ตอนที่ 3109

War sovereign Soaring The Heavens

“ซุนหงอคงแตะถึงธรณีประตูขอบเขตเทพแล้ว…เช่นนั้นหมายความว่าตอนนี้ด่านพลังก็สมควรบรรลุถึงจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ และยังจวนเจียนจะตัดผ่านไปยังขอบเขตเทพเจ้า…”

 

“สำหรับหยางเจี่ยน…ในเมื่อกล้าท้าซุนหงอคงประลองแบบนี้ ด่านพลังก็สมควรอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศดุจเดียวกัน…”

 

 

หลังรับทราบข้อมูลในยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักเรