บทที่ 1990 เต่าหัวเขียว + ตอนที่ 1991 ทุกคนย่อมรู้ภาระหน้าที่ตัวเอง

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1990 เต่าหัวเขียว

ทุกคนเองก็ถูกเฮ่อเหลียนชิงจุดประกายความสนใจขึ้นมา ฟังแล้วเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิต หรือว่าจะเป็นม้า?

ความชื่นชอบม้าของหนิงเฉินเซวียนเป็นที่ขึ้นชื่อในเมืองหลวง ปีที่แล้วม้าดี ๆตัวหนึ่งถูกเฮ่อเหลียนชิงตัดหน้าไปก่อนทำเอาหนิงเฉินเซวียนหงุดหงิดไปพักใหญ่ หรือว่าปีนี้เฮ่อเหลียนชิงจะเอาม้าตัวนั้นส่งคืนให้กันนะ?

แต่ทำไมม้าถึงชื่อเจ้าเขียวกันล่ะ?

ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าเฮ่อเหลียนชิงไม่หวังดีอยู่แล้วแต่ยิ่งเขาพูดเช่นนี้คนอื่น ๆก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ ต่างยื่นคอชะเง้อมองตามหลังเสี่ยวเมิ่งอยากรู้ว่าเขาจะเอาของรักอะไรมากันแน่

“ฉันไม่สนใจของขวัญของแก ไม่จำเป็นต้องเอามาหรอก” หนิงเฉินเซวียนที่รู้แผนชั่วร้ายของเฮ่อเหลียนชิงตั้งแต่แรกจึงไม่มีความอยากรู้เลยสักนิดว่าเจ้าเขียวคือตัวอะไร วันนี้อับอายมากพอแล้ว ตอนนี้เขาแค่ต้องการฉลองวันเกิดจนจบงานอย่างเงียบ ๆ ไม่อยากให้มีประเด็นอื่นเกิดขึ้นอีก

เฮ่อเหลียนชิงกล่าวด้วยท่าทีกระตือรือร้น “อย่าสิ นี่ของดีเชียวนะ เป็นของดีที่ร้อยปีกว่าจะเจอที ถ้าไม่ใช่เพราะวันเกิดแกฉันคงทำใจให้คนอื่นไม่ได้หรอกนะ!”

เขาเร่งเสี่ยวเมิ่งอีกที “แกเร็วหน่อย ชักช้ายืดยาดอยู่นั่น”

เสี่ยวเมิ่งปากกระตุกพลางสอดมือเข้ากระเป๋าหยิบกล่องไม้ประดู่ม่วงขนาดใหญ่ออกมา เพียงแต่กล่องนี้ก็ไม่ใช่ของที่จะเห็นได้ทั่วไปจึงทำให้ทุกคนยิ่งคาดหวังกับมันมากขึ้น

หรือว่าเฮ่อเหลียนชิงคิดจะขอคืนดี?

ถึงได้เอาของดีมาแสดงความยินดีในงานเลี้ยงวันเกิดโดยเฉพาะหรือ?

เหมยเหมยที่อยู่โต๊ะข้าง ๆก็แปลกใจไม่แพ้กันเลยถามเหยียนหมิงซุ่นเสียงเบา “พี่รู้ไหมว่าเจ้าเขียวคืออะไร?”

เหยียนหมิงซุ่นส่ายหน้า “ไม่รู้ แต่ต้องไม่ใช่ของดีอะไรแน่”

จากระดับความแค้นล้นฟ้าของพ่อบุญธรรมเขาแล้ว เป็นไปได้หรือที่จะให้ของดี?

ไม่ป่วนจนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินสิแปลก!

เฮ่อเหลียนชิงแย่งกล่องนั้นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะขยิบตาให้หนิงเฉินเซวียนทีหนึ่งแล้วเปิดฝากล่องออกมาอย่างไม่ลังเล เผยให้เห็นของดีข้างใน…

“ซี๊ด”

คนที่เห็นของข้างในชัดเจนต่างสูดปากกันอย่างพร้อมเพรียงแล้วก้มหน้าทานข้าวต่ออย่างรวดเร็ว ยุ่งเรื่องคนอื่นให้น้อย ๆหน่อย เรื่องทานข้าวถือเป็นเรื่องใหญ่

ที่แท้เจ้าเขียวของดีที่เฮ่อเหลียนชิงพูดถึงกลับเป็นเต่าหัวเขียวขนาดใหญ่เท่าถ้วยหนึ่งใบ บนตัวมีขนสีเขียวเข้มยาวสยายขึ้นเต็มไปหมด หากมองไกล ๆจะเห็นเหมือนก้อนเมฆสีเขียว

เต่าหัวเขียวเป็นหนึ่งในสี่ชนิดของเต่าสุดประหลาดในประเทศจีน เฮ่อเหลียนชิงเองก็พูดไม่ผิด เต่าหัวเขียวขนาดใหญ่แบบนี้เป็นของดีที่ร้อยปีถึงจะเจอหนหนึ่ง แต่ว่า–

การมอบของขวัญในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดแบบนี้ อีกทั้งช่วงก่อนหน้านี้เพิ่งก่อเรื่องใหญ่โตไป ไม่ว่าใครคงไม่มีทางเชื่อเฮ่อเหลียนชิงว่าแค่ต้องการมอบเต่าหัวเขียวเป็นของขวัญด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์หรอก

เต่าเป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุที่ยืนยาว แถมยังเป็นเต่าหัวเขียวเสียด้วย…

จิ๊ ๆ!

