บทที่ 2000 งานเลี้ยงครบเดือน + ตอนที่ 2001 เมฆลอยมาจากท้องฟ้า

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2000 งานเลี้ยงครบเดือน

“ทำไมถึงแข็งแรงได้ล่ะ? พี่ เมื่อก่อนพี่บอกว่าน่าจะไม่ปกติกว่าร้อยละเก้าสิบเลยไม่ใช่เหรอ?”

เหมยเหมยได้ยินข่าวนี้ก็ตกตะลึงอย่างมาก

เธอเคยจิตนาการไว้นับไม่ถ้วน คิดเพียงว่าลูกของอู่เยวี่ยหากไม่ได้มีปัญหาด้านกายภาพก็ต้องมีปัญหาด้านจิตหรือบางทีอาจจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง

แต่ตอนนี้นี่มันเรื่องอะไรกัน?

เหยียนหมิงซุ่นเองก็คาดไม่ถึง ลอบด่าผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นในใจว่าพึ่งพาไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญตั้งสิบคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กไม่ปกติทั้งสิบคน

แต่ตอนนี้กลับเป็นเด็กที่สุขภาพกายแข็งแรง เฮ่อเหลียนเช่อได้กำไรละสิ!

“บางทีเด็กคนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือละมั้ง” เหยียนหมิงซุ่นพูดได้แค่นั้น เพื่อพยายามกู้หน้าให้ตัวเองสักหน่อย

เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง เรื่องนี้โทษเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยู่แล้วแต่เธอต้องหาใครสักคนให้ระบายอารมณ์ ไม่ให้ถลึงตาใส่สามีแล้วจะเป็นใครได้?

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มปลอบเธอ “เธอควรดีใจสิ หนิงเฉินเซวียนมีผู้สืบทอดที่แข็งแรง อู่เยวี่ยก็หมดค่าแล้ว จากนิสัยของหนิงเฉินเซวียนเขาไม่ยอมปล่อยให้อู่เยวี่ยมีชีวิตต่อแน่!”

เหมยเหมยถึงยิ้มกว้างได้สักที นั่นสิ ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้กันนะ?

ไม่มียันต์ป้องกันตัว วันตายของอู่เยวี่ยก็จะมาถึงแล้ว

ไม่รู้ว่าหนิงเฉินเซวียนจะจัดการอู่เยวี่ยอย่างไร? น่าตื่นเต้นจัง!

นับตั้งแต่รู้ว่าอู่เยวี่ยคลอดลูกชายเหมยเหมยก็นับวันรอ รอวันที่เหยียนหมิงซุ่นจะนำข่าวดีมาบอกเธอหรือบางทีหวังว่าจะได้เห็นข่าวรายงานว่าคุณนายเฮ่อเหลียนเสียชีวิตบนหน้าหนังสือพิมพ์

ทว่าไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น กลับได้บัตรเชิญสีทองดูดีมาแทนเสียอย่างนั้น

“งานฉลองครบเดือนของคุณชายน้อยตระกูลหนิง…”

เหมยเหมยอ่านตัวอักษรบนบัตรเชิญทีละตัว ๆ หนิงเฉินเซวียนจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันครบเดือนให้หลานชายเลยทำบัตรเชิญมาแจกจ่ายให้แขกผู้มีเกียรติมาร่วมงาน

เห็นทีหนิงเฉินเซวียนจะให้ความสำคัญแก่หลานชายคนนี้มากทีเดียว เขาถึงได้เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตจากที่เป็นคนเก็บตัวลึกลับให้ดูเปิดเผยมากขึ้น นึกอยากแบ่งปันความสุขนี้ให้คนทั้งโลกให้รับรู้

“ทำไมอู่เยวี่ยยังไม่ตาย?” เหมยเหมยอารมณ์เสียในฉับพลัน เพราะเธอเห็นชื่อของโอหยางซานซานบนบัตรเชิญ

บ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องปรากฏตัวในงานเลี้ยงครบเดือนและยังมีชีวิตปกติดี

เรื่องนี้สร้างความขุ่นเคืองใจแก่เธอมาก

“บางทีหนิงเฉินเซวียนอาจจะรอให้เด็กหย่านมก่อนค่อยฆ่าอู่เยวี่ย ในเมื่อเด็กดื่มนมแม่ถึงจะดีต่อสุขภาพ” เหยียนหมิงซุ่นคาดเดา ซึ่งเหตุผลนี้แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไรเลย

จากความสามารถของหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อ ต่อให้หาแม่นมมาสักร้อยคนก็ไม่ใช่ปัญหา ฉะนั้นความเป็นอยู่ของอู่เยวี่ยไม่ได้มีความหมายมากนัก

“หรือว่าอยู่ดี ๆหนิงเฉินเซวียนชอบลูกสะใภ้อย่างอู่เยวี่ยเข้าแล้ว?” เหมยเหมยเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆ

“เป็นไปไม่ได้ อู่เยวี่ยสร้างความอับอายแก่หนิงเฉินเซวียนไว้ตั้งมาก เขาจะชอบผู้หญิงแบบนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้เหตุที่ไม่ฆ่าอู่เยวี่ยต้องมีสาเหตุอื่นแน่นอน!”

เหยียนหมิงซุ่นบอกเหมยเหมยอย่าคิดมาก รอไปร่วมงานเลี้ยงครบเดือนก็น่าจะรู้เบาะแสบางอย่างขึ้นมาบ้าง

งานเลี้ยงครบเดือนถูกจัดขึ้นกลางเดือนมิถุนายน ซึ่งเดิมทีควรเป็นวันกำหนดคลอดของเด็กคนนี้

เดือนมิถุนายนในเมืองหลวงอากาศไม่ร้อนไม่หนาวแต่กำลังดี เหมยเหมยไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรนอกจากอั่งเปาที่ขนาดซองไม่หนาไม่บาง

ตระกูลหนิงครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง หนิงเฉินเซวียนสวมชุดฉางเผา[1]สีแดงยืนรับแขกอยู่ประตูทางเข้าหน้าบ้านด้วยหน้าตาชื่นบาน เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ยืนอยู่ข้างเขาที่ดูอารมณ์ดีไม่หยอก

“ยินดีด้วย ๆ ยินดีด้วยที่คุณหนิงเลื่อนขั้นมาเป็นคุณปู่ ยินดีกับคุณชายเช่อที่ได้ลูกชาย…”

บรรดาแขกต่างแห่มาแสดงความยินดี หนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อตอบรับกลับทีละคน ใบหน้ายิ้มแย้มไม่เสื่อมคลายเพราะเป็นความสุขที่มาจากใจ

เหมยเหมยกลับไม่พอใจนัก พอเห็นท่าทางสองคนนี้ที่คาดว่าคงไม่ได้ฝืนยิ้มก็บ่งบอกได้ว่าเด็กคนนั้นแข็งแรงจริง ๆ

……………….

ตอนที่ 2001 เมฆลอยมาจากท้องฟ้า

ในเมื่อเหมยเหมยคิดได้ แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นก็ต้องคิดได้เช่นกัน อารมณ์ก็พลันไม่ดีขึ้นมาในทันที

ทุกเรื่องอยู่เหนือความคาดเดาจนออกจากแผนการของเขาไปมาก เหยียนหมิงซุ่นเริ่มสงสัยในการตัดสินใจของตัวเอง ความมั่นใจที่มีถูกสั่นคลอนเล็กน้อย

“พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ อย่าเพิ่งพูดถึงมันเลย พ่อครัวที่หนิงเฉินเซวียนเชิญมาฝีมือไม่เลว พวกเราใส่ซองไปเยอะขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องกินให้คุ้มกับที่เสียไปหน่อยสิ”

เหมยเหมยรู้สึกได้ถึงความลังเลใจของเหยียนหมิงซุ่นจึงเปลี่ยนบทสนทนาไม่พูดถึงอู่เยวี่ยอีกต่อไป ลากเหยียนหมิงซุ่นไปหาของกิน

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มเล็กน้อย จู่ ๆอารมณ์ก็ดีขึ้นมา ในเมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้แล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนเขาก็ต้องหาวิธีตั้งรับได้อยู่แล้วจึงไม่มีอะไรให้ต้องกลุ้มใจ

“หรือว่าตอนเช้าเธอไม่ยอมกินข้าว เพื่อจะได้มากินตอนนี้มากหน่อยงั้นสิ?” เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอกล้อ

“แน่นอนสิ ตอนนี้ฉันยังเสียใจที่เมื่อคืนกินข้าวอยู่เลยนะ!”

เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีจริงจัง กวาดตามองหาตำแหน่งที่นั่งที่มีป้ายชื่อเธอและเหยียนหมิงซุ่นแล้วนั่งลง เพียงแต่ว่าอาหารยังไม่มาเสิร์ฟ มีเพียงพวกผลไม้แห้งและเมล็ดธัญพืชนิดหน่อยเท่านั้น

“แสบจริง ๆ!

เหยียนหมิงซุ่นตำหนิเสียงเบาแต่นัยน์ตากลับมีความรักความเอ็นดู หยิบถั่วสนขึ้นมาแล้วเริ่มปอกเปลือก เหมยเหมยรอรับอาหารอย่างเชื่อฟัง ทั้งคู่พลอดรักกันหวานหยดย้อยจนทำให้คนรุ่นใหญ่อิจฉาตาร้อนไม่หยุด

“ความสัมพันธ์ของเจ้าเด็กสองคนนั้นดีมากเลย ความสัมพันธ์ใกล้ชิดแน่นแฟ้น วันที่คุณจะได้อุ้มหลานชายคงอยู่ไม่ไกลแล้ว!”

เฮ่อหลียนชิงก็มาร่วมงานเลี้ยงครบหนึ่งเดือนด้วย มีคนที่รู้จักกับเขามานานหันมาหยอกล้อเขา

“ก็ใช่ พวกเขาสองคนโตมาด้วยกันเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเรียกว่ารักกันอย่างแท้จริงยังได้เลย ไม่เหมือนใครบางคนที่ใช้เงินจ้างผู้หญิงมาเป็นเมียเพื่อตบตาทุกคน แต่ดันเสียดายที่จะใช้เงินก้อนโต คนที่จ้างเลยไม่ใช่ของดีอะไร ไม่รู้ว่าผ่านมากี่สิบมือแล้วด้วยซ้ำ จุ๊ ๆ…”

เฮ่อเหลียนชิงอารมณ์เสียกว่าใคร หากหนิงเฉินเซวียนโชคร้ายเขาก็จะมีความสุข และในทางกลับกันหากหนิงเฉินเซวียนมีความสุข เขาก็จะอารมณ์บูดบึ้งทุกข์ใจยิ่งกว่าวันสิ้นโลกเสียอีก

หากอารมณ์ไม่ดีแน่นอนว่าคำพูดก็จะฟังไม่เข้าหูไปด้วย เฮ่อเหลียนชิงเหลือบมองหนิงเฉินเซวียนที่ยืนต้อนรับแขกอยู่ตรงประตู เขาแสร้งทำเป็นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าท่าทีเกินจริง จงใจปรับเสียงให้ดังขึ้น

“วันนี้อากาศดีจริง ๆ ดวงอาทิตย์ลอยสูงเหนือฟ้า ไร้ก้อนเมฆ เอ๊ะ…ดูเหมือนว่าจะมีเมฆก้อนใหญ่ลอยอยู่ตรงนั้น ฝนจะตกไหมนะ?”

เฮ่อเหลียนชิงเงยหน้าชี้นิ้วขึ้นฟ้าพูดราวกับว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนให้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แต่ทุกคนกลับทำหน้างงงวย

เมฆจากไหนกัน?

ทั้ง ๆที่ฟ้าสีครามสวยราวกับน้ำทะเล สวยจะตายไป!

คนที่ฉลาดรีบปิดปากในทันทีแล้วนั่งแทะเมล็ดธัญพืชต่อไป ไม่หลับหูหลับตาเออออด้วย เฮ่อเหลียนชิงคงไม่พูดจาเช่นนี้โดยไร้ต้นสายปลายเหตุหรอก ถ้าพวกเขาขานรับต้องตกหลุมพรางไปด้วยแน่นอน

แต่มีบางคนกลับคันยุบยิบในใจ อยากจะชมเรื่องสนุก ๆโดยไม่เกรงกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งยังหวังเป็นอย่างมากว่าเฮ่อเหลียนชิงจะเปิดศึกจนสะเทือนเลือนลั่นในงานเลี้ยงครบหนึ่งเดือน!

“เมฆไหนล่ะ คุณเฮ่อเหลียนพูดเล่นอีกแล้ว” มีคนจงใจพูดขึ้น

เฮ่อเหลียนชิงยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วชี้นิ้วขึ้นฟ้าพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ใช่ว่าตรงนั้นมีกลุ่มเมฆสีเขียวจับตัวกันลอยมาหรอกเหรอ เฮ้ย เมฆนี้ช่างน่าเหลือเชื่อ มันใกล้จะลอยมาถึงนี่แล้ว กลัวว่าจะปกคลุมไปทั่วทั้งบ้านหลังนี้น่ะสิ แบบนี้เรียกว่าอะไรนะ?”

ทุกคนต่างก้มหน้าแทะเมล็ดธัญพืชต่อไปจนมีแต่เสียงแทะดังประสานขึ้นมา ช่างเป็นเสียงที่ทำให้รู้สึกสบายใจ และจากนั้นก็ไม่มีใครพูดขานต่อบทอีก

เฮ่อเหลียนชิงก็ไม่คาดหวังให้มีนักแสดงประกอบ เขาร้องเล่นคนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว

“พวกนายช่างไม่มีการศึกษาเลยจริง ๆ นี่เรียกว่าเมฆเขียวปกคลุม โอ้ย…ฉันต้องรีบทานรีบกลับไปที่สวนฟาร์มเล็ก ๆของฉันแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้หัวสัมผัสกับสีเขียวให้ขายขี้หน้าเด็ดขาด!”

เฮ่อเหลียนชิงพูดเองเออเองอย่างมีความสุขและพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง

……………………………………………

[1] ชุดฉางเผา เป็นเสื้อคลุมยาวกรอมเท้าที่แต่เดิมชาวแมนจูใช้สวมสำหรับขี่ม้า ภายหลังก็ได้สวมใส่ในชีวิตประจำวัน