ตอนที่ 3076

War sovereign Soaring The Heavens

หลังเดินมาถึงนอกเมืองฝูซาน ต้วนหลิงเทียนก็ติดต่อไปหาหลิงเจี๋ยอวิ๋นทันที

 

“พอเจ้าไปถึงใจกลางเมืองฝูซาน แถวๆจัตุรัสกลางเจ้าจะเห็นศาลาเปิดหลังหนึ่งข้างป้ายใหญ่ๆ…เจ้าไปยังศาลานั่นแล้วคุยกับพนักงานที่โต๊ะรับรองเพื่อขอเปิดห้อง มันจะถามชื่อของเจ้าก่อน จากนั้นให้แจ้งชื่อข้าไป เดี๋ยวมันจะพาเจ้ามาหาข้าเอง”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ส่งข้อความตอบกลับต้วนหลิงเทียนมาทันที

 

ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ทำตามที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นบอกทันที มุ่งหน้าไปยังจัตุรัสกลางเมืองฝูซาน

 

ตั้งแต่ตอนที่เหินร่างอยู่นอกเมือง ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นแล้วว่าเมืองนี้มีผู้คนคึกคักมาก พอมาเดินบนถนนก็เห็นเหล่าอมตะชนเดินดูของราวสายธารมนุษย์ เปี่ยมล้นไปด้วยชีวิตชีวา

 

ร้านค้าริมสองฟากฝั่งถนนท่าทางจะมีกิจการดีไม่น้อย พ่อค้าหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ยังมีพ่อค้าตั้งแผงขายหินดิบในราคาย่อมเยาว์เอาใจนักพนันมากมายย

 

หากกล่าวถึงธุรกิจทำเงินแล้ว เป็นธรรมดาว่าการพนันย่อมมาอันดับหนึ่ง ส่วนธุรกิจทำเงินอันดับสองก็คงหนีไม่พ้นร้านค้าโอสถอมตะและยันต์อมตะทั้งหลาย

 

นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนยังเห็นร้านขายอุปกรณ์อมตะมากมาย ยังมีร้านขายพวกวัตถุดิบต่างๆ บางชิ้นก็แลดูแปลกตาพิกล และที่น่าสนใจก็คือร้านขายลูกแก้วเงาลอย

 

ร้านขายอุปกรณ์อมตะก็มีอาวุธชุดเกราะให้เลือกซื้อหลากหลายชนิด ร้านวัตถุดิบก็มีทั้งหายากและพบได้ทั่วไป ยังมีวัตถุดิบสำหรับสร้างยันต์อมตะให้เลือกซื้อ กล่าวได้ว่ามีของขายครบวงจร

 

สำหรับร้านขายลูกแก้วเงาลอยนั้น ต้วนหลิงเทียนพอเห็นก็เดาได้ทันทีว่าเป็นลูกแก้วเงาลอยอะไร และหลังจากหยีตามองป้ายแนะนำบั้นชั้นวางลูกแก้ว ก็พบว่ามันเป็นอย่างที่เขาคิดจริงงๆ ลูกแก้วเงาลอยเหล่านี้ล้วนบันทึกการประมือของยอดฝีมือที่ใช้กฏต่างๆ

 

ในระนาบเทวโลก ผู้ที่ขาดประสบการณ์และไร้ผู้ใดชี้แนะ ลูกแก้วเงาลอยก็ไม่ต่างอะไรจากที่พึ่งสำคัญ มันจะช่วยให้ผู้ฝึกตนพบแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเอง ยังช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจทั้งเพิ่มความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏต่างๆ ดังคำกล่าว ศึกษาเองสิบปี มิสู้ชมดูผู้เชี่ยวชาญลงมือหนึ่งครั้ง

 

และเป็นธรรมดาว่าลูกก้อยเหล่านี้ย่อมมีราคาค่างวดไม่น้อย ผู้ที่จะซื้อหาส่วนมากก็จะซื้อหาลูกแก้วที่บันทึกฉากยอดฝีมือที่เข้าใจความลึกซึ้งประการเดียวกับตัว หรือความลึกซึ้งที่มีลักษณะคล้ายๆกันไปศึกษา

 

‘จะว่าไป ในช่วงที่ไม่มีอาวุโสเพลิงเทพโกลาหลช่วยเหลือ สาเหตุหนึ่งที่ช่วยให้ข้าเข้าใจความลึกซึ้งเผาไม้ได้เร็วขึ้น ก็หนีไม่พ้นลูกแก้วเงาลอยที่ที่บันทึกการลงมือของประมุขมา…’

 

การที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งเผาไหม้จนบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้เร็วกว่าที่ตัวเองคาดไว้ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้ลูกแก้วเงาลอยที่ซุนเหลียเผิง ประมุขนิกายอมตะเป้าผู่มอบให้

 

ลูกแก้วเงาลอยนั้นแม้สำหรับขุมพลังระดับต่ำในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วมันจะมีค่าไม่น้อย แต่สำหรับประมุขนิกายอมตะเป้าผู่อย่างซุนเหลียงเผิง มันไม่ได้มีค่าอะไรมากเลย

 

กระทั่งในหอตำราของนิกายอมตะเป้าผู่ ก็มีลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกฉากการลงมือผู้เชี่ยวชาญความลึกซึ้งแทบทุกกฏเก็บไว้

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยนิกายอมตะเป้าผู่มีวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลัระดับราชาธาตุไฟมากที่สุด ทำให้ในหอตำราจะมีลูกแก้วเงาลอยที่ยันทึกฉากยอดฝีมือที่ใช้กฏแห่งไฟมากกว่ากฏอื่น แน่นอนว่าของดีเช่นนี้ย่อมมีผู้คนไปเข้าแถวรอใช้กันมากมาย และถ้าหากไม่ได้ไปต่อแถวรอสักหลายๆวันล่ะก็ เกรงว่าชาตินี้คงไม่ได้ใช้

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็เข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปหอตำราฝ่ายในแล้ว เช่นนั้นเขาจึงไม่คิดไปต่อแถวรอ แต่เลือกจะไปหาซุนเหลียงเผิงโดยตรง

 

และซุนเหลียงเผิงก็ไม่ตระหนี่ถี่เหนียวอะไร มอบลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกฉากยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญกฏแห่งไฟให้ต้วนหลิงเทียนมาศึกษา 12 ลูก

 

และ 9 ในบรรดา 12 ลูก ก็ได้บันทึกฉากยอดฝีมือที่ใช้ความลึกซึ้งเผาไหม้ปะทะกับศัตรูเอาไว้

 

เป็นธรรมดาว่าผู้ที่ใช้ความลึกซึ้งเผาไหม้ที่ว่า ก็ไม่ใช่จะใช้ความลึกซึ้งเผาไหม้อย่างเดียว แต่ยังมีความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏแห่งไฟรวมอยู่ด้วย

 

‘ลูกแก้วเงาลอยที่ประมุขให้มา ยอดฝีมือที่ใช้กฏแห่งไฟส่วนมากมักจะใช้ความลึกซึ้งเผาไหม้ ปะทุ…สำหรับความลึกซึ้งอื่นๆของกฏแห่งไฟค่อนข้างมีน้อย’

 

คุณค่าของลูกแก้วเงาลอยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการลงมือของผู้ที่ถูกบันทึกไว้ ว่าใช้ความลึกซึ้งกี่ประการ แล้วเห็นชัดเจนหรือไม่

 

เช่นเดียวกับลูกแก้วเงาลอยที่ต้วนหลิงเทียนได้มาทั้ง 12 ลูก อันบันทึกฉากยอดฝีมือที่เข้าใจความลึกซึ้งกฏแห่งไฟประมือกับยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญกฏอื่นๆเอาไว้ ที่มีค่าที่สุดก็เห็นจะเป็นลูกแก้วเงาลอยที่ได้บันทึกผู้ใช้กฏแห่งไฟอันเข้าใจความลึกซึ้งได้ถึง 6 ประการเอาไว้!

