอบเขตจอมราชันอมตะและเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ปกติแล้วล้วนอยู่ในตระกูลหรือนิกายใหญ่ระดับต้นๆ…ในองค์กรกะโหลกเลือด ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีใครบรรลุความเข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยมาก่อน”

 

ซุนเหลียงเผิงกล่าว “เช่นนั้นข้ามั่นใจนัก ว่านักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักที่องค์กรกะโหลกเลือดส่งมา ไม่มีทางบรรลุความเข้าใจความลึกซึ้งใดถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแน่นอน”

 

“ความลึกซึ้งของกฏขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย…พลังอำนาจที่มันมอบให้ผู้ใช้ กล่าวไปก็เทียบได้กับความลึกซึ้ง 3 ประการที่บรรลุความเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น”

 

“นอกจากนั้นหากเจ้ายังเหลือพลังเซียนอมตะมากพอ หลังใช้ยันต์เงาวายุนี่แล้ว ในเวลา 10 ลมหายใจข้าเชื่อว่ามันไม่อาจเห็นแม้แต่เงาเจ้า คิดจะฆ่ามันให้ตายก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ”

 

ซุนเหลียงเผิงกล่าวสืบค่อ

 

หลังได้ยินคำพูดดังกล่าวของซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนก็อดคิดไปในใจไม่ได้ว่า ‘หรือหลังใช้ยันต์เงาวายุนี่แล้ว ก็ใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองด้วยเลยดี? จะได้ฆ่านักฆ่านั่นให้ตาย ทีนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขณะเดินทางออกจากนิกายอมตะเป้าผู่อีกต่อไป…’

 

อย่างไรก็ตาม พอคิดทบทวนอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจว่าไม่ทำแบบนั้นจะดีกว่า เพราะเขาเคยบอกซุนเหลียงเผิงไว้แล้วว่าเขาใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองไปหมดสิ้น เกิดเขาฆ่ามันตายขึ้นมา ซุนเหลียงเผิงยังจะไม่รู้ความจริงอีกหรือไร

 

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนตัดสินใจเลือกที่จะใช้ยันต์เงาวายุอย่างเดียว เอาแค่หนีให้พ้นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักขององค์กรกะโหลกเลือดก็พอ

 

“ต้วนหลิงเทียน แล้วเจ้าจะออกเดินทางเมื่อใดหรือ?”

 

ซุนเหลียงเผิงเอ่ยถาม

 

“ตอนนี้เลย”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“เช่นนั้น…ข้าจะไปส่งเจ้า”

 

ซุนเหลียงเผิงกล่าวพลางลุกขึ้นยืน “ข้าจะเดินไปส่งเจ้าที่ชายขอบนิกาย จากนั้นเจ้าก็ค่อยใช้ยันต์เงาวายุ จักได้ไม่เสียพลังของมันไปเปล่าๆ”

 

“ขอบคุณประมุข”

 

ต้วนหลิงเทียนลุกขึ้นและกล่าวขอบคุณออกมา เขารู้ดีว่าซุนเหลียงเผิงทำแบบนี้ ก็จะช่วยให้ยันต์เงาวายุเกิดประสิทธิผมากที่สุด

 

หลังจากทั้งสองลุกขึ้นยืนแล้ว ก็พากันออกจากคฤหาสน์ส่วนตัวประจำตำแหน่งประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ทันที

 

“หืม?”

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกับซุนเหลียงเผิงก้าวออกจากคฤหาสน์ อาวุโสใหญ่นิกายอมตะเป้าผู่ หวังเชียนจ้านก็ค้นพบความเคลื่อนไหวดังกกล่าวทันที

 

ทันใดนั้นสองงตาหวังเชียนจ้านก็หดหยีลง ทั้งทอแสงเยียบเย็นเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร “ต้วนหลิงเทียน…ในที่สุดเจ้าก็ทนอุดอู้อยู่ในบ้านไม่ไหวแล้วหรือ?”

 

มันเฝ้ารอที่นี่มา 7 ปีแล้ว

 

หลังจากผ่านไป 7 ปี ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็โผล่หัวออกมาจากคฤหาสน์ของซุนเหลียงเผิงเสียที!

 

เมื่อหวังเชียนจ้านเห็นต้วนหลิงเทียนเดินออกจากคฤหาสน์ไปกับซุนเหลียงและทิศทางที่มุ่งหน้าไป ดูเหมือนยังเป็นสถานที่อยู่ของศิษย์ฝ่ายนอก มันก็เร่งส่งข้อความติดต่อไปยังนักฆ่ากะโหลกเลือดที่เฝ้ารออยู่นอกนิกายอมตะเป้าผู่ทันที

 

“ใต้เท้าเหลิ่งเอี้ย ต้วนหลิงเทียนคนนั้นได้ออกจากคฤหาสน์ประมุขแล้ว…ดูจากทิศทางที่พวกมันกำลังมุ่งหน้าไป สมควรทางออกฝั่งที่พักอาศัยศิษย์ฝ่ายนอกนิกายอมตะเป้าผู่”

 

ด้วยมีซุนเหลียงเผิงอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียน ต่อให้หวังเชียนจ้านอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายมากแค่ไหน มันก็ทำไม่ได้

 

พลังฝีมือของซุนเหลียนเผิง สูงกว่ามันมาก

 

ดังนั้นพอเห็นต้วนหลิงเทียนกับซุนเหลียงเผิงทำท่าคล้ายจะออกจากนิกายไปทางที่พักศิษย์ฝ่ายนอก มันก็เร่งติดต่อถึงนักฆ่ากะโหลกเลือดทันที

 

ในความเห็นมัน ต่อให้ซุนเหลียงเผิงจะร้ายกาจแค่ไหน และคอยติดตามคุ้มกันต้วนหลิงเทียนดีเพียงใด แต่ถ้าก้าวพ้นเขตนิกายเมื่อไหร่ ต้วนหลิงเทียนก็มีแต่ตายสถานเดียว!

 

จริงอยู่ที่นักฆ่ากะโหลกเลือดไม่กล้าบุกรุกเข้ามาฆ่าคนอย่างอุกอาจในเขตนิกายอมตะเป้าผู่…

 

ทว่าหากต้วนหลิงเทียนก้าวเท้าออกจากนิกายอมตะเป้าผู่เมื่อไหร่ นักฆ่าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอะไรอีกต่อไป…

 

“มันกล้าออกมาหรือ?”

 

ภายในถ้ำที่ขุดขึ้นกลางผนังผาแห่งหนึ่ไม่ไกลจากนิกายอมตะเป้าผู่มากนัก นักฆ่าระดับราชาอมตะ 9 ตำหนักขององค์กรกะโหลกเลือดพอได้รับข้อความ สองตาก็ทอประกายจ้า มุมปากยังเริ่มยกยิ้มเหี้ยมเกรียมขึ้นมา

 

ลูกตาของมัน ยังเผยจิตสังหารอันเยียบเย็นอย่างไม่คิดจะระงับ

 

พริบตาต่อมาร่างมันก็อันตรธานหายไปจากโถงถ้ำ และไปโผล่บริเวณใกล้ๆนิกายอมตะเป้าผู่ทันที

 

 

แถวๆเขตที่พักศิษย์ฝ่ายนอก ต้วนหลิงเทียนกับซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ก็เดินทอดน่องอย่างไม่รีบไม่ร้อน ทำราวกับกำลังเดินเล่นชมสวน

 

“ประมุข ผู้อาวุโสใหญ่ดูเหมือนจะจ้องข้าไม่วางตาเลย”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางยิ้มบางๆ

 

ตั้งแต่ตอนที่ออกจากคฤหาสน์ประมุข ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงสายตาหวังเชียนจ้านที่มองมาทันที ยังเป็นสายตาที่เย็นชานัก

 

“ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา อาวุโสใหญ่เฝ้ารอเจ้าอยู่ไม่ไปไหน…การตายของหวังหงนับว่าครอบงำจิตใจมันหมดสิ้น”

 

ซุนเหลียงเผิงส่ายหัวไปมาพลางกล่าว

 

ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่าน มันออกไปจากคฤหาสน์ที่พักคราใด ก็พบอาวุโสใหญ่ที่ยังนั่งเฝ้ารอบนยอดเขาไม่ไกลเสมอ อีกฝ่ายจับตาดูความเคลื่อนไหวคฤหาสน์ส่วนตัวมันแทบจะทุกฝีก้าว

 

ถึงแม้มันจะไม่พอใจกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ แต่ตราบใดที่หวังเชียนจ้านไม่ลงมือทำความผิด ต่อให้มันจะเป็นประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ ก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรหวังเชียนจ้านได้

 

เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้หวังเชียนจ้านก็ยังดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายอมตะเป้าผู่อยู่ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ลงมือก่อความผิดอะไร อาวุโสระดับสูงคนอื่นๆย่อมไม่เห็นดีกับเรื่องที่ซุนเหลียงเผิงจะลงมือก่อนแน่นอน

 

ดังนั้นต่อให้ซุนเหลียงเผิงจะไม่พอใจกับการกระทำของหวังเชียนจ้านมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่อาจทำอะไรหวังเชียนจ้านได้เลย ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งเฝ้า ทั้งติดตามความเคลื่อนไหวของมันไปเรื่อยแบบนี้

 

“จริงสิประมุข…เมื่อครู่ท่านบอกว่านักฆ่ากะโหลกเลือดมาถึงนิกายอมตะเป้าผู่เราแล้วรึ?”

 

ต้วนหลิงเทียนถาม

 

“ใช่”

 

ซุนเหลียงเผิงพยักหน้า

 

“แล้วอาวุโสใหญ่นั่น มันไม่ติดต่อบอกความเคลื่อนไหวของพวกเราให้นักฆ่าคนนั้นรู้แล้วหรือไร ว่าข้ากำลังจะออกจากนิกายอมตะเป้าผู่?”

 

ต้วนหลิงเทียนถาม

 

“อาจติดต่อไปแล้วจริงๆ”

 

ซุนเหลียงเผิงพยักหน้าอีกครั้ง

 

มันเองก็รู้ดีแก่ใจ ว่าด้วยนิสัยของหวังเชียนจ้าน ป่านนี้คงแจ้งความเคลื่อนไหวไปยังนักฆ่าเรียบร้อยแล้ว

 

“อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มันจะแจ้งนักฆ่ากะโหลกเลือดไปก็เท่านั้น สุดท้ายมันก็ถูกกำหนดให้ผิดหวังอยู่ดี…”

 

“เพราะมันไม่มีทางคิดถึงแน่ ว่าข้าจะมอบยันต์เงาวายุเพียงหนึ่งเดียวที่มีให้กับเจ้า…”

 

กล่าวถึงท้ายประโยค มุมปากของซุนเหลียงเผิงก็ยกยิ้มขบขันขึ้นมา แน่นอนว่าเป้าหมายของยิ้มเย้ยดังกล่าวก็เป็นหวังเชียนจ้านที่ตามมาห่างๆนั่น

 

ไม่นานนัก ต้วนหลิงเทียนกับซุนเหลียงเผิงก็เดินมาถึงชายขอบนิกายอมตะเป้าผู่

 

ถึงแม้จะเป็นชายขอบ แต่ที่นี่ก็ยังมีพลังอาคมของค่ายกลที่ปรมาจารย์ค่ายกลจากคฤหาสน์เฉวียนโยวมาจัดตั้งไว้ให้อย่างยากลำบากอยู่ ตราบใดที่ก้าวเท้าข้ามเขตมา ก็จำต้องถูกผลของอาคมติดตัวทันที

