ตอนที่ 2675 แผนร้าย

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ซ่งเหวินห่าวนั้นรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางหัวจนไม่อาจจะคิดอะไรได้

พากลับไป! สิ่งที่ยอดอัจฉริยะอย่างเขานั้นได้มามันกลับกลายเป็นสิ่งนี้!

เมื่อลองหันหน้ามองดูแล้วเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายเองก็มีสีหน้าไม่ต่างไปจากเขา

คำพูดของเย่หยวนนั้นมันถูกต้อง

สามเดือนมานี้เย่หยวนได้สั่งสอนพวกเขาเหมือนๆ กัน

แต่ผลลัพธ์มันกลับแตกต่าง

คนที่เลือกนั้นต่างผงาดล้ำฟ้าขึ้นไปได้สิ้น!

ส่วนคนที่เขาไม่เลือกนั้นต่างร่วงตกลงมาสู่แผ่นดินสิ้น!

นี่มันคือปาฏิหาริย์!

หากไม่มีศึกนี้แล้วคนทั้งหลายย่อมจะไม่มีใครคิดเชื่อ

แต่เวลานี้มันกลับไม่มีใครกล้าขัดเย่หยวนอีกต่อไป

ตุบ!

ซ่งเหวินห่าวนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าเย่หยวนทันที “เจ้าหอสาม เหวินห่าวนั้นขอร้องให้ท่านรับข้าเข้าไปด้วยเถอะ! จากวันนี้ไปข้าจะเปลี่ยนตัวเองใหม่เชื่อฟังคำสอนของท่านเจ้าหออย่างไม่คิดขัดอีก!”

ไม่มีใครคิดว่าการกระทำนี้ของซ่งเหวินห่าวมันเหนือความคาดหมายใดๆ

เย่หยวนนั้นได้ใช้ความจริงตอกหน้าทุกผู้คนแล้วว่าเขานั้นคือความถูกต้อง

ซ่งเทียนหยางนั้นได้แต่ต้องชื่นชมอยู่ในใจว่าซ่งเหวินห่าวนั้นกลับกล้าจะวางศักดิ์ศรีของตนเองลง

แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มตอบกลับไป “ภูเขาแม่น้ำมันเปลี่ยนแปลงได้แต่จิตใจคนนั้นยากจะเปลี่ยน! ข้านั้นจะไม่บอกว่าเจ้านั้นมีนิสัยที่ไม่อาจเปลี่ยนได้ แต่การจะเปลี่ยนตัวเองนั้นมันเป็นงานที่หนักหนามากล้น! เจ้ากลับไปเถอะ สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือวางศักดิ์ศรีปลอมๆ ของเจ้านั้นลงแล้วพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองไป ไม่เช่นนั้นแล้ววันหน้าเจ้าจะไม่อาจก้าวขึ้นมาเป็นยอดคนได้แน่!”

เย่หยวนนั้นได้เห็นเรื่องราวของโลกมามากมายตั้งแต่วันที่เขาเป็นคนสามัญจนขึ้นมาถึงดินแดนแห่งสวรรค์นี้

หลายคนนั้นจะได้ปรับปรุงตัวเริ่มต้นใหม่ในชั่วข้ามคืนหลังจากพ่ายแพ้

แต่คนเช่นนั้นมันหายากเสียยิ่งกว่าจะตามหาสัตว์ในตำนาน

การเปลี่ยนแปลงนิสัยตนนั้นมันเป็นสิ่งที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป

การเปลี่ยนแปลงตนนั้นมันยากเย็นและกินเวลายิ่งกว่าการบ่มเพาะเสียด้วยซ้ำ

เขานั้นได้เห็นถึงความขมขื่นในดวงตาของซ่งเหวินห่าวนั้น แต่แค่ความขมขื่นนั้นมันไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนไป มันเป็นเพียงแค่จุดที่ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนเท่านั้น

สิ่งที่ซ่งเหวินห่าวต้องทำนั้นมันมิใช่การฝึกฝนที่นี่ แต่มันเป็นการที่เขาต้องออกไปดูโลกภายนอกว่ามันเป็นอย่างไร ผ่านความยากลำบากของชีวิตอย่างแท้จริง

ด้วยนิสัยของเขานี้ต่อให้เย่หยวนจะเก็บเขาเอาไว้ต่อสุดท้ายเขาก็คงกลับไปเป็นคนเดิมในเวลาไม่กี่ปี

คนเช่นนั้นมันย่อมจะไม่มีทางก้าวขึ้นมาเป็นยอดนักหลอมโอสถสวรรค์ได้

เย่หยวนหันไปมองเหล่าผู้นำตระกูลทั้งหลาย “พวกเจ้านั้นคิดว่าข้าแกล้งเลือกคนเพื่อปั่นหัวพวกเจ้ากันใช่หรือไม่? พวกเจ้าคิดมากกันเกินไปแล้ว ในเส้นทางแห่งการโอสถนี้แม้ว่าพรสวรรค์มันจะสำคัญล้ำ แต่พรสวรรค์ที่ข้ามองและที่พวกเจ้ามองนั้นมันแตกต่างกันสิ้นเชิง สำหรับข้าพรสวรรค์นั้นคือจิตใจที่มุ่งมั่นและต้องการจะพัฒนาตัวเองนั้นต่างหากที่จะเรียกว่าพรสวรรค์ บนเต๋าโอสถนี้มันไม่มีทางลัดใดๆ มีเพียงแค่การฝึกฝนอย่างยากลำบากเท่านั้น ในเส้นทางแห่งการโอสถนั้นเร็วหรือช้ากว่ากันไปหน่อยมันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไปหยุดลงที่เดียวกัน สิ่งสำคัญนั้นคือต้องมองดูให้ดีว่าตัวเองก้าวได้ถูกต้องหรือไม่!”

คำพูดนี้มันทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายเปลี่ยนสีไปตามๆ กัน แม้แต่ซ่งเทียนหยางเองก็ยังต้องก้มหน้าคิดตาม

เหล่ายอดคนแห่งการโอสถนั้นมันย่อมจะมีความคิดที่เหนือล้ำกว่าที่จะเอาเด็กๆ ทั้งหลายไปเทียบเคียงได้

คำพูดของเย่หยวนนั้นมันเหมือนดั่งเสียงแห่งยอดเต๋าสำหรับพวกเขาทั้งหลาย และในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้ว่าทำไมเย่หยวนจึงได้คิดเลือกพวกซ่งหมินเจ๋อทั้งหลายแต่ไม่คิดเลือกเอาซ่งเหวินห่าวไป

ในที่สุดพวกเขาก็ได้เข้าใจว่าทำไมเจ้าหอทั้งสองนั้นถึงได้ยกย่องเย่หยวนมากล้ำ

จ้าวซุนนั้นกล่าวไว้ตอนงานเลี้ยงว่าเขานั้นยังต้องไปขอคำแนะนำจากเย่หยวน แต่แน่นอนว่าพวกซ่งเทียนหยางนั้นย่อมจะคิดว่ามันเป็นแค่การพูดเพื่อยกสถานะของเย่หยวนเท่านั้น

แต่ดูจากคำพูดของเย่หยวนในตอนนี้แล้วเขาย่อมจะมีความเข้าใจต่อเต๋าโอสถที่เหนือล้ำหัวพวกเขาเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ไปมาก!

ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะหลอมโอสถสวรรค์ระดับแท้ได้อย่างไร?

ซ่งเทียนหยางนั้นยกมือขึ้นมาคารวะเย่หยวนพร้อมก้มหัวกล่าว “ขอบพระคุณเจ้าหอสามที่ช่วยแนะนำ คำสั่งสอนนี้ซ่งเทียนหยางขอรับมันไว้ด้วยใจ”

“ขอบพระคุณเจ้าหอสามที่ช่วยแนะนำสั่งสอน!” เหล่าผู้นำตระกูลทั้งหลายต่างก้มหัวลงคารวะเย่หยวนตามๆ กันไป

หลังจากศึกครั้งนี้จบสิ้นลงแล้วเย่หยวนก็ได้อำนาจเด็ดขาดเหนือหอโอสถสวรรค์ใต้ทันที

แม้แต่ตระกูลซ่งและตระกูลหยุนที่เคยบาดหมางกับเย่หยวนเองก็ยังยอมรับนับถือเขาหมดใจ

หลังจากซ่งเทียนหยางและหยุนปั่วหยู่กลับไปพวกเขาก็เข้าสู่การเก็บตัวพร้อมๆ กันทันที

ครึ่งปีจากนั้นมาคนทั้งสองก็ออกมาจากการเก็บตัวพร้อมบรรลุขึ้นเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ขั้นสุด!

หลังจากคนทั้งสองออกมาแล้วพวกเขาก็รีบไปยังหอโอสถสวรรค์ใต้เพื่อคารวะเย่หยวนทันที

เดิมทีแล้วหมินหนานชานนั้นบรรลุขึ้นเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ขั้นสุดมันย่อมจะทำให้คนทั้งสองรู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ในใจ

เพราะสามตระกูลนั้นแข่งขันกันมาตลอด พวกเขานั้นย่อมจะไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ได้

ใครจะไปคิดว่าเวลาแค่ครึ่งปีหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองกลับจะบรรลุขึ้นมาได้เช่นกัน

และแน่นอนว่าเหตุผลที่พวกเขาบรรลุขึ้นมาได้นั้นมันย่อมจะเป็นเพราะเย่หยวน

คนทั้งสองนั้นยอมรับนับถือเย่หยวนอย่างสุดใจแล้ว

เวลาครึ่งปีมานี้เย่หยวนและชุยถงได้จัดการวางระบบให้รางวัลและการโทษขึ้นมาในหอโอสถสวรรค์ใต้

รางวัลที่สูงที่สุดนั้นมันคือโอสถสวรรค์ระดับแท้!

ฤทธิ์ของโอสถสวรรค์จักรพรรดินั้นมันไม่ได้ด้อยกว่าโอสถสวรรค์ระดับสาม

ต่อให้จะเป็นเหล่านักยุทธพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำเองก็ยังสามารถใช้มันได้ ยิ่งเป็นโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับแท้แล้วมันยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าความต้องการจะมากมายแค่ไหน

ระบบรางวัลและลงโทษนี้มันทำให้หอโอสถสวรรค์ใต้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ทันที

เพราะพลังของโอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นมันมากเกินกว่าจะต้าน

หลังจากซ่งหมินเจ๋อและพวกคนที่ถูกเลือกไว้นั้นฝึกฝนต่อไปพวกเขาก็ย่อมจะพัฒนาฝีมือไปได้อย่างมากล้น

เหล่าคนทั้งหลายนี้เดิมทีก็มาจากตระกูลที่มีฐานะดี แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะมีทรัพยากรที่ไม่แย่นัก

กอปรกับการสอนของเย่หยวนนั้นการจะผงาดขึ้นมามันจึงไม่ยากเย็นเลย

ในเวลาครึ่งปีมานี้เถี่ยซินและตระกูลหมินนั่งรอดูเรื่องสนุกๆ มาตลอด

แต่สุดท้ายนอกจากมันจะไม่มีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้ว สิ่งที่พวกเขาได้ดูมันกลับเป็นเรื่องสยองแทน

ทางด้านตัวเถี่ยซินนั้นเขาถูกแรงกดดันจากหอโอสถสวรรค์ใต้อย่างมากจนแทบไม่มีโอสถสวรรค์ใช้งาน

ส่วนด้านตระกูลหมินเองแม้ว่าหมินหนานชานจะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ขั้นสุดแต่เขาคนเดียวมันก็ย่อมจะไม่มีทางเอาชนะหอโอสถสวรรค์ใต้ไปได้

ตระกูลหมินนั้นจึงค่อยๆ เสื่อมอำนาจลงไปเรื่อยๆ เพราะจะอย่างไรเสียหอโอสถสวรรค์ใต้ก็ปกครองส่วนแบ่งการตลาดกว่าร้อยละเก้าสิบของแดนสวรรค์ใต้นี้ มันย่อมจะไม่มีใครกล้าไปเปิดศึกกับยักษ์ใหญ่เช่นนั้นตรงๆ

หมินหนานชานนั้นพยายามคิดหาทุกวิถีทางตลอดปีที่ผ่านมาแต่กลับไม่อาจจะพลิกสถานการณ์ได้เลย

สภาพของตระกูลหมินนั้นมันย่ำแย่ลงมากช่วงครึ่งปีก่อนตอนที่เย่หยวนได้รับการยอมรับจากคนทั้งหลาย

“ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้มันกลับจะมากฝีมือทำให้หอโอสถสวรรค์ใต้กลายเป็นปึกแผ่นได้ปานนี้!” เถี่ยซินนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความคับแค้นใจ

“เวลานี้หอโอสถสวรรค์ใต้นั้นมันยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าในยุคสมัยของจ้าวซุนด้วยซ้ำ! ข้าไม่นึกเลยว่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองคนหนึ่งมันกลับจะทำได้ปานนี้!”

หมินหนานชานนั้นได้แต่กล่าวขึ้นมาด้วยความเสียดาย

หากเขารู้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่ทำตัวเป็นหัวหอกออกนำหน้าคนทั้งหลายเข้าโจมตีเย่หยวน ตัวเถี่ยซินนั้น หมินหนานชานเองก็ไม่ได้ชอบใจมากนัก เพราะหากมิใช่เพราะมันนี้ที่พูดยุ ตัวเขาก็คงไม่บ้าไปทำตาม

หากตระกูลหมินยังอยู่ในหอโอสถสวรรค์ใต้ป่านนี้ด้วยอำนาจของตระกูลหมินพวกเขาคงได้ผงาดขึ้นไปเป็นมังกรบนท้องฟ้าแล้ว!

แต่เวลานี้ตระกูลหมินกลับมีแต่ตกต่ำลงทุกวี่วัน ส่วนซ่งเทียนหยางและหยุนปั่วหยู่ก็ตามติดมาทันและก้าวล้ำหน้าเขาขึ้นไปเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ขั้นสุดได้!

แต่ว่าโลกนี้มันไม่มียาแก้อดีต ตอนนี้พวกเขาทั้งสองได้ขึ้นเรือลำเดียวกันมาแล้ว พวกเขาย่อมจะต้องอยู่ด้วยกันไปจนสุดทาง

เถี่ยซินนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความดุร้ายในดวงตา “เรื่องนี้มันเป็นเพราะเจ้าเด็กนรกนั่นคนเดียว! ตราบเท่าที่มันตายลงไปทุกอย่างก็คงกลับไปเป็นเหมือนก่อนได้!”

หมินหนานชานนั้นตอบกลับมา “ไอ้เด็กคนนั้นมันซ่อนตัวอยู่ในหอโอสถสวรรค์ใต้ทั้งปีทั้งชาติ ในนั้นมันมีแต่ยอดฝีมือมากมายดั่งดวงดาว เราจะไปทำอะไรมันได้?”

เถี่ยซินที่ได้ยินจึงยิ้มตอบกลับมา “มันจะต้องออกมาแน่! เวลานี้มันใกล้ครบสัญญาหนึ่งปีแล้ว ข้าว่าอีกไม่นานมันจะต้องเดินทางลงทะเลหนามใต้ไปแน่! นี่แหละคือโอกาสเดียวของเรา!”