 

และผู้ที่ถูกบันทึกดังกล่าว ก็คือตัวซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่เอง

 

จึงกล่าวได้ว่าลูกแก้ววเงาลอยที่บันทึกซุนเหลียงเผิงเอาไว้ เป็นลูกแก้วเงาลอยที่มีค่าที่สุดในมือต้วนหลิงเทียน

 

สำหรับลูกแก้วเงาลอยอื่นๆ ยอดฝีมือที่ใช้กฏแห่งไฟที่รองมาก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟแค่ 4 ประการเท่านั้น

 

‘เดี๋ยวไปหาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก่อนแล้วกัน ค่อยย้อนกลับมาร้านขายลูกแก้วเงาลอยนี่ เผื่อจะมีลูกแก้วเงาลอยที่ข้าต้องการ’

 

ต้วนหลิงเทียนทอดสายตามองร้านขายลูกแก้วเงาลอยพลางกล่าวในใจ จากนั้นก็ละสายตากลับมาแล้วเดินต่อ

 

บริเวณใจกลางเมืองฝูซาน ก็มีจัตุรัสอันกว้างขวางใหญ่โต บริเวณขอบจัตุรัสด้านหนึ่ง ก็พบแท่นศิลาสูงราว 10 หมี่ที่เด่นสะดุดตาเป็นอย่างมากตั้งอยู่ และแท่นศิลาดังกล่าวยังสลักอักษร 3 ตัว ที่แลดูงดงามทั้งให้ความรู้สึกน่าเกรงขามประหนึ่งหงส์มังกร

 

อวิ๋นซ่างโหลว!

 

“อวิ๋นซ่างโหลว?”

 

เมื่อเห็นอักษรทั้ง 3 ตัว ต้วนหลิงเทียนก็หยีตาลงทันที

 

เพราะตอนหาข้อมูลในหอตำรา เขาเองก็ได้อ่านเจอบันทึกเรื่องอวิ๋นซ่างโหลวด้วยเช่นกัน และรู้ดีว่ามันเป็นกิจการโรงเตี๊ยมที่พักที่ทางคฤหาสน์เฉวียโฉวเป็นเจ้าของ และยังมีสาขาย่อยมากมายกระจายไปทั่วเขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยว

 

เป็นธรรมดาว่าทุกเมืองที่อยู่ใต้การปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยตรงจะมีอวิ๋นซ่างโหลวเปิดกิจการอยู่

 

‘ดูเหมือนว่าเมืองฝูซานที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายไประนาบเทวโลกต่างๆแห่งนี้ ก็จะอยู่ใต้การปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยตรง’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

ภายในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว เมืองที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังระนาบเทวโลกต่างๆ ก็ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเมืองใต้การปกครองโดยตรงของคฤหาสน์เฉวียนโยวทั้งหมด

 

แต่เมืองที่อยู่ใต้การปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยตรงทั้งหมดนั้น ล้วนมีค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังระนาบเทวโลกอื่นๆตั้งอยู่!

 

ยิ่งไปกว่านั้น มีแต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ภายในเมืองใต้การปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยตรงเท่านั้น ที่กำหนดพิกัดจุดหมายปลายทางได้อย่างจำเพาะเจาะจง

 

ส่วนค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังระนาบเทวโลกต่างๆของเมืองอื่นๆ ที่ไม่ใช่เมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยตรง มันไม่อาจระบุพิกัดได้ แม้จะไปยังระนาบเทวโลกที่ต้องการได้จริง แต่สถานที่ปรากฏตัวจะเป็นแบบสุ่ม…

 

เหตุผลที่ไฉนมันถึงมีความแตกต่างกันมากขนาดนี้ ก็เพราะทางคฤหาสน์เฉวียนโยวต้องการดึงดูดผู้คนให้มาใช้บริการค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เมืองใต้การปกครองโดยตรงของตัวเอง เป็นการเสริมสร้างความมั่งคั่งให้กับเมืองใต้ปกครองของตัวเองโดยตรง

 

‘ข้าก็ว่าแล้วเชียว…หากไม่ใช่เมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองโดยตรงของคฤหาสน์เฉวียนโยว ไฉนมันจะรุ่งเรืองเฟื่องฟูขนาดนี้ได้ ทั้งๆที่มาตั้งอยู่ในสถานที่เปลี่ยวร้างแบบนี้?’

