เสี่ยวอิ๋นโกรธจนกัดฟันจวนจะหัก พูดว่า “เทพธิดารั่วอู่ ข้าจะไปเรียกเสี่ยวเทียน พวกเราร่วมมือกันสังหารพวกสารเลวนั่นเสียเป็นอย่างไร”

รั่วอู่ส่ายหน้า “อย่างไรก็รอหลินสวินตัดสินใจดีกว่า ข้าสงสัยว่าพื้นที่รอบหุบเหวใหญ่นั่นถูกกางแหฟ้าตาข่ายดินไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่อาจใจร้อนวู่วาม”

เสี่ยวอิ๋นขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็ทอดถอนใจกล่าว “ช่างเถิด ได้แต่อดทนรอไปก่อนเท่านั้นแล้ว”

อันที่จริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอสังหารภายในใจของเทพธิดารั่วอู่ในขณะนี้แทบจะควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว!

ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ฝืนข่มโทสะเอาไว้ ย้อนกลับไปที่แดนลับวังใต้ดิน

……

นอกหุบเหวใหญ่

เล่อเซวี่ยซิวกล่าวเรียบๆ “ในเมื่อเซวี่ยชิงอีบอกให้พวกเราต้องสังหารคู่สุนัขชายหญิงนั่นให้ได้ไม่ว่าต้องทำอย่างไร เช่นนั้นในระหว่างนี้ พวกเราก็ได้แต่เฝ้ารอที่นี่เท่านั้น”

มกุฎอริยะอีกหกคนที่เหลือย่อมไม่มีข้อคิดเห็น

“แต่ถ้าพวกเขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในนั้นไม่ยอมออกมาจะทำอย่างไร”

มีคนถาม

“เช่นนั้นก็ใช้ศพแพะสองขามาถมหุบเหวนี้ให้เรียบ”

เล่อเซวี่ยซิวพูดเสียงเรียบ “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะยังนิ่งเฉยอยู่ได้”

กล่าวถึงตรงนี้เขาก็ออกคำสั่ง “กระจายคำสั่งข้าออกไป แพะสองขาที่จับได้ในโลกมารโลหิตต่อจากนี้ไปให้ส่งมาที่นี่ทั้งหมด”

“ขอรับ!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าผึ้งมารลายดำคนหนึ่งรับคำสั่งแล้วออกไป

“นอกจากนี้พวกเราเองก็ต้องเตรียมพร้อมด้วยส่วนหนึ่ง อย่างเช่นวางค่ายกลใหญ่ในพื้นที่แห่งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน”

เล่อเซวี่ยซิวแค่นเสียงเย็น “แล้วก็สั่งการผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าให้ปิดผนึกป่าหลอมจิตเอาไว้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกร้ายกาจจากดินแดนรกร้างโบราณโผล่เข้ามาช่วย”

ทุกคนต่างพยักหน้า เริ่มเคลื่อนไหว

เซวี่ยชิงอีออกคำสั่งจับตายลงมา คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสังหารชายหญิงคู่นั้นให้ได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจเมินเฉย

เซวี่ยชิงอีอาจจะยังไม่บรรลุอริยะ แต่ในโลกมารโลหิต เขาก็คือผู้นำ มีวาจาสิทธิ์เด็ดขาด

“ข้ามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง หากครั้งนี้สามารถฆ่าสุนัขชายหญิงคู่นี้ได้ นั่นย่อมสร้างแรงโจมตีที่รุนแรงให้ฝั่งดินแดนรกร้างโบราณได้อย่างแน่นอน!”

นัยน์ตาเล่อเซวี่ยซิวมีไอสังหารพลุ่งพล่าน

คนอื่นๆ ต่างเห็นด้วยอย่างที่สุด

ดินแดนรกร้างโบราณเสื่อมโทรมมานานเกินไป พวกคนรุ่นเยาว์ที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎก็เป็นแค่คนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น

บุคคลชั้นนำอย่างพวกหลินสวิน รั่วอู่ ต้องเป็นคนสำคัญระดับผู้นำในดินแดนรกร้างโบราณแน่

ถ้าพวกเขาตาย ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณก็อาจกลายเป็นฝูงมังกรไร้หัว!