เฮ่อเหลียนชิงเลื่อนกล่องไปตรงหน้าหนิงเฉินเซวียนพร้อมทำหน้าจริงใจ “เหล่าหนิง เรารู้จักกันมาหลายสิบปี ตอนนี้ผ่านไปครึ่งชีวิตแล้ว อย่าไปคิดถึงเรื่องความแค้นในอดีตเลย เต่าตัวนี้แกรับเอาไว้ก็ถือว่าเราคืนดีกันแล้ว”

คนอื่นทำหน้าตกใจลอบด่าเฮ่อเหลียนชิงที่ใช้แผนการสุดแสนจะร้ายกาจ

หากรับเต่าหัวเขียวนี้ไว้หนิงเฉินเซวียนจะกลายเป็นคนตลกของคนทั้งเมืองหลวง แต่ถ้าไม่รับไว้ก็จะสะท้อนให้เห็นว่าเขาเป็นคนใจคับแคบ ไม่ว่าจะเลือกทางใดเฮ่อเหลียนชิงก็ได้เปรียบกว่าเห็น ๆ

เฮ่อเหลียนเช่อมาแล้ว เมื่อครู่เขาไปดูอู่เยวี่ยพลางให้คุณหมอช่วยตรวจเช็กร่างกายให้เธอหน่อยซึ่งดูอาการไม่สู้ดีนักเนื่องจากทนหนาวเป็นเวลานานเลยเป็นไข้

คนท้องไข้ขึ้นไม่ใช่เรื่องดี เฮ่อเหลียนเช่อให้คุณหมอพยายามรักษาเด็กในท้องไว้ให้ได้ หลังจากพูดสั่งทิ้งท้ายเสร็จถึงออกมารับแขก ทันทีที่ออกมาก็เห็นเต่าหัวเขียวที่เฮ่อเหลียนชิงวางไว้บนโต๊ะพลันก็บันดาลโทสะ

“ไอ้แก่พวกแกทั้งครอบครัวจงใจมาป่วนงานสินะ เต่าหัวเขียวนี่แกเก็บไว้ใช้เองเถอะ”

เฮ่อเหลียนเช่อคว้าเต่าหัวเขียวขึ้นแล้วเขวี้ยงใส่พื้นอย่างแรงด้วยความขุ่นเคือง เต่าที่น่าสงสารตกใจรีบหดคอเข้ากระดอกแล้วกลิ้งบนพื้นหลายตลบจนขนสีเขียวร่วงตามรายทาง….

……………………..

ตอนที่ 1991 ทุกคนย่อมรู้ภาระหน้าที่ตัวเอง

เต่าเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาให้เห็นว่าเป็นเพียงเต่าธรรมดาที่ซื้อได้ตัวละหยวนตามท้องตลาดมากมาย

ส่วนขนยาวสีเขียวเข้มนั่นกลับเป็นการเอาขนสีเดียวกันมาติดให้ ตอนเขวี้ยงเฮ่อเหลียนเช่อใช้แรงไม่น้อยทำให้ขนพวกนั้นหลุดร่วงจนหมด

เหมยเหมยรีบเอามือปิดปากไว้พร้อมอาการไหล่สั่น เฮ่อเหลียนชิงช่างคิดเสียจริง…

ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นสมบัติหายากร้อยปีที่ใช้เวลาตั้งสองเดือนกว่าจะหาเจอ เอาหน้าจากไหนมาพูดกัน!

แต่…สะใจจริง ๆ!

“โอ้ย…วัยรุ่นขี้โมโหจริง เต่ามันหาเรื่องอะไรแกหรือไง? น่าสงสาร…”

เฮ่อเหลียนชิงสั่งให้เสี่ยวเมิ่งที่ตื่นตระหนกตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างเก็บเต่าขึ้นมาไว้บนฝ่ามือ ลูบปลอบทำเป็นไม่เห็นเฮ่อเหลียนเช่อ

เหยียนหมิงซุ่นดึงตัวเหมยเหมยที่ยังแอบขำขึ้นมาแล้วถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่ง พลางเอ่ยเสียงเบา “นิ่งไว้”

เหมยเหมยรีบหุบยิ้มกลั้นขำพลันทำท่าเจี๋ยมเจี้ยมยิ่งกว่าใคร

เหยียนหมิงซุ่นลูบหน้าเธออย่างพึงพอใจแล้วเดินไปหาเฮ่อเหลียนชิง “พ่อครับ นี่ก็ดึกแล้ว เราควรกลับบ้านได้แล้วครับ”

ป่วนงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดคนอื่นพังไม่เป็นท่า แล้วจะอยู่ต่อให้เขาซ้อมหรือไงเล่า?

