“หึ เป็นถึงสมบัติยอดหมอกนั้นข้าย่อมไม่อาจจะจินตนาการถึงพลังมันได้เลย หากข้าคืนมันให้พวกเจ้าไปตอนนี้มันจะต่างอะไรจากกันยื่นคอให้พวกเจ้าตัดทิ้งกันเล่า?” เย่หยวนส่ายหัวออกมา
สิบวันที่เขาเรียกร้องนั้นคือการถ่วงเวลาให้เมืองสวรรค์ใต้ส่งทัพมาช่วย
หากเขาคืนสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกออกไปตอนนี้แล้วอีกฝ่ายกลับคำพูดเข้าบุกโจมตีมันย่อมจะไม่มีทางที่พวกเขาจะรอดไป
องค์ชายมังกรนั้นขมวดคิ้วแน่นกล่าวขึ้น “ไม่ว่าอย่างไรเสียเราก็ไม่มีทางยอมรับข้อเสนอของเจ้าแน่”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ดูท่าเป้าหมายที่แท้จริงของเจ้ามันจะมิใช่แค่การมาเอาสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกคืน! เช่นนั้นแล้วก็ไม่ต้องคุยกัน มาแสดงพลังฝีมือเถอะ!”
พูดจบเย่หยวนก็กระทืบเท้าลงบนผิวน้ำพร้อมปล่อยพลังของค่ายกลยิ่งใหญ่กระจายออกไป
เมื่อเหล่าชาวเผ่าทะเลได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็ต้องพุ่งตัวหนีกันไปคนละทิศละทาง
เวลานี้แม้แต่องค์ชายมังกรนั้นเองก็ยังหน้าซีดขาวลง
เขานั้นจะอย่างไรก็มีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำแน่นอนว่าย่อมจะไม่มีทางป้องกันพิษของเย่หยวนได้!
องค์ชายมังกรได้แต่ต้องกัดฟันแน่นกล่าวขึ้น “จำเรื่องวันนี้เอาไว้ให้ดีแล้วกัน! เราจะถอยให้! แต่เจ้านั้นต้องมาทำพันธะวิญญาณดั่งเดิมกับข้าผู้นี้ หากฝ่ายไหนผิดสัญญาก็ขอให้ฟ้าดินลงโทษมัน!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ย่อมได้!”
…
จากนั้นไม่นานฟ้าฝนมันก็เริ่มจางหายพร้อมระดับน้ำที่ลดต่ำไปลง
บนกำแพงเมืองนั้นคนทั้งหลายได้เห็นทัพเผ่าทะเลค่อยๆ ถอยหายลงทะเลไปกับตา
หวงห่าวหยานที่เดินกลับมาพร้อมเย่หยวนนั้นยังไม่อาจจะทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้และมีสภาพเหมือนคนปัญญาอ่อนก็ไม่ปานในตอนนี้
เขานั้นรอดชีวิตกลับมาได้จริง!
ผลลัพธ์นี้มันเหนือคาดเดาไปมากนัก
เมื่อซูเป่ยหยุนได้เห็นเขานั้นนางก็รีบกระโดดเข้าไปกอดเขาไว้
“ปะ เป่ยหยุน ข้ายังไม่ตายหรือ? หรือว่านี่ข้าฝันไป?” หวงห่าวหยานนั้นกล่าวขึ้นมา
ซูเป่ยหยุนนั้นหยิกเขาลงอย่างแรงพร้อมด้วยน้ำตานองหน้าบนรอยยิ้มกว้าง “ท่านยังไม่ตาย! ท่านไม่ได้ฝันไป! อาจารย์เย่ช่วยชีวิตท่านไว้!”
“อ่า ใช่ๆ! อาจารย์เย่! เป็นเพราะอาจารย์เย่!”
หวงห่าวหยานนั้นสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากสภาพไร้สตินั้นก่อนจะคุกเข่าลงก้มกราบต่อหน้าเย่หยวนทันที “ขอบพระคุณอาจารย์เย่ที่ช่วยเหลือชีวิตน้อยๆ ของข้าไว้!”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “เอาเถอะ เจ้ากลับไปพักเสีย เอาโอสถสวรรค์นิ่งนี้ไปใช้ด้วย”
เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้มันย่อมจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของหวงห่าวหยานไม่น้อย
ตอนนี้เขาขวัญหายจิตใจสั่นกลัวมันอาจจะส่งผลต่อการบ่มเพาะในวันหน้าได้จึงต้องรีบรับการแก้ไขโดยเร็ว
โอสถสวรรค์นิ่งนั้นมันคือหนึ่งในโอสถสวรรค์ที่ดีที่สุดที่จะช่วยทำให้ผู้กินสงบจิตใจลงได้ แน่นอนว่าโอสถสวรรค์นิ่งระดับเก้าขั้นสุดสมบูรณ์นั้นมันย่อมจะทำให้หวงห่าวหยานนั้นกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งแน่
หวงห่าวหยานนั้นรับโอสถสวรรค์นิ่งไปด้วยน้ำตานองหน้าก่อนจะร้องกล่าวขอบคุณไม่ขาดปาก
“อาจารย์เย่นั้นช่างมากฝีมือ! ที่ท่านช่วยไว้นั้นมันมิใช่เพียงแค่หวงห่าวหยานแต่เป็นชีวิตคนทั้งเก้าเมืองนี้! ชุยผู้นี้ขอเป็นตัวแทนพวกเขาทั้งหลายขอบคุณท่านด้วย!”
ชุยถงนั้นก้มหัวลงต่ำต่อหน้าเย่หยวน
เย่หยวนนั้นยิ้มตอบกลับไปอย่างมีนัย “เอ้า ตอนนี้ไม่คิดจะจับข้าไว้แล้วหรือ?”
ชุยถงนั้นได้แต่ต้องตอบกลับมาด้วยใบหน้าสุดอับอาย “อาจารย์เย่โปรดอย่าได้โทษข้าเลย! มันเป็น…”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “ความคิดของเจ้านั้นมันซ่อนจากสายตาข้าไม่ได้หรอก แต่ช่างเถอะ ข้าจะทิ้งความรู้ไว้ในแดนสวรรค์ใต้นี้แน่แต่ข้าจะทำมันอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องของข้า เจ้าอย่าได้สอดมือมายุ่ง เข้าใจหรือไม่?”
เมื่อพวกชุยถงทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ยิ้มกว้างกันขึ้นมาทันที “ชุยผู้นี้เข้าใจแล้ว! เข้าใจอย่างสุดซึ้งแล้ว!”
ในเวลานี้ตัวชุยถงได้แต่ต้องด่าตัวเองที่วางท่าโง่เง่าไปก่อนหน้า
แม้แต่แม่ทัพฉลามดำนั้นยังไม่อาจหยุดเย่หยวนลงได้ มีหรือที่พวกเขาทั้งสามที่มีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นกลางนี้จะไปทำอะไรเย่หยวนได้?
ชุยถงนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจที่สุดท้ายแล้วเขาไม่ได้ลงมืออะไรไป
ไม่เช่นนั้นแล้วเย่หยวนคงไม่คิดทิ้งอะไรเหลือไว้ในแดนสวรรค์ใต้นี้แน่
ชุยถงนั้นเหลือบตาขึ้นมามองพร้อมกล่าว “อาจารย์เย่ ในเมื่อท่านมีวิธีการวางพิษที่รุนแรงเช่นนั้นแล้วสิบวันจากนี้เราจะสามารถลอบจัดการทัพเผ่าทะเลให้สิ้นไปเลยได้หรือไม่?”
เย่หยวนหันกลับมามองด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสชุย ท่านคิดมากเกินไปแล้ว! ทัพเผ่าทะเลนั้นมันมีทหารอยู่กี่ร้อยล้าน? ไม่ว่าพิษข้ามันจะรุนแรงแค่ไหนมันก็ไม่มีทางสังหารพวกมันทั้งหลายนั้นลงได้จนหมดสิ้นแน่!”
เย่หยวนนั้นย่อมเข้าใจความคิดของชุยถง เขานั้นคิดอยากจะใช้โอกาสนี้ตัดกำลังเผ่าทะเลหนามใต้ให้มันราบคาบ
เพียงแค่ว่าก่อนหน้านี้เย่หยวนใช้ยุทธการป้อมเปล่าไปหลอกลวงผู้คน
ไม่ว่าพิษของเขานั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่มันก็ย่อมจะไม่มีทางสังหารภูติแท้เผ่าทะเลทั้งหมดทั้งหลายได้สิ้น
ชุยถงนั้นอ้าปากค้างขึ้นมาเมื่อได้ยิน “ท่าน…ท่านหลอกพวกมัน?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พลังค่ายกลพิษของข้านั้นมันรุนแรงที่สุดในระยะสิบกิโลเมตร! หากนอกเหนือจากระยะนั้นไปแล้วมันก็แทบจะไม่มีผลใด! เจ้าฉลามดำนั้นมันเป็นยอดฝีมือที่มีกำลังไม่น้อยหากเราต้องสู้กันจริงๆ แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะมีเวลาเหลือไปวางพิษทั้งกองทัพได้หรือ? การจะทำเช่นนั้นได้อย่าว่าแต่ข้า ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนลงมาจัดการเองมันก็คงทำไม่ได้เช่นกัน!”
“นี่มัน…เช่นนั้น…”
“อาจารย์เย่ ท่านปั่นหัวพวกมันเล่นแล้ว!”
“อาจารย์เย่ หากท่านพลาดไปก้าวเดียวท่านคงจะได้ตายลงแน่แล้ว! ท่านช่างกล้านัก!”
…
เหล่าเจ้าเมืองทั้งหลายนั้นต่างต้องจ้องมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง
ไม่มีใครคิดฝันว่านอกจากเย่หยวนจะหลอกสายตาองค์ชายมังกรได้แล้วเขายังหลอกสายตายอดฝีมือทั้งเมืองได้ด้วย!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เรื่องนี้มันอาจจะดูอันตรายแต่แท้จริงก็ไม่ได้อันตราย! ใครที่ได้เห็นข้าวางพิษชาวเผ่าทะเลนับล้านเช่นนั้นมันก็ต้องตกตะลึงเป็นธรรมดา และตราบเท่าที่เกิดความกลัวขึ้นในใจแล้วข้าก็ย่อมจะปลอดภัยในทันที อย่างน้อยๆ แม้แต่พวกเจ้าเองก็ยังคิดว่าข้าสามารถสังหารเผ่าทะเลทั้งหลายได้ใช่หรือไม่เล่า?”
พวกชุยถงนั้นต่างผงะไปตามๆ กันเพราะพวกเขานั้นเชื่อเช่นนั้นจริง
ใช่!
เรื่องราวนั้นมันฝังลงไปในจิตใจของพวกเขา
ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นสุดเองมันก็คงไม่มีทางจะสังหารคนนับล้านในระยะสิบกิโลเมตรเช่นนี้ได้!
แต่เย่หยวนทำได้อย่างไม่เสียเหงื่อแม้แต่หยดเดียว!
ในเมื่อเขาทำได้แล้วจิตใจของผู้นี้ทั้งหลายมันก็ย่อมจะเกิดความกลัวว่าเขาย่อมทำได้มากกว่านี้
เผ่าทะเลทั้งหลายนั้นเองก็ต่างกลัวเกรงความตายทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชวงศ์
เพราะฉะนั้นการเจรจาครั้งนี้มันจึงปลอดภัยไม่น้อยเว้นเสียแต่ว่าอีกฝ่ายนั้นจะเป็นสัตว์ไร้สมอง
เวลานี้พวกชุยถงทั้งหลายจึงได้แต่มองดูเย่หยวนด้วยความชื่นชม
นอกจากว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะมากฝีมือทั้งด้านการโอสถและวรยุทธแล้วเขากลับยังมีจิตใจที่หนักแน่นและสมองที่เฉียบแหลมควบคุมทุกสิ่งอย่างไว้ได้
การจะบอกว่ามีหัวเป็นสวรรค์มีตัวเป็นจักรวาลนั้นมันคงไม่เกินไปสำหรับเย่หยวน
คนเช่นนี้มันคือสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง!
…
สิบวันนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทัพเผ่าทะเลนั้นถอยกลับไปรออยู่นอกชายฝั่งและน้ำที่ท่วมมันก็ค่อยๆ กลับสู่สภาพปกติ
สิบวันมานี้ทัพจากเมืองสวรรค์ใต้มันย่อมจะเดินทางมาจนถึงเมืองสงบทักษิณเรียบร้อยแล้ว
แม่ทัพของเมืองสวรรค์ใต้นั้นคือรองเจ้าเมืองสวรรค์ใต้ หนิงกวงเฉิง!
ส่วนเย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสนใจเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงใดๆ
สิบวันมานี้เขาเอาแต่เก็บตัวบ่มเพาะอยู่ภายในห้องส่วนตัว
หลังจากศึกใหญ่นี้ผ่านไปกอปรกับโอสถสวรรค์มากมายที่เขากินพลังบ่มเพาะของเย่หยวนมันก็พุ่งทะยานขึ้นมาจนถึงที่สุดของชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นกลาง
ในเวลาสิบวันที่ผ่านมานี้เขาได้พยายามบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นปลาย
แต่จู่ๆ มันก็กลับเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาในห้องของเขานี้
เย่หยวนนั้นรู้สึกรุ่มร้อนไปทั้งร่าง
“หืม? นี่มัน…”
เย่หยวนนั้นหันกลับมามองดูสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกที่เขาวางไว้ข้างกายอย่างตกตะลึง
ตั้งแต่จบศึกครั้งนั้นไปสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกนั้นก็ถูกเย่หยวนเก็บไว้ดูแลตลอดมา
เขานั้นไม่อาจจะคาดเดามันได้เลยว่ามันคือสิ่งของประเภทใด เพราะมันไม่ได้มีพลังเหนือล้ำอย่างที่สมบัติยอดหมอกควรจะเป็น
ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้เขาจะไม่รู้จักสมบัติยอดหมอกเขาก็คงพอสัมผัสถึงพลังที่เหนือล้ำของมันได้
แต่เจ้าหอยสังข์นี้มันกลับดูไม่ต่างจากหอยสังข์ธรรมดาๆ
แต่ในที่สุดวันนี้มันก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
ที่สำคัญพลังที่เจ้าหอยสังข์นี้ปล่อยออกมามันกลับพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของเขา!
สีหน้าของเย่หยวนเปลี่ยนสีไปก่อนจะค่อยๆ กดดันจิตใจของตนเองให้สงบลง
ภายในห้องของเขานั้นมันมีคลื่นพลังวิญญาณรุนแรงก่อตัวขึ้นมา
พริบตาต่อจากนั้นเย่หยวนก็บรรลุขั้นขึ้นมาถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นปลายทันที!
แต่มันยังไม่หยุดแค่นั้น!
ภายใต้พลังรุนแรงของสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกนี้พลังสายเลือดในกายของเย่หยวนมันกลับค่อยๆ เดือดพล่านขึ้นมา
เวลานี้พลังบ่มเพาะของเขามันพุ่งทะยานขึ้นไปจนถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นสุด!
“ฮี่ๆๆ น่าสนใจจริงๆ! ไม่นึกเลยว่าข้ากลับจะได้มาเจอคนเผ่าเดียวกันที่นี่!” แต่จู่ๆ มันก็กลับเกิดเสียงแหลมเล็กหนึ่งดังลั่นห้องขึ้น
…………………………