……

ในป่ากว้าง เหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณกำลังหนีอุตลุด แต่ละคนล้วนสีหน้าแตกตื่น

ด้านหลังพวกเขาผู้แข็งแกร่งเผ่าเหยี่ยวมารเหินกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ล่า ท่วงท่าสบายๆ มุมปากยกโค้งอำมหิต

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

การต่อสู้ก็ปะทุขึ้น ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นประสบการโจมตีรอบด้าน มีคนตายในการต่อสู้เจ็ดคน อีกสิบสามคนที่เหลือถูกจับตัว

“เก็บนางคนนี้ไว้ ข้าต้องระบายอารมณ์ซะก่อน”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าเหยี่ยวมารเหินคนหนึ่งที่นำขบวนมองไปทางหญิงสาวหน้าตาสะสวย ทรวดทรงอ้อนแอ้นคนหนึ่งด้วยสายตามาดร้าย สาวเท้าก้าวยาวๆ เดินเข้าไป

ไม่ทันไรเสียงกรีดร้องแหลมด้วยความเดือดดาลขมขื่นก็ดังก้องในป่ากว้าง

หญิงสาวขัดขืนไม่คิดชีวิต

เผ่าเหยี่ยวมารเหินพวกนั้นหัวเราะผสมโรง

……

ตูม!

เหนือทะเลสาบการต่อสู้ดุเดือดปะทุขึ้น

ไม่ทันไรอริยะดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งถูกลากตัวออกจากก้นทะเลสาบ ถลาลงบนพื้นเหมือนหมาตาย

“ไม่ผิด ในที่สุดก็รวบปลาตัวใหญ่เอาไว้ได้”

อริยะดินแดนโบราณมารโลหิตหลายคนที่ลงมือต่างเผยรอยยิ้มพึงพอใจ

“ขังปลาตัวใหญ่ตัวนี้ไว้ แล้วส่งไปที่ป่าหลอมจิต”

อริยะคนหนึ่งกล่าวสั่งการ

จากนั้นก็มีคนยืนขึ้นมา ล่ามโซ่รวบหัวอริยะดินแดนรกร้างโบราณเอาไว้ ลากตามพื้นมุ่งหน้าห้อตะบึงไกลออกไปเหมือนจูงสุนัขไม่มีผิด

……

“คนตายพวกนั้นจะทิ้งเสียเปล่าไม่ได้ เก็บรวบรวมกะโหลกพวกมันไว้ เมืองอารักษ์มรรคของพวกเราจะขยายกว้างใหญ่ในภายหน้า กะโหลกพวกนี้ก็คือวัสดุชั้นดีในการสร้างกำแพงเมือง”

บนที่ราบรกร้างสีเลือดทั้งแถบ ชายหนุ่มเงาร่างผอมสูงคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบที่ซากศพนอนเกลื่อน เอ่ยปากราบเรียบ

จากนั้นผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเคลื่อนไหว เก็บหัวของศพบนพื้นขึ้นมาทีละหัว ราวกับกำลังรวบรวมเลือดเนื้อของสัตว์ มือไม้คล่องแคล่ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำแบบนี้

……

ภาพเหตุการณ์เช่นนี้กำลังเกิดขึ้นตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งโลกมารโลหิต

ภายใต้คำสั่งของเซวี่ยชิงอี ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตล้วนเริ่มให้ความร่วมมือการเคลื่อนไหวของพวกเล่อเซวี่ยซิวเต็มที่ ดำเนินการจับกุมผู้แข็งแกร่งจากดินแดนรกร้างโบราณ

การต่อต้านล้วนเสียเปล่า

ภาพเหตุการณ์อันนองเลือด โหดร้าย รุนแรงมากมายล้วนดำเนินอย่างต่อเนื่อง

ผิดบาปและหยาบช้าเกี่ยวประสานกัน

……

เพียงสามวันสั้นๆ ก็มีผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณถูกจับตัวหลายร้อยคน ถูกส่งไปยังบริเวณหุบเหวใหญ่ในส่วนลึกของป่าหลอมจิต

ในนั้นยังมีอริยะรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง!

ในดินแดนรกร้างโบราณ อริยะเหล่านี้ล้วนเป็นพวกยิ่งใหญ่คับฟ้า บารมีสะท้านฝั่งหนึ่ง ได้รับความเคารพยำเกรงจากผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน

แต่ตอนนี้แต่ละคนล้วนหมดสภาพ บาดแผลเต็มตัว อนาถหาใดเปรียบ ตกอยู่ในสภาพถูกคุมขัง

เล่อเซวี่ยซิวสีหน้าเลือดเย็น ไม่แม้แต่จะมอง เงื้อมือขึ้นกวาดลงมา

ปังๆๆ!

เสียงแตกระเบิดน่าสะพรึงดังระลอกหนึ่ง จากนั้นก็เห็นผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณหนึ่งร้อยคนถูกสังหาร ตายอนาถคาที่

และเลือดเนื้อของพวกเขาก็ล้วนถูกพัดม้วนโยนลงไปในหุบเหว

มองจากไกลๆ ก็เหมือนฝนเลือดเนื้อห่าใหญ่ระลอกหนึ่งอยู่เหนือหุบเหว กลิ่นคาวเลือดนั้นครอบฟ้าคลุมดินพาให้ผู้คนสะอิดสะเอียน

ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนอื่นๆ ที่ถูกจับ เห็นเช่นนี้ก็ตกใจจนสั่นเทิ้มทั่วร่าง คนไม่น้อยต่างเข่าอ่อนทรุดตัวลงกับพื้น

มีคนสบถด่าสาปแช่ง มีคนกรีดร้องโกรธกรุ่นฉุนเฉียว มีคนร้องฟูมฟายอ้อนวอนขอความเมตตา…

แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีความกล้าเผชิญหน้ากับความตายอย่างองอาจ และใช่ว่าทุกคนล้วนใจเด็ดหนักแน่น เรื่องอ้อนวอนขอความเมตตาต่อผู้แข็งแกร่งต่างดินแดนก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเปลืองแรงเปล่า

มกุฎอริยะเจ็ดคนอย่างพวกเล่อเซวี่ยซิวต่างไม่แยแสตั้งแต่ต้นจนจบ

สำหรับพวกเขาแล้ว ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน ไม่เช่นนั้นจะถูกเรียกว่า ‘แพะสองขา’ ได้อย่างไร

กระทั่งสุดท้ายเล่อเซวี่ยซิวถึงได้ส่งเสียง “นี่คือเลือดเนื้อของแพะสองขาร้อยคน หากพวกเจ้ายังทนได้อีก ครั้งหน้าแพะสองขาที่ต้องตายเพราะพวกเจ้าจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้”

เสียงเลือดเย็นก้องสะท้อนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

และลอยลงสู่เบื้องล่างหุบเหวลึกด้วยเช่นกัน

“มาอีกแล้ว!”

เสี่ยวอิ๋นแค้นจนใบหน้าเล็กเปี่ยมด้วยไอสังหาร จวนจะระงับโทสะไม่ไหว

“หากเจ้าพรวดพราดออกไปก็ติดกับพวกมันทันที”

รั่วอู่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ฝืนระงับเพลิงโทสะภายในใจเอาไว้กล่าวว่า “จำไว้ ก่อนที่หลินสวินจะตื่นขึ้นมา อย่าได้ทำอะไรตามอำเภอใจ”

กล่าวจบนางก็นั่งขัดสมาธิ ละทิ้งการรับรู้ นั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบ

นางกลัวว่าหากฟังต่อไป ตนจะอดไม่ไหวลงมือเสียก่อน

เสี่ยวอิ๋นสีหน้าเขียวคล้ำ วูบไหวไม่นิ่ง แต่สุดท้ายก็ยังคงอดกลั้นไว้ ซัดหมัดกระแทกใส่พื้นอย่างรุนแรง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “แค้นนี้ต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า!”

ไกลออกไปหลินสวินนั่งนิ่งไม่ไหวติง เงียบสงบไร้สุ้มเสียง หลายวันมานี้เขาอยู่ในท่าแบบนี้มาตลอด เหมือนโขดหินก้อนหนึ่ง

เวลาเคลื่อนคล้อย โดยไม่ทันรู้ตัวเวลาหนึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไปแล้ว

ในช่วงเวลานี้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกสังหารด้วยวิธีโหดเหี้ยมอำมหิตไม่ขาดสาย ซากศพและเลือดเนื้อถูกโยนลงไปในหุบเหว

เล่อเซวี่ยซิวต้องการใช้วิธีนองเลือด โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้บีบให้หลินสวินและรั่วอู่ออกมา

แต่จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เป็นไปตามปรารถนา

ส่วนศพที่โยนลงไปในหุบเหวลึกก็มีมากถึงหลายพันศพ ในนั้นมีผู้สืบทอดของสำนักใหญ่ในดินแดนรกร้างโบราณ มีผู้แข็งแกร่งที่ถูกมองว่าเป็นหงส์มังกรในหมู่ผู้คน มีผู้กล้าหญิงที่บุคลิกโดดเด่น…

และมีอริยะที่เคยทรงอิทธิพลอยู่ด้วย

แต่ไม่ว่าใคร จุดจบล้วนไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน หลังจากถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดก็โยนศพทิ้งลงไปในเหว!

ช่วงเวลาหนึ่งเดือน รอบบริเวณหุบเหวทิ้งกลิ่นคาวเลือดที่ไม่อาจลบล้าง ทพเอาห้วงอากาศล้วนย้อมด้วยสีแดงฉาน

หากบนโลกนี้มีกรรมตามสนองอยู่จริง เกรงว่าพวกเล่อเซวี่ยซิวคงประสบเคราะห์ไปนานแล้ว

น่าเสียดาย กรรมตามสนองที่พูดกันเป็นแค่ความคิดเพ้อฝันของผู้อ่อนแอเท่านั้น!

ในสมรภูมิเก้าดินแดน การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนแต่ละครั้งก็มีศพหลายแสนฝังอยู่ที่นี่ เลือดนองเป็นสายน้ำเสมอ

และสำหรับพวกเล่อเซวี่ยซิว พวกที่ตายล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกใดๆ อยู่แล้ว

“มั่นใจได้ว่ารั่วอู่นั่นต้องบาดเจ็บลึกถึงฐานมหามรรคแน่ ไม่น่าเป็นภัยแล้ว”

ชายหนุ่มชุดเขียวคนหนึ่งสีหน้ามืดทะมึน “มีแต่หลินสวินนั่นที่ทำให้คนมองไม่ทะลุ ยังไม่บรรลุอริยะก็มีความสามารถในฆ่าอริยะแล้ว ถ้าเขาบรรลุอริยะขึ้นมา นั่นจะไม่ยิ่งแย่หรือ”

“ฮ่าๆ เจ้าคงไม่ได้คิดว่าเจ้าหมอนั่นจะบรรลุมกุฎอริยะที่ใต้หุบเหวลึกนี่ได้หรอกกระมัง”

เล่อเซวี่ยซิวหัวเราะเยาะ

“เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่ ต่อให้เป็นรากฐานพลังของเซวี่ยชิงอี ก็ยังได้แต่มุ่งหน้าไปแดนลับนรกโลกันตร์ เสาะหาวาสนาในการบรรลุมกุฎอริยะเท่านั้น”

“เจ้าตัวจ้อยนี่ถูกขังอยู่ที่นี่ ย่อมพลาดโอกาสเข้าสู่แดนลับนรกโลกันตร์อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะไร้วาสนาต่อการบรรลุมกุฎอริยะอย่างแน่นอนเช่นกัน!”

