บทที่ 1982 ความเจ้าแผนการของผู้หญิง + ตอนที่ 1983 จุดประสงค์ของการจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1982 ความเจ้าแผนการของผู้หญิง

เพราะเกิดเรื่องเหนือคาดของถานซูฟางทำให้เทศกาลหยวนเซียวไม่สามารถอยู่ร่วมฉลองกับผู้เฒ่าทั้งสองที่เมืองหลวงได้ พวกเหมยเหมยกลับถึงเมืองหลวงก็เลยวันเทศกาลหยวนเซียวมาสองวันแล้ว ไม่นานทางมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมและหลายบริษัทก็เริ่มเปิดทำการ ตามถนนเส้นใหญ่เส้นน้อยกลับมาครึกครื้นเหมือนอย่างเคย

ปีใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว

คุณย่าหยางเห็นหลานชายคนเล็กที่เงียบขรึมไปมากก็รู้สึกแย่จับใจ

แม้ปากเธอมักพูดเสมอว่าอยากให้ถานซูฟางตาย ๆไปเสียแต่พอตอนนี้ตายขึ้นมาจริง ๆเธอกลับไม่ได้มีความสุขนัก ในเมื่อนั่นคือชีวิตของคนทั้งคน

แต่คุณย่าหยางเห็นเหยียนหมิงต๋าไม่ได้โทษเหยียนหมิงซุ่นเลยสบายใจขึ้นมาก ตอนที่ได้รับโทรศัพท์สิ่งที่เธอกังวลใจมากที่สุดก็คือหลานชายคนเล็กจะเกลียดหลายชายคนโตเพราะความตายของถานซูฟางแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์พี่น้องพังทลายลง

ตอนนี้เธอโล่งใจแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นหยิบสมุดบัญชีอออมเงินเล่มหนึ่งจากกระเป๋าออกมายื่นให้เหยียนหมิงต๋า “นี่เงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพของแม่นาย ให้คุณย่าช่วยเก็บไว้ให้นายแล้วกัน”

เหยียนหมิงต๋าเปิดสมุดบัญชี พอเห็นจำนวนเลขบนนั้นก็ตกใจเฮือกใหญ่ “ทำไมเยอะขนาดนี้?”

สองแสนถ้วน!

เงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพในหน่วยกองทัพทหารให้เยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

“ให้นายก็เก็บไว้เถอะ” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาทำให้เหยียนหมิงต๋าไม่กล้าซักไซ้อีกก่อนจะยื่นบัญชีให้คุณย่าหยางรวมถึงเงินจากโรงพยาบาลหนึ่งหมื่นหยวน

คุณย่าหยางเองก็ตกใจกับจำนวนยอดเงินในสมุดบัญชีเช่นกัน เธอเก็บสมุดบัญชีไว้อย่างรอบคอบ “เงินก้อนนี้ย่าจะไม่ใช้เลยแม้แต่แดงเดียว รอหลานแต่งงานมีครอบครัวเมื่อไรแล้วจะเอาให้ไปขอแต่งงานนะ”

เหยียนหมิงต๋าฉีกยิ้มมุมปากอย่างขมขื่น

วันเวลาผ่านพ้นไปจนเหมยเหมยเปิดเทอม อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ และไม่นานก็มาถึงเดือนมีนาคม

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว

งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฉินเซวียนก็มาถึงแล้วเช่นกัน

เหยียนหมิงต๋ากลับค่ายทหารไปแล้ว เขาไม่ได้ใช้วันหยุดครบแต่เลือกจะกลับก่อนล่วงหน้า การตายของถานซูฟางสร้างความสะเทือนใจแก่เขามากไป หลังเสร็จสิ้นงานศพเหยียนหมิงต๋าก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลย

เขากลับไปค่ายทหารก็ดี พอมีอะไรทำก็จะได้ไม่คิดเหลวไหล

ปมความบาดหมางระหว่างเขากับเหยียนหมิงซุ่นทำได้เพียงให้วันเวลาลบล้างมันไปช้า ๆ!

แม้จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่กลับเหน็บหนาวเสียยิ่งกว่าเดือนธันวาคมในช่วงฤดูหนาวเสียอีก อีกทั้งสองวันก่อนเพิ่งจะหิมะตกครั้งใหญ่ไป ตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้นแล้วแต่เหมยเหมยกลับยังรู้สึกหนาวยิ่งกว่าช่วงเดือนธันวาคมเสียอีก

“อากาศนี่ก็แปลกจริง ๆ ถ้าอยู่เมืองจินดอกท้อคงผลิบานหมดแล้ว ฉันคงไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวหนา ๆแบบนี้ด้วย”

เหมยเหมยแต่งชุดกี่เพ้าสีม่วงลายดอกโบตั๋นที่ดูสง่าราศีจับ ทั้งหยิบเสื้อคลุมขนมิงค์ตัวหนาจากตู้เสื้อผ้าออกมา วันนี้เป็นวันฉลองวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฉินเซวียน เธอกับเหยียนหมิงซุ่นต้องไปร่วมงานด้วยกันทั้งคู่

เดิมคิดว่าเดือนมีนาคมเป็นฤดูใบไม้ผลิอากาศจะอุ่นขึ้นแล้ว เหมยเหมยอยากสวมกี่เพ้าตัวงามแล้วเอาผ้าคลุมไหล่บาง ๆคงงดงามมากแน่

เธอได้จ้างคนถักเสื้อคลุมลายดอกให้โดยเฉพาะจะได้ใส่คู่กับชุดกี่เพ้าพอดี ตอนนี้กลับไม่ได้ใส่ จำต้องรออากาศอุ่นขึ้นกว่านี้ค่อยใส่!

ตอนนี้ถึงต้องเปลี่ยนมาใส่เสื้อขนมิงค์แทน

“ไม่รู้ว่าฮีทเตอร์บ้านตระกูลหนิงจะอุ่นพอไหม ไม่งั้นเสื้อคลุมตัวหนานี้ฉันต้องใส่มันตลอดแน่เลย” เหมยเหมยพึมพำเสียงเบา

งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฉินเซวียนจัดขึ้นที่บ้านตัวเองย่อมมีสถานที่กว้างใหญ่มากพอ ต่อให้จัดโต๊ะจีนสักพันโต๊ะก็ไม่มีปัญหา แต่พอสถานที่กว้างขึ้นฮีทเตอร์ก็ทำงานได้ไม่ทัน ถึงเมื่อนั้นหากอากาศเย็นฉ่ำเธอคงต้องสวมเสื้อขนมิงค์นี้ตลอดเวลา

ชุดกี่เพ้าตัวงามข้างในคงไม่มีโอกาสได้อวดโฉมแล้ว

มันน่าเสียดายอยู่บ้างนี่นา!

กี่เพ้าตัวนี้เธอสั่งตัดเพื่ออู่เยวี่ยโดยเฉพาะเลยเพราะกี่เพ้าเป็นชุดที่อวดรูปร่างผู้หญิงได้มากที่สุด ตอนนี้อู่เยวี่ยท้องหกเดือนต้องอ้วนเหมือนหมูตัวหนึ่งแน่ ๆ ถึงเมื่อนั้นเธอจะได้ใส่กี่เพ้าเดินวนตรงหน้าหล่อนสักที

เหอะ เอาให้นางแพศยานี้อกแตกตายไปเลย!

เหยียนหมิงซุ่นมองปราดเดียวก็รู้ทันความคิดของภรรยาตัวเองเลยหลุดขำน้อย ๆ

ความเจ้าแผนการของผู้หญิงนี่มันน่ารักจริง ๆ!

………………………..

ตอนที่ 1983 จุดประสงค์ของการจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด

อู่เยวี่ยในขณะนี้ก็กำลังเปลี่ยนชุดอยู่เช่นกันซึ่งเป็นชุดราตรีที่เฮ่อเหลียนเช่อสั่งคนเอามาให้เป็นชุดกระโปรงยาวสีแดงโชว์ไหล่ กระโปรงเป็นผ้าชั้นดีและสั่งตัดโดยเฉพาะถือว่าสมฐานะคุณนายเฮ่อเหลียนอย่างเธอ

แต่ปัญหาคือ–

ไม่เหมาะกับสภาพอากาศของวันนี้เลยสักนิด

อากาศที่จูบหน่อยลิ้นก็แข็งได้แล้วให้โชว์ไหล่แบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะน้ำเข้าสมองก็จงใจรนหาที่ตายชัด ๆ!

อู่เยวี่ยไม่ได้น้ำเข้าสมองและไม่อยากตาย แต่เธอจำเป็นต้องสวมชุดราตรีนี้แต่โดยดี

เพราะเป็นคำสั่งของเฮ่อเหลียนเช่อ

เธอไม่กล้าขัดขืน

“คุณนาย ร่างกายของคุณนายจะรับไม่ไหวเอานะ” คุณหมอประจำตระกูลสกุลเกา เขากังวลใจอย่างมากและเขาถูกอู่เยวี่ยซื้อตัวไปแล้ว ความงามและเงินทองย่อมเป็นอาวุธชั้นดีในการซื้อใจผู้คนได้เสมอ

อู่เยวี่ยใช้ทั้งสองอย่างแล้วคุณหมอจะหนีไปไหนได้อีกจึงยอมอยู่ใต้อาณัติของอู่เยวี่ยแต่โดยดี อีกทั้งยังจงรักภักดีกับเธอด้วย ในเมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้วความสัมพันธ์ย่อมลึกซึ้งเป็นธรรมดา!

อีกอย่างใช้ชีวิตใต้ชายคาเดียวกันทุกวันก็เหมือนเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงไปแล้ว ขาดเพียงแค่สถานะเท่านั้น

หนิงเฉินเซวียนคงคาดไม่ถึงว่าคุณหมอดูแลครรภ์ที่เขาจัดหามาให้โดยเฉพาะจะผันตัวไปอยู่ฝั่งเดียวกับอู่เยวี่ย และเขาคงคิดไม่ถึงว่าอู่เยวี่ยจะอาจหาญกล้าคบชู้อย่างโจ่งแจ้งภายใต้การจับตามองของเขา

สถานที่ที่อันตรายมากที่สุดย่อมเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด!

ช่างสมเหตุสมผลจริง ๆ!

อู่เยวี่ยกัดฟันแล้วถอดเสื้อต่อหน้าคุณหมอเผยให้เห็นรูปร่างอันอวบอั้นของเธอ ลายสักตั้งแต่ซอกคอยันไหล่ด้านหลังหายไปแล้ว เหลือเพียงนกฟินิกซ์ครึ่งตัวที่เหลืออยู่ตรงหน้าอกราวกับถูกคนเอามีดฟันคอ ดูน่าเกลียดสิ้นดี

เพราะตั้งท้องหน้าอกของอู่เยวี่ยจึงยานลงมากแต่เธอได้ถือโอกาสตอนลบรอยสักให้คุณหมอหาคนมาผ่าเอาหน้าอกปลอม ๆออกไปเลยช่วยลดภาระไปมากทีเดียว ตอนนี้ดูขนาดกำลังพอดีแค่หย่อนยานไปเสียเล็กน้อย

รอยแผลเป็นตรงอกซ้ายยังไม่สมานดีและยังเห็นรอยด้ายสีแดงดำเข้มอย่างชัดเจน ผิวพรรณก่อนลบรอยสักก็ไม่ได้ขาวมากจึงทำให้ดูแล้วสีแตกต่างจากบริเวณอื่น

อู่เยวี่ยมองเรือนร่างตัวเองอย่างรังเกียจ ทานผักต้มเป็นเวลาสองปีถึงได้หุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ตอนนี้กลับพังทลายทุกอย่าง หลังคลอดลูกเธอจะต้องกลับมาหุ่นดีอย่างเดิมให้ได้

คุณหมอเกามองเรือนร่างที่ไม่ได้งดงามของอู่เยวี่ยอย่างหลงใหล เรือนร่างอวบอิ่มที่อู่เยวี่ยรังเกียจแต่กลับเซ็กซี่ยิ่งกว่ามอนโรในสายตาเขา

รสนิยมพิสดารนี้ก็น่างงงวยเสียจริง!

อู่เยวี่ยกระตุกยิ้มมุมปากอย่างได้ใจและค่อยพอใจกับหน้าตาธรรมดาของคุณหมอเกาขึ้นบ้าง เนื่องจากปกติเธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้ในสายตาจึงเติมเต็มความหยิ่งทะนงที่อยู่ในตัวเธอขึ้นมา

ต่อให้เธออู่เยวี่ยหุ่นแย่ลง หน้าตาน่าเกลียดก็สามารถปั่นหัวผู้ชายได้เหมือนเดิมอยู่ดี!

คนแพศยาจ้าวเหมยมีสิทธิ์อะไรมาเทียบกับเธอเล่า?

“ช่วยใส่เสื้อให้ฉันแล้วกัน!” อู่เยวี่ยเชิดปลายคางขึ้นราวกับนางพญาแล้วออกคำสั่งคุณหมอเกา

ต่อให้หนาวแค่ไหนเธอก็ต้องใส่ชุดราตรีชุดนี้อยู่ดี เพื่อให้ทุกคนได้เห็นชัดเต็มสองตาว่าบนตัวคุณนายเฮ่อเหลียนอย่างเธอมีรอยสักหรือไม่และตรงไหปลาร้ามีไฝสีแดงหรือเปล่า!

นี่ต่างหากจุดประสงค์ที่เฮ่อเหลียนเช่อวางแผนทุ่มเทจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดในครั้งนี้!

คุณหมอเกาช่วยรูดซิปให้เธอแล้วมองตรงไหปลาร้าเปลือยเปล่าอย่างเสียดาย ไฝสีแดงที่เขาลุ่มหลงหายไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ!

“คลุมเสื้อคลุมหนา ๆไว้หน่อยระวังอย่าโชว์ไหล่นานเกินไป ทางที่ดีอย่าเกินสามนาที” คุณหมอเกาเตือนด้วยเสียงอ่อนโยนด้วยความกังวลใจมากเช่นเคย

แม้อุณหภูมิในห้องสูงกว่าข้างนอกแต่ก็ยังติดลบอยู่ดี เพราะแขกไปมาขวักไขว่ทำให้ความอุ่นกระจายหายอย่างรวดเร็วและเป็นไปไม่ได้ที่จะมีฮีทเตอร์อยู่ทั่วทุกมุม

“รู้แล้ว คุณไปเรียกช่างแต่งหน้าเข้ามาเถอะ”

อู่เยวี่ยนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งรอให้ช่างแต่งหน้าเข้ามาแต่งหน้าให้ วันนี้จ้าวเหมยก็มาด้วยเธอจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด

……………………