ส่วนหลัวซิวนั้นค่อย ๆ เก็บมือกลับมาโดยที่ยืนอยู่ในจุดที่ห่างออกไปสามร้อยกว่าเมตร แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง “ยังจะสู้อีกไหม?”

หลังจากพูดคำพูดนี้ออกมา ทุกคนในที่เกิดเหตุก็เงียบกริบ มีเพียงจินหลิงหยุนผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร ต้องท้าวความก่อนว่าครั้นเมื่อเขาฟันกระบี่หนึ่งออกไปอย่างสุดกำลังสามารถ ก็แค่ทำให้ปลายนิ้วของหลัวซิวถลอกเล็กน้อยเท่านั้น

ร่างเนื้อของคนดังกล่าวแข็งแกร่งถึงขีดสุด ในความเป็นจริงศักยภาพที่เขาแสดงออกมา ณ บัดนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น จินหลิงหยุนจำได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าขณะที่หลัวซิวสังหารเทพฟ้าและเจ้านภาสิบกว่าคน หลังศีรษะเขามีวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพหนึ่งวง!

“ไม่ได้ปลดปล่อยกฎพลังเทพออกมา เพียงอาศัยร่างเนื้อก็สามารถข่มกึ่งราชาเทพได้แล้ว หากเขาระเบิดกำลังรบทั้งหมดออกมา พูดได้เลยว่าต้องเป็นผู้ไร้เทียมทานในแดนที่อยู่ต่ำกว่าราชาเทพ!”แววตาของจินหลิงหยุนเป็นประกาย

“หึ แม้ร่างเนื้อของเจ้าจะแข็งแกร่ง ทว่าด้านกฎและวิญญาณเทพต้องไม่แข็งแกร่งแน่นอน!”

สีหน้าของท่านโกวที่อยู่บนสังเวียนศึกกระบี่ดุดันมาก จู่ ๆ ก็มีเงาลวงผีร้ายจำนวนมากปรากฏหลังศีรษะเขา ในช่วงเวลาที่คำรามเสียงดังลั่น ผีร้ายนับหมื่นก็เบียดเสียดกันออกมาจนมืดฟ้ามัวดิน

เห็นได้ชัดเจนเลยว่านี่เป็นพลังอมตะที่ใช้โจมตีตัวสำนึกวิญญาณวิชาหนึ่ง

สีหน้าอารมณ์ของหลัวซิวยังคงดูเรียบนิ่งอยู่เช่นเคย เขายกมือขึ้นมาร่ายพลังตราประทับ มีเตาเทพหนึ่งใบปรากฏเหนือศีรษะกะทันหัน และนี่ก็คือพลังอมตะที่ใช้สำหรับการป้องกันการโจมตีตัวสำนึกวิญญาณที่เขาตระหนักรู้ได้ครั้นเมื่ออยู่ในดาราเรืองแสงนั่นเอง

ผีร้ายที่นับไม่ถ้วนกระโจนมา แต่ทว่าเสี้ยววินาทีที่พวกมันประชิดใกล้หลัวซิว ก็ถูกแสงสว่างไสวที่พรั่งพรูออกมาจากเตาเทพปกคลุมจนหายไปหมด

หลัวซิวยืนอยู่บนสังเวียนศึกกระบี่ เตาเทพลอยอยู่เหนือศีรษะ สรรพวิชาก็ทำอะไรเขาไม่ได้

“ผู้อื่นให้ของมาก็ต้องรู้จักให้ตอบคืน เจ้าก็รับกระบวนท่าหนึ่งของข้าเถอะ”

เขายกมือขึ้นมากะทันหัน โคจรเคล็ดวิชาแปรจิตเทพ ภายใต้การปลุกเสกของเคล็ดวิชาพลังแปรเสวียนเทียน พลานุภาพของตัวสำนักเทพฟ้าขั้น 3 พุ่งพรวดขึ้นเป็นร้อยเท่า แล้วฟาดฟันออกไปจนเสียงดังฟึ่บ

“อ๊ากก! ……”

เสียงกรีดร้องที่แหลมจิ๊ดดังขึ้น ร่างกายของท่านโกวนั่นกระเด็นลอยออกไปอีกครั้ง กระอักเลือดเฮือกใหญ่และร่วงตกลงมาจากสังเวียนศึกกระบี่

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเวทีทำให้ทั่วทั้งเขากงเผิงเงียบกริบลงไป รวมไปถึงท่านเหวินนั่นด้วย สภาพจิตใจของทุกคนต่างสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้

“ดี! ดี! ดี!”

ท่านเหวินลุกตัวขึ้น กล่าวคำว่าดีติดต่อกันสามครั้ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า: “ผู้เพื่อนยุทธ์เป็นดังที่หลิงหยุนกล่าวมาจริง ๆ ด้วย ศักยภาพลึกซึ้งจนมิอาจคาดเดาได้ การที่เจ้ายินดีเป็นเค่อชิงของสำนักเทียนเจี้ยนของข้านั้น ถือเป็นสิริมงคลของสำนักเทียนเจี้ยนข้า”

สายตาของทุกคนต่างเพ่งมองไปทางหลัวซิว บนใบหน้าต่างมีความเหลือเชื่อปนอยู่ ในแววตามีความเกรงกลัวและความตกตะลึงที่ลึกซึ้งแฝงอยู่

โลกของนักยุทธ์ ผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้า แม้ในสำนักเทียนเจี้ยนจะมีตระกูลโจวเป็นเจ้า แต่ทว่าไม่ว่าผู้แข็งแกร่งจะไปถึงที่ใดก็จะได้รับการเคารพยกย่องอยู่เสมอ โดยเฉพาะศักยภาพที่หลัวซิวแสดงออกมานั้น เป็นกำลังรบที่แทบจะสามารถบดขยี้กึ่งราชาเทพได้เลย!

ศักยภาพเช่นนี้ นอกเสียจากว่าอาจารย์ราชาเทพจะออกจากการฝึกตนปิดขัง มิเช่นนั้นทั้งเบื้องล่างและเบื้องบนในสำนักเทียนเจี้ยนก็ไร้ซึ่งผู้ที่เป็นคู่ต่อสู้เขา ผู้ใดบ้างจะกล้าดูถูกผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งเช่นนี้?

และประเด็นที่สำคัญที่สุดคือศึกการช่วงชิงสิทธิ์ที่มุ่งไปยังโลกะอัมพรเทว เมื่อมีผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้เข้าร่วมหมู่คณะแล้ว ต้องสามารถทำให้สำนักเทียนเจี้ยนได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดจากศึกการช่วงชิงแน่นอน!

ด้านล่างเวที สีหน้าของโจวชิงดูขมขื่นเล็กน้อย วินาทีนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจสักทีว่า เหตุใดพฤติกรรมเมื่อตอนนั้นของจินหลิงหยุนถึงแปลกประหลาดเช่นนั้น

ที่แท้ศักยภาพของเจ้าหนุ่มที่แซ่หลัวผู้นี้ก็เกะกะระรานเช่นนี้นี่เอง ตอนนั้นหากจินหลิงหยุนไม่เอ่ยปากพูด เกรงว่าเขาคงได้ตกระกําลําบากไม่น้อยเลย

หลัวซิวแตกต่างจากจินหลิงหยุน ที่เขากล้ารุกรานจินหลิงหยุนนั้นเป็นเพราะเขาเข้าใจจินหลิงหยุนดีมาก ๆ รู้ว่าเขาไม่ทำอะไรตัวเองแน่นอน

อย่างไรก็ตามหลัวซิวผู้นี้กลับแตกต่างกัน นี่จึงทำให้โจวชิงตัดสินใจแล้วว่า ต่อไปเขาจะไม่รุกรานคนดังกล่าวเด็ดขาด

“สิ่งนี้เป็นป้ายบัญชาการของผู้อาวุโสเค่อชิง ตำแหน่งของผู้ถือป้ายบัญชาการดังกล่าว เทียบเท่ากับผู้อาวุโสแท้จริงในสำนักเทียนเจี้ยนของเรา!”

ท่านเหวินหยิบป้ายบัญชาการหนึ่งออกมา ใช้เวทย์ห่อหุ้มป้ายเอาไว้ แล้วส่งไปตรงหน้าหลัวซิว

หลัวซิวอามือทั้งสองประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอกก้มคำนับถือเป็นการขอบคุณ

เค่อชิงและสำนักเอื้อประโยชน์ต่อกัน สำนักอาศัยกำลังแรงของเค่อชิงทำให้ตัวเองยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากขึ้น ในขณะเดียวกันเค่อชิงก็พึ่งพาอาศัยสำนักด้วย เสาะหาการคุ้มกัน โอกาสและโชคลาภจากสำนัก

มีข้อมูลถูกเก็บไว้ในป้ายบัญชาการ สำหรับข้อดีของเค่อชิงนั้นก็มีไม่น้อยเช่นกัน นอกเหนือจากสิทธิ์ในการมุ่งไปยังโลกะอัมพรเทวแล้ว ยังสามารถฝึกวรยุทธ์พลังอมตะของสำนักเทียนเจี้ยนได้เช่นกัน แต่ทว่าต้องสร้างคุณูปการที่มากพอให้แก่สำนักด้วย