“โอสถหยางบริสุทธิ์จักรพรรดิฟู่ซีของเก่อหลิง ระดับหกขั้นสุด! เมืองสงบทักษิณชนะ!”
แม้แต่ตัวชุยถงที่เป็นคนประกาศเองก็ยังดูแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
หากเป็นครั้งเดียวนั้นมันยังจะกล่าวว่าโชคได้
แต่ครั้งที่สองนี้เก่อหลิงก็ยังเอาชนะซัวเฟิงไปได้อย่างขาดลอยขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง! มันย่อมจะไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญใดๆ อีกต่อไป!
ก่อนหน้านี้ชุยถงนั้นเพิ่งจะประกาศออกไปว่าโอสถมหาโมฆะเก้าหม้อของซัวเฟิงนั้นมันมีระดับหกขั้นสูง
คงเรียกได้ว่าซัวเฟิงเองก็ลงมือได้อย่างยอดเยี่ยมกว่าครั้งไหนๆ!
แต่เขาก็ยังแพ้!
ระดับหกขั้นสุดนั้นมันเป็นสุดเขตแดนก่อนถึงระดับเจ็ด เรียกว่ามันอยู่เหนือกว่าระดับของซัวเฟิงไปลิบลับ
เมื่อเก่อหลิงได้เห็นเช่นนั้นเองเขาก็ยังต้องเบิกตากว้างขึ้นมา
เพราะหลังจากศึกแรกไป เขาก็เริ่มจะเข้าใจในคำสอนของเย่หยวนมากขึ้น
การหลอมโอสถในครั้งนี้เองมันจึงสามารถทำได้ตามคำแนะนำมากกว่าเก่า
และผลลัพธ์มันก็ทำให้แม้แต่ตัวคนหลอมอย่างเขาเองยังต้องตกตะลึง
“ชนะอีกแล้ว! มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว!”
“พระเจ้าช่วย มันจะบ้าเกินไปแล้ว! นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองคนหนึ่งนั้นกลับเปลี่ยนหินให้กลายเป็นทองได้ ทำให้อาจารย์เก่อนั้นเก่งกาจขึ้นมาในเวลาอันแสนสั้น”
“ว่าแต่เจ้าหนุ่มคนนี้มันเป็นใครมาจากไหนกัน? ทำไมข้าไม่เห็นเคยเห็นหน้าเห็นตาเขามาก่อน?”
…
จู่ๆ ท่าทางของคนทั้งหลายที่เคยมองเย่หยวนว่าเป็นตัวตลกกลับกลายเป็นตัวตนที่แสนลึกลับไป
เวลานี้ไม่มีใครคิดว่านักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่คนนี้เป็นคนธรรมดาอีกต่อไป
พวกเขาทั้งสามก็ต้องหันมามองเย่หยวนเป็นตาเดียวเช่นกัน
ซูยี่ที่ได้เห็นยิ่งหัวเราะดังลั่นขึ้นมา “ซุนหยุนจิง เจ้าบอกว่าเมื่อกี้บังเอิญหรือ? เช่นนั้นเก่อหลิงนี้จะโชคดีเกินไปแล้วจริงๆ! ฮ่าๆๆ…”
เขานั้นสะใจอย่างไม่อาจอธิบายได้
งานชุมนุมโอสถสวรรค์เก้าเมืองในแต่ละครั้งนั้นเขาย่อมจะเป็นตัวตลกในสายตาเจ้าเมืองคนอื่นๆ แน่นอนว่าซุนหยุนจิงนั้นย่อมจะเป็นคนที่เยาะเย้ยหนักที่สุด
เวลานี้เมื่อได้ตบหน้าเขากลับไปซ้ายขวาเช่นนี้แล้ว มันย่อมจะรู้สึกสะใจเหมือนทาสที่ได้ปลดปล่อย
ความรู้สึกในตอนนี้ของเขาเหมือนว่าบนหลังของเขามีปีกใหญ่งอกออกมา
ได้เห็นใบหน้ายิ้มเย้ยของซูยี่นั้นซุนหยุนจิงก็แทบอยากจะต่อยหน้าอีกฝ่าย แต่เขานั้นได้แต่ต้องทนรับมันไว้!
เก่อหลิงนั้นเก่งกาจขึ้นมาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
เขานั้นไม่อาจจะคิดหาเหตุผลได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร!