กล่าวถึงตอนสุดท้าย เล่อเซวี่ยซิวก็อดแค่นหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

“ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะซ่อนตัวอยู่ใต้หุบเหวรอให้พวกเราอับจนหนทาง แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เขาสูญเสียไปก็คือโอกาสในการบรรลุมกุฎอริยะ เป็นเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว!”

มกุฎอริยะคนอื่นขบคิดครู่หนึ่ง ต่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง

ต่อให้ยังฆ่าเจ้าหมอนั่นให้ตายตอนนี้ไม่ได้ แต่การกักขังเขาไว้ที่นี่ทำให้เขาพลาดโอกาสการบรรลุมกุฎอริยะ นี่ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่ายิ่งเช่นกัน

ควรรู้ว่าเจ้าหมอนั่นเป็นถึงพวกระดับผู้นำชั้นยอดคนหนึ่ง หากกลายเป็นมกุฎอริยะ นั่นจะน่าสะพรึงปานใด

และตอนนี้ทุกอย่างไม่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว!

เวลาเคลื่อนคล้อย ผ่านไปอีกครึ่งเดือน

โลกมารโลหิต เมืองอารักษ์มรรค

ตูม!

แสงประหลาดบาดตาสายหนึ่งพุ่งออกมาจากสถานที่ปิดด่านของเซวี่ยชิงอี แผ่ขยายปกคลุมชั้นเมฆบนฟ้า สว่างไสวไพศาล

วันนี้เซวี่ยชิงอีออกด่าน เขาออกคำสั่งลงไปว่าจะออกเดินทางวันนี้ พาบุคคลชั้นยอดของดินแดนโบราณมารโลหิตทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของดินแดนรกร้างโบราณ

เพราะครึ่งเดือนให้หลัง แดนลับนรกโลกันตร์ก็จะมาเยือนแล้ว!

ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป เมืองอารักษ์มรรคก็เดือดพล่าน บุคคลชั้นยอดของแต่ละเผ่าใหญ่ที่เตรียมตัวพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ ต่างรับคำสั่ง ไปรวมตัวกับเซวี่ยชิงอี

บุคคลชั้นยอดเหล่านี้จำศีลเก็บตัวอยู่ในเมืองอารักษ์มรรคเรื่อยมา ล้วนเพื่อโอกาสเข้าสู่แดนลับนรกโลกันตร์ ตอนนี้พวกเขาใกล้จะออกเดินทางแล้ว!

เพียงแต่ก่อนออกเดินทางเซวี่ยชิงอีได้รู้ข่าวเรื่องหนึ่ง ทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น หว่างคิ้วผุดแววไม่สบอารมณ์

“เหล่ามกุฎอริยะจนป่านนี้ยังไม่สามารถฆ่าชายหญิงคู่นั้นได้อีกหรือ พวกเลี้ยงเสียข้าวสุกชัดๆ!”

เสียงของเขาเรียบเฉย ไม่ได้ปิดซ่อนความไม่พอใจของตนเลยสักนิด

“กระจายคำสั่งของข้า ตอนที่ข้ากลับมาจากแดนลับนรกโลกันตร์ หากพวกเล่อเซวี่ยซิวยังฆ่าชายหญิงคู่นั้นไม่ได้ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

กล่าวจบเซวี่ยชิงอีก็นำทัพจากไป

ตลอดทางย่อมมีมกุฎอริยะทั้งกลุ่มติดสอยห้อยตาม เป็นผู้พิทักษ์อารักขาให้แก่บุคคลชั้นยอดจากดินแดนโบราณมารโลหิตอย่างพวกเขา

——