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ขณะเดียวกันสองเท้าก้าวอาดๆไปยังชายขอบจัตุรัสอีกฟาก ที่มีศาลาเปิดตั้งอยู่ข้างๆแท่นศิลาสูง 10 หมี่นั่น

 

และพอต้วนหลิงเทียนไปถึงก็พบว่ามีโต๊ะรับรองว่างอยู่พอดี ผิดกับศาลาเปิดอื่นๆที่มีคนเต็มไปหมด ดูเหมือนโชคเขาจะยังใช้การได้อยู่

 

ด้านหลังโต๊ะรับรองก็ปรากฏสตรีในชุดเครื่องแบบเรียบร้อยแลดูตาหวานคนหนึ่ง พอเห็นต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามานางก็ยิ้มถามอย่างมากอัธยาศัยว่า “คุณชายท่านนี้ มาเพื่อเปิดห้องหรือเจ้าคะ?”

 

“อืม”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนั้นก็แจ้งชื่อตัวเองไป ทั้งไม่ลืมเอ่ยชื่อหลิงเจวี๋ยอวิ๋น

 

ตั้งแต่ที่เห็นป้ายศิลาสลักคำอวิ๋นซ่างโหลว ต้วนหลิงเทียนก็รู้อยู่แล้วว่าศาลาเปิดแห่งนี้เป็นสถานที่ต้อนรับและคอยให้บริการแขกที่จะมาใช้บริการของอวิ๋นซ่างโหลว หากเทียบกับชาติที่แล้วก็เสมือน เคาน์เตอร์ต้อนรับในล็อบบี้ของโรงแรมนั่นล่ะ

 

“คุณชาย…สหายของท่านพักอยู่ที่ ‘ลานเทียนอี’ ของอวิ๋นซ่างโหลวเรา อีกทั้งยังกำชับทางเราไว้แล้วว่าท่านจะมา ยังให้ทางเรารับท่านไปยังลานดังกล่าว”

(ลานฟ้า หมายเลข 1)

 

สตรีที่ดังกล่าวเปิดสมุดจดบนโต๊ะรับรองดูเล็กน้อย ก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียน

 

และพอนางกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่ามีชายวัยกลางคนในชุดสุภาพคนหนึ่งกำลังก้าวมาหาเขาจากไกลๆ ชุดคลุมที่อีกฝ่ายสวมใส่ สมควรเป็นเครื่องแบบพนักงานของอวิ๋นซ่างโหลว

 

“ไปส่งคุณชายท่านนี้ที่ลานเทียนอี”

 

สตรีดังกล่าวหันไปพูดสั่งชายวัยกลางคนที่พึ่งเดินมาถึง

 

ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับคำอย่างเรียบๆร้อยๆ จากนั้นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียน ใบหน้าแลดูทึมทื่อของมันค่อยๆคลี่ยิ้มโง่งมพลางกล่าว “ใต้เท้า เชิญตามข้าน้อยมาทางนี้”

 

พอกล่าวจบคำ ร่างชายวักลางคนก็เหินขึ้นฟ้า นำทางไปทันที

 

“ข้างบนรึ…”

 

ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วเล็กน้อย ค่อเหินร่างติดตามไป

 

‘ลานเทียนอีที่ว่า…สมควรเป็นลานที่พักที่ดีที่สุดของอวิ๋นซ่างโหลว หากจำไม่ผิดดูเหมือนนอกจากลานชั้นเทียนแล้ว อวิ๋นซ่างโหลวก็มีลานชั้นตี้ กับหลานชั้นเหรินอยู่อีก’

(ฟ้า ดิน มนุษย์)

 

‘ลานชั้นเทียนมีราคาแพงที่สุด รองลงมาก็เป็นนลานชั้นตี้ สุดท้ายก็เป็นลานชั้นเหริน…ค่าเข้าพักบานชั้นเทียนหนึ่งวันเหมือนจะเป็น 1,000 ผลึกอมตะระดับสูง’

 

‘พูดได้ว่า หากเข้าพักลานเทียนอีสัก 100 วัน ก็ต้องจ่ายผลึกอมตะระดับสูงหลักแสน…ราคานี้มันสามารถซื้ออาวุธอมตะระดับราชาได้เลย…’

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นเบาๆ เมื่อนึกถึงราคาที่พักของลานชั้นเทียนของอวิ๋นซ่างโหลว ที่เขาเคยอ่านเจอมา

 