“ท่านเจ้าเมือง ขอโอกาสข้าอีกครั้งเถอะ! ครั้งนี้ข้าจะต้องทำให้เก่อหลิงมันนั้นได้รู้ที่ต่ำที่สูงเอง!” ซัวเฟิงนั้นเดินมาหยุดลงตรงหน้าซุนหยุนจิง ดูท่าแล้วเขาคงยังทำใจยอมแพ้ไม่ได้
ซัวเฟิงนั้นเป็นคนจากเมืองสวรรค์ใต้ และปกติย่อมจะดูถูกเก่อหลิงที่เป็นแค่นักหลอมโอสถสวรรค์บ้านนอกมาตลอด
แต่เวลานี้เขากลับถูกคนที่เคยเย้ยหยันนั้นก้าวข้ามหัวไป มีหรือที่เขาจะยอมรับความเจ็บแค้นนี้ไว้ได้ง่ายๆ
แต่ซุนหยุนจิงนั้นย่อมจะไม่ให้โอกาสใดๆ เขาอีก
“ซัวเฟิง เจ้าเองก็ลำบากมากแล้ว ไปพักก่อนเถอะ ที่เหลือให้เจียงหลี่จัดการต่อ” ซุนหยุนจิงตอบกลับไป
“ท่านเจ้าเมือง!” ซัวเฟิงนั้นยังไม่คิดยอมรับ
แต่ในเวลานั้นเองที่เจียงหลี่ได้กล่าวขึ้นมา “ซัวเฟิง เจ้ายังไม่เห็นอีกหรือ? เก่อหลิงนั้นมันพัฒนาไปมากกว่ารอบก่อนมาก! แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กคนนั้นมันทำได้อย่างไร แต่มันย่อมจะมีความสามารถเปลี่ยนหินให้เป็นทองได้จริง! หากข้าเดาไม่ผิดรอบหน้าการหลอมโอสถสวรรค์ของเก่อหลิงมันคงพ้นคอขวดบรรลุขึ้นไปถึงระดับเจ็ดได้แน่! ถึงเวลานั้นเจ้าจะยิ่งมีแต่แพ้หนักขึ้นเท่านั้น!”
ซัวเฟิงนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะเงียบปากลง
เจียงหลี่ตบบ่าของเขาก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ไปพักเถอะ ที่เหลือข้าจัดการต่อเอง”
ซัวเฟิงนั้นลุกไปนั่งที่ตัวเองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ส่วนด้านของการประมูลนั้นโอสถหยางบริสุทธิ์จักรพรรดิฟู่ซีที่เก่อหลิงหลอมขึ้นมานี้ มันมีราคาสูงล้ำไปถึงหกแสนผลึกสวรรค์เป็นราคาที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมี
ในเวลานั้นเองเจียงหลี่ที่นั่งข้างๆ ซุนหยุนจิงได้ลุกขึ้นมา
เมื่อเขาขยับตัวมันย่อมจะทำให้เกิดความแตกตื่นขึ้นรอบๆ
“อาจารย์เจียงหลี่! เขาจะลงสนามแล้ว!”
“อาจารย์เจียงหลี่นั้นเป็นที่รู้จักกันในนามยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองสวรรค์ใต้! ได้ยินว่าแม้แต่เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่บางคนก็ยังไม่เก่งกาจเท่าเขา!”
“ข้าไม่นึกเลยว่าเขานั้นกลับจะถูกเมืองน้ำพองเชิญตัวมาได้ ท่านเจ้าเมืองซุนคงต้องทุ่มงบไปมหาศาลแล้ว”
ได้เห็นเจียงหลี่ลุกขึ้นมาเช่นนี้สีหน้าของซูยี่เองก็เปลี่ยนสีไป
แม้แต่เก่อหลิงนั้นเองก็ยังลุกลี้ลุกลนขึ้นมา
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงความกังวลของคนทั้งหลายจนต้องหันมองดูรอบๆ
“เขาเก่งมากหรือ?” เย่หยวนถามขึ้น
เก่อหลิงนั้นพยักหน้ารับขึ้นทันที “แข็งแกร่งมาก! ข้านั้นไม่อาจจะยกตัวเองไปเทียบกับเขาได้แม้แต่น้อย! เจียงหลี่นั้นเป็นคนที่ถูกขนานนามว่ายอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสวรรค์ใต้ แม้ว่าเขาจะยังเป็นแค่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามแต่ว่าหากวัดกันที่ฝีมือแล้วเขาย่อมจะเก่งกาจกว่าเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ทั้งหลายเสียด้วยซ้ำไป! ข้านึกว่าท่านเจ้าเมืองซุนไปเชิญเขามาเป็นแขกเฉยๆ ไม่นึกเลยว่าเขาจะลงสนามเองเช่นนี้! หากให้พูดแล้วต่อให้เขาจะไปนั่งในตำแหน่งกรรมการนั้นมันก็คงไม่มีใครคิดขัด”
เจียงหลี่นั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงลือลั่นตอนที่เขาไปเข้าร่วมกับเมืองน้ำพองนั้นมันเคยทำให้ทั้งเก้าเมืองสั่นสะเทือนมาก่อน
ไม่มีใครคิดว่ายอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองสวรรค์ใต้นั้นกลับจะออกไปทำงานที่เมืองชายแดนเช่นนี้
แม้ว่าเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามทั้งหลายในที่นี้จะเป็นคนดังของแต่ละเมืองแต่มันก็ยังไม่อาจจะเอาชื่อเสียงนั้นมาเทียบเคียงกับเจียงหลี่ได้