 

นักฆ่ากะโหลกเลือดนั่น หากก้าวเข้ามาในเขตอาคมแม้แต่ก้าวเดียว มันก็จะถูกพลังอาคมปนเปื้อนติดร่าง และจะถูกมองว่าหมิ่นหยามคฤหาสน์เฉวียนโยวทั้งเบื้องหลังคฤหาสน์เฉวียนโยวทันที เบื้องบนต้องไม่ปล่อยมันไปง่ายๆแน่!

 

ด้วยเหตุนี้เอง ต่อให้นักฆ่ากะโหลกเลือดที่มาจะเป็นราชาอมตะ 9 ตำหนัก แต่มันก็ไม่กล้าบุกเข้ามาเข่นฆ่าผู้คนในเขตนิกายอมตะเป้าผู่อย่างอุกอาจ เพราะเมื่อมันก่อเรื่องร้ายแรงขนาดนั้น มันก็เสมือนถูกลิขิตให้ตายตก!

 

พอต้วนหลิงเทียนกับซุนเหลียงเผิงเดินมาถึงชายขอบนิกาย นักฆ่ากะโหลกเลือดที่ซุ่มอยู่ก็สังเกตเห็นทั้งคู่เช่นกัน

 

‘ขอเพียงพวกเจ้าก้าวออกมาจากเขตอาคมของค่ายกลบัดซบนั่นเมื่อไหร่ ต้วนหลิงเทียนนั่นได้ตายแน่…ส่วนซุนเหลียงเผิงนั่นอย่างไรเสียก็เป็นประมุขนิกายอมตะเป่าผู่ หากข้าฆ่ามันก็ไม่พ้นต้องปัญหามากเรื่องตามมาแน่นอน เช่นนั้นยังคงไว้ชีวิตมันเถอะ’

 

‘ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายที่ทำให้ข้าต้องถ่อมาถึงนี่ ก็มีแค่ต้วนหลิงเทียนคนเดียวเท่านั้น’

 

ในเงามิด นักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือดด่านพลังราชาอมตะ 9 ตำหนัก ก็ซุ่มซ่อนอย่างมิดชิด ลูกตาจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนเขม็ง ประหนึ่งนักล่าจับตาดูเหยื่อ

 

พลังเซียนอมตะของมันเริ่มโคจรขึ้นมาม้วนวนคลุมกาย เพียงรอให้ต้วนหลิงเทียนก้าวเท้าออกมานอกเขตอาคมนิกายอมตะเป้าผู่เมื่อไหร่ มันจะปะทุพลังสังหารลงมือในบัดดล!

 

ด้านต้วนหลิงเทียนที่มายืนบริเวณชายขอบนิกายอมตะเป้าผู่ ก็ไม่อาจจับสัมผัสใดๆได้เลย ว่ามีใครซุ่มซ่อนอยู่หรือไม่

 

ท้ายที่สุด พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดรวมถึงพลังวิญญาณที่ได้รับมาจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง ก็ได้หมดลงตั้งแต่ตอนทุ่มพลังทั้งหมดสังหารนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานขององค์กรกะโหลกเลือดแล้ว

 

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าจากไปครั้งนี้ข้าคงไม่คิดจะกล่าวใดอีก…หวังเพียงแต่เจ้าจักหวงแหนหนึ่งชีวิตของเจ้าให้มาก แม้ผลเทพสังเวยสวรรค์จักล้ำค่า แต่ก็หาได้มีค่ากว่าชีวิตเจ้าไม่ เช่นนั้นจงยึดความปลอดภัยของตัวเองเป็นที่ตั้งเถอะ”

 

ซุนเหลียงเผิงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงขรึม “ท้ายที่สุดแล้ว…หากตกตายไป เจ้าก็มิเหลืออะไรเลย”