แน่นอนว่าราคาดังกล่าวสำหรับเขาในตอนนี้ ก็ไม่ได้แพงมากมายอะไร

 

ไม่ต้องกล่าวถึงทรัพย์สินที่เขาได้มามากมายมหาศาลจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเลย เอาแค่สินสงครามที่เขาได้มาจากนักฆ่าองค์กรกะโหลกเลือดทั้ง 2 เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่าน ก็มากพอให้เขาพักอยู่ในลานชั้นเทียนของอวิ๋นซ่างโหลวหลายปี

 

ก็แค่บ่นไปตามประสา เพราะรู้สึกว่ามันแพงเท่านั้น…

 

‘อย่างไรก็ตามถึงจะแพงไปหน่อย แต่ก็นับว่าคุ้มค่าคุ้มราคาอยู่…ลานชั้นเทียนของอวิ๋นซ่างโหลวอันเป็นกิจการของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น เรียกว่ารับรองความปลอดภัยให้แขกได้อย่างดี แถมยังมีค่ายกลและผู้พิทักษ์อยู่ กระทั่งราชาอมตะ 10 ทิศยังไม่กล้าจะบุกเข้าไปด้วยซ้ำ…เรียกว่าอยู่ที่นี่ก็ปลอดภัยหายห่วง’

 

‘ถึงลานชั้นตี้จะด้อยลงมาหน่อย แต่ก็มีราชาอมตะ 3 ศักดิ์ชนชั้นยอดฝีมือคอยดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามมันไม่มีค่ายกลเหมือนลานชั้นเทียน หากผู้ที่คิดลงมือมีพลังฝีมือเหนือกว่าราชาอมตะ 3 ศักดิ์ และไม่เห็นแก่หน้าคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็สามารถลงมือฆ่าแขกที่เข้าพักได้’

 

‘สำหรับลานชั้นเหรินที่ถูกที่สุด แม้จะมีราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดให้ความคุ้มครอง แต่ก็ไม่ได้มีหน้าที่คอยดูแลชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าพัก มีหน้าที่แค่จับตาดูผู้บุกรุกและคอยแจ้งเรื่องให้ยอดฝีมือมาจัดการและเก็บค่าเสียหายในภายหลังเท่านั้น’

 

 

ต้วนหลิงเทียนที่อ่านเจอข้อมูลของอวิ๋นซ่างโหลวในยันต์อมตะเก็บความทรงจำ ย่อมเข้าใจความแตกต่างของลานที่พักทั้ง 3 รดับของอวิ๋นซ่างโหลวเป็นอย่างดี

 

‘สมแล้วที่ตั้งชื่อว่าอวิ๋นซ่างโหลว สถานที่พักล้วนอยู่เหนือเมฆทั้งสิ้น….’

 

ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างติดตามชายวัยกลางคนมา ก็พบว่าบัดนี้ได้เหินขึ้นมาในระดับความสูงชั้นเมฆแล้ว และยังคงเหินร่างไปต่อจนทะลุชั้นเมฆ

 

พอพ้นแพเมฆขาว เขาก็พบเห็นแพเกาะมากมายลอยอยู่ค้างกลางหาว แพเกาะลอยที่ว่ายังแบ่งออกเป็นระดับชั้นต่างๆ ทั้งสิ้น 3 ระดับ และแต่ละระดับเหมือนจะมีระยะห่างมากกว่าร้อยหมี่

 

ยิ่งชั้นสูงขึ้น จำนวนเกาะลอยก็ยิ่งมีน้อยลง

 

‘เกาะลอยชั้นสูงสุดที่มีจำนวนน้อยกว่าเกาะลอย 2 ชั้น…สมควรเป็นลานชั้นเทียนสินะ’

 

หลังเหินผ่านเมฆขึ้นมาและเห็นแพเกาะที่ลอยอยู่ 3 ระดับชั้น ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที

 

และความจริงก็พิสูจน์ว่าต้วนหลิงเทียนคิดถูก

 

“ใต้เท้า ที่นี่คือลานเทียนอีขอรับ”

 

ชายวัยกลางคนที่พาต้วนหลิงเทียนเหินร่างขึ้นมายังเกาะลอยชั้นสูงสุด ผายมือไปยังเกาะลอยเกาะหนึ่งพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