เย่หยวนนั้นพยักหน้ารับ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซัวเฟิงที่ดูโอหังเย่อหยิ่งนั้นกลับจะเงียบปากลงด้วยคำพูดของชายคนนี้
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้คิดใส่ใจใดๆ มากมายเพราะไม่ว่าเจียงหลี่นั้นจะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ไม่มีทางที่เขาจะเก่งกาจไปกว่าชางหยงหนิงแน่
หรือต่อให้เขาจะเก่งกว่าชางหยงหนิงตัวเย่หยวนก็ไม่คิดสนใจเช่นกัน
เพราะชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของเมืองสงบทักษิณนั้นมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
ที่เขาลงไปช่วยเหลือนั้นมันก็แค่เพราะว่าซุนหยุนจิงนั้นกวนประสาทจนทำให้เขาอยากจะสั่งสอนเสียหน่อย
เวลานี้เมื่ออีกฝ่ายหุบปากลงแล้วเย่หยวนก็ย่อมไม่คิดจะทำอะไรให้มากไปกว่านี้
แต่ใครจะไปคิดฝันว่าเจียงหลี่คนนั้นกลับหันหน้ามาหาเย่หยวนและเดินมาหยุดลงด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย เจ้าสนใจจะลงสนามบ้างหรือไม่?”
“ฮือ…” ผู้คนต่างแตกตื่นขึ้นมาในทันที!
“อาจารย์หลี่กลับไปท้าทายนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองหรือ!”
“นี่มันรังแกกันชัดๆ เลยมิใช่หรือ?”
“หากอาจารย์หลี่หลอมโอสถสวรรค์ระดับสองนั้นมันย่อมจะต้องมีคุณภาพไม่ต่ำกว่าระดับเก้าแน่ จะยังแข่งอะไรกัน?”
…
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะดูลึกลับสักเพียงแค่ไหนแต่มันก็ย่อมจะไม่มีทางเทียบเคียงกับเจียงหลี่ได้แน่
เจียงหลี่นั้นมีฝีมือที่มากล้ำ ทุกคนต่างเข้าใจเรื่องนี้กันดี
เย่หยวนนั้นสั่งสอนคนได้แต่เจียงหลี่นั้นเป็นตัวตนที่ชนะนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ได้!
“ไม่สนใจ!” เย่หยวนตอบกลับไป
“หึๆ ดูท่าน้องชายจะรู้จักแต่พูดไม่มีฝีมือจริง เช่นนั้นเจียงผู้นี้คงประเมินเจ้าสูงไปเอง” เจียงหลี่นั้นยิ้มตอบกลับมา
เย่หยวนหันไปมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เจ้าไม่ต้องมาหลอกล่อข้าหรอก ข้าไม่คิดรับคำท้านั้นเพราะว่าเจ้าไม่มีค่าพอจะให้ข้าลงมือ”
“ฮือ!…”
เสียงฮือฮาของคนทั้งหลายดังขึ้นมาอีกครั้ง!
เจ้าหมอนี่มันโอหังจนเกินเยียวยาจริงๆ!
เขาคงไม่ได้รู้เลยใช่หรือไม่ว่าเจียงหลี่นั้นคือใคร?
เจียงหลี่นั้นเองก็เป็นคนที่ใจเย็นไม่น้อยแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยังรู้สึกขุ่นข้องใจขึ้นมาจนได้
“หึๆ เด็กน้อย เจ้าจะประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือไม่? ต่อให้จะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่เองมันก็ยังไม่มีใครกล้าพูดกับข้าเช่นนี้!” เจียงหลี่นั้นกล่าวขึ้นมา
“นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่? หึๆ หากเจ้าคิดอยากจะเห็นฝีมือข้าจริงมันก็ย่อมได้ แต่เจ้านั้นต้องเตรียมใจให้ดีเพราะหากข้าลงมือแล้วเมืองน้ำพองเจ้ามันจะไม่มีโอกาสได้ชนะอีก” เย่หยวนกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มมีนัย
คำพูดของเขานั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยความเย้ยหยัน
ในสายตาของเย่หยวนนั้นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่มันย่อมจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ใดๆ
ในศาลาโอสถนั้นเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ต่างกราบเขาเป็นดั่งอาจารย์สิ้น
เจียงหลี่นั้นหรี่ตาลงตอบ “เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าเตรียมใจพร้อมแล้ว เจียงผู้นี้อยากจะเห็นนักว่าเมืองน้ำพองมันจะไม่มีโอกาสชนะได้อย่างไร!”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องหัวเราะขึ้นมาพร้อมส่ายหัวตอบไป “หากเจ้าอยากจะเห็นนัก ก็ดูให้ดีเถอะ”