มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1498

ช่วงแรกเริ่มหลัวซิวไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะถึงแม้ค่ายกลที่เขาจัดวางโดยไม่คิดอะไรมากก็เป็นถึงค่ายเทพระดับ 6 แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่ค่ายกลขั้นสุดยอดแต่อย่างใด เมื่อมีผู้แข็งแกร่งเจ้านภาลงมือ ทำให้ค่ายกลสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและอาจจะต้านทานได้ไม่นาน

จากการที่ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธรวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง ยังมีคนอีกจำนวนมากบินตรงเข้ามาทางนี้ ลำแสงที่กลายร่างมาจากผู้คนเหมือนดั่งดาวตกที่มีพลังออร่ามหาศาลเคลื่อนผ่านขอบฟ้าไป

ไม่นานนักก็มีผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว หลังจากพบว่ามีค่ายกลจัดวางอยู่บริเวณนี้ ทุกคนจึงลงมือโจมตีพร้อมกัน ในจำนวนผู้แข็งแกร่งทั้งหมด อ่อนสุดก็เป็นเทพฟ้าขั้น 7 อยู่

เนื่องจากพลังออร่าที่มากมายมหาศาลของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ ทำให้นักยุทธ์ที่อยู่ต่ำกว่าเทพฟ้าขั้น 7 ไม่กล้าเข้าใกล้เลยด้วยซ้ำ ถึงแม้จะอยากรู้มาก ๆ แต่ก็กล้ามองมาจากที่ไกล ๆ เท่านั้น

“ทุกคนลงมือโจมตีสุดกำลังสามารถพร้อมกัน ต้องทำลายวิชาห้ามค่ายกลก่อนทัณฑ์สายฟ้าพิโรธผ่าลงมาให้ได้ ดูซิว่าตกลงผู้ที่อยู่ด้านในเป็นผู้ใดกันแน่!”

ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภาขั้นสุดยอดคนหนึ่งตะโกนพูดอย่างเสียงดัง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงทุ่มแรงมากยิ่งขึ้น พลังอมตะและอาวุธสงครามทั้งหลายต่างโจมตีไปทางค่ายกลม่านแสง

ทันทีที่ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธผ่าลงมา มันก็จะทำการโจมตีทุกคนที่อยู่ในขอบเขตบริเวณนี้ เมฆแห่งทัณฑ์สายฟ้าที่อยู่ด้านบนรวมตัวกันมานานมาก ๆ แล้ว พลานุภาพอันน่าสยดสยองที่มากมายมหาศาลสามารถทำให้เจ้านภาขั้นสุดยอดหวาดหวั่นได้เลย ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงลงมือโจมตีสุดชีวิต อยากจบเรื่องทั้งหมดนี้ก่อนทัณฑ์สายฟ้าพิโรธจะผ่าลงมา

ทว่าก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้อย่างผลีผลามเช่นกัน แต่เป็นการยืนอยู่นอกขอบเขตที่ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธแผ่คลุม พวกเขาวางแผนรอให้ทัณฑ์สายฟ้าจบลงก่อน ค่อยลงมืออีกครั้ง

ค่ายกลคุ้มกันในสถานที่แห่งการปิดขังเป็นค่ายกลที่หลัวซิวจัดวางโดยไม่คิดอะไรมากตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ภายใต้การร่วมมือกันโจมตีจากเทพฟ้าสิบกว่าคนและเจ้านภาขั้นสุดยอด ค่ายกลต้านทานได้ไม่นานด้วยซ้ำ ก็ระเบิดแตกกระจายแล้ว

หลังจากทำลายค่ายกลสำเร็จ ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเหล่านักยุทธ์ก็ปรวนแปรไปกะทันหัน ตรงกลางเขาของภูเขาอันรกร้างที่ดูไม่โดดเด่นอะไรในตอนแรก ถูกขุดออกเป็นถ้ำแห่งหนึ่ง ยอดเขาประกอบเป็นระลอกคลื่นรูปทรงกรวยหนึ่งคลื่น ปราณทิพย์ฟ้าดินที่มากมายมหาศาลกำลังรวมตัวกันแล้วไหลเข้าไปในระลอกคลื่นรูปทรงกรวยนั่น

“ช่างเป็นปราณทิพย์ที่มหาศาลเสียจริง ปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ตกลงมีคนกำลังฝึกตนปิดขังหรือเป็นสัญญาณการกำเนิดสมบัติล้ำค่ากันแน่?”

นักยุทธ์สิบกว่าคนแย่งกันบินตรงเข้าไปทางถ้ำที่อยู่ตรงกลางเขา ทุกคนแผ่ตัวสำนึกออกไปอย่างอุกอาจ ก่อนจะสังเกตเห็นหลัวซิวที่กำลังปิดขังบรรลุอยู่ภายในถ้ำอย่างรวดเร็ว

“มีคนฝึกตนอยู่ด้านใน!”

การค้นพบนี้ทำให้แววตาของคนจำนวนมากเป็นประกายขึ้นมา คนดังกล่าวฝึกตนปิดขังและทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน หากสามารถลงมือสังหารเขาขณะที่เขาอยู่ในช่วงเวลาสำคัญแห่งการบรรลุละก็ บางทีพวกเขาอาจจะได้รับโชคที่อยู่บนตัวคนดังกล่าวก็เป็นได้

เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่หาพบได้บ่อยมาก ๆ ในโลกแห่งการฝึกยุทธ์ เพราะฉะนั้นเมื่อนักยุทธ์ส่วนมากฝึกตนปิดขัง ก็จะเลือกสถานที่ที่ปลอดภัย

สัมผัสได้ว่ามีพลังออร่าของคนสิบกว่าคนกำลังเข้าใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าท่าทางของหลัวซิวก็ดูตึงเครียดขึ้นมา แม้ว่าวินาทีนี้ดาราชีวีดวงที่ 7 จะผนึกรวมกันจนถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีแรงต่อต้าน

ชั๊วะ! ชั๊วะ! ……

ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองออกปฏิบัติการพร้อมกัน ในช่วงเวลาที่ร่างแท้ของหลัวซิวปิดขังเพื่อบรรลุระดับขั้นอยู่นั้น ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองก็ดูดซับพลังจากแก้วเทวไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน ผลการฝึกตนต่างมีการบรรลุ

ทั้งสองร่างนี้ การพัฒนาของร่างกลวัฏสงสารที่หนึ่งรวดเร็วมากที่สุด สิ่งที่สะดุดตาคือผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนเทพมารขั้นสูงแล้ว วรยุทธ์ที่ร่างกลวัฏสงสารที่หนึ่งฝึกนั้นคือวรยุทธ์ที่สืบสานต่อกันมาของตระกูลหลี่ในโลกจักรภพ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการฝึกตนหรือความยากในการเลื่อนขั้น ล้วนห่างไกลจากเคล็ดแสงดาวเทียนเต้ามาก ๆ

ส่วนผลการฝึกตนของร่างกลวัฏสงสารที่สองนั้นก็บรรลุถึงเทพฟ้าขั้น 7 แล้ว ถึงแม้ผลการฝึกตนของร่างกลวัฏสงสารทั้งสองจะไม่สูงมากนัก ทว่าศักยภาพความสามารถของร่างแท้และร่างกลวัฏสงสารเชื่อมสัมพันธ์กัน นอกจากทักษะจากพลังจุติมรณะ เคล็ดวิชาจุดลมปราณ รวมไปถึงเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าแล้ว ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองสามารถปลดปล่อยพลังความสามารถทั้งหมดของร่างแท้ออกมาได้