เฮ่อเหลียนชิงแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งแล้วกวักมือเรียกเสี่ยวเมิ่ง “รีบเข็นฉันกลับเลย หนาวจะตายอยู่แล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มให้สองพ่อลูกตระกูลหนิงที่ยืนทำหน้าถมึงทึง “รบกวนแล้ว ขอให้คุณท่านหนิงมีโชคมีลาภ อายุยืนยาว ขอตัวก่อน!”

“ช้าก่อน!”

เฮ่อเหลียนเช่อเรียกเขาไว้แล้วชี้นิ้วใส่เหมยเหมยด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ภรรยาของฉันเป็นไข้เพราะผู้หญิงของแกทำน้ำหกใส่ บัญชีนี้ควรสะสางอย่างไร?”

เหตุที่อู่เยวี่ยเป็นไข้แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะน้ำชาร้อนของเหมยเหมยแต่เพราะอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานานถึงเป็นหวัด แต่ความผิดนี้เฮ่อเหลียนเช่อต้องหาทางโยนให้คนอื่นแทน

เหมยเหมยลอบดีใจ อู่เยวี่ยเป็นไข้หรือ?

ฟ้าช่างมีตา!

“คุณชายเช่ออย่ามาใส่ร้ายคนดีกันง่าย ๆแบบนี้สิ ฉันไม่ระวังตัวถึงได้ทำชาร้อนหกใส่ภรรยาคุณ แต่ตอนนั้นฉันก็รีบเช็ดให้ทันทีใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำแล้วจะหนาวนานสักแค่ไหนเชียว? อีกอย่างถ้าโอหยางซานซานต้านหนาวไม่ได้ทำไมวันอากาศหนาวจัดแบบนี้ถึงใส่ชุดโชว์หน้าอกโชว์ไหล่ล่ะ ถ้าใส่เสื้อผ้ามิดชิดหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้วนี่”

เหมยเหมยไม่ยอมเป็นแพะรับบาปนี้หรอกจึงทำการโต้กลับไปอย่างไม่ลังเล

เฮ่อเหลียนชิงได้ยินเข้าก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการหาเรื่องพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไว เอ่ยเสียงแหลมสูง “นั่นน่ะสิ ลมหนาวของฤดูใบไม้ผลิหนาวยิ่งกว่าอากาศของเดือนธันวาคมด้วยซ้ำ คนอื่นเขามีแต่อยากจะห่อตัวด้วยผ้านวมออกจากบ้านแต่ลูกสะใภ้ของตาแก่หนิงสมองไม่ปกติ แทบจะเปลื้องผ้าออกจากบ้านอยู่แล้ว ทั้ง ๆที่กำลังท้องอยู่แล้วยังไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัวอีก เหอะ…”

หนิงเฉินเซวียนหน้าขรึมกล่าวด้วยเสียงเย็นยะเยือก “แต่จ้าวเหมยทำน้ำหกใส่ลูกสะใภ้ฉันเป็นเรื่องจริง เฮ่อเหลียนชิงแกคิดจะปฏิเสธเหรอ?”

“ความจริงก็คือความจริง ถึงจะไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรมากแต่ยังไงซะก็เป็นเด็กบ้านฉันไม่รู้ความนี่นา เอาอย่างนี้แล้วกันไว้กลับไปฉันจะสั่งสอนเด็กคนนี้เอง ค่ารักษาของพวกแกฉันจะรับผิดชอบทั้งหมด แบบนี้คงได้แล้วสินะ?”

เฮ่อเหลียนชิงทำหน้าเหมือนว่า ‘ฉันใจกว้างมากจะไม่ถือสาแล้วกัน’ ทำเอาสองพ่อลูกหนิงเฉินเซวียนคันปากยุบยิบ นึกอยากจะจัดการมันให้ตาย ๆไปเสีย

“ถ้าเด็กเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยจ้าวเหมยไปแน่” เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือกราวกับเสียงของซาตานจากแดนนรก

เหมยเหมยตกใจสะดุ้งเฮือกแล้วขยับตัวใกล้เหยียนหมิงซุ่นอีกหน่อย

เหยียนหมิงซุ่นกระชับกอดเธอแน่นแล้วแค่นหัวเราะให้เฮ่อเหลียนเช่อ แม้เสียงไม่ดังมากแต่กลับดังพอให้แขกในที่นี้ได้ยินกันถ้วนหน้า

“คุณชายเช่อพูดแบบนี้ก็ไม่มีเหตุผลสิ แน่นอนว่าเราหวังว่าลูกของนายจะแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ต่อให้เป็นลูกของชาวบ้านทั่วไปก็ยังยากจะรอดพ้นจากมันได้ แล้วนี่ยังเป็นลูกของนายอีก? ความผิดนี้เหมยเหมยของฉันรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ และจะไม่ยอมรับด้วย”

เฮ่อเหลียนชิงปรบมือหัวเราะเสียงดัง “หมิงซุ่นพูดถูก ทุกคนย่อมรู้หน้าที่ภาระตัวเองดี คนบ้านเราไม่ชอบเป็นแพะรับบาปหรอกนะ กลับ!”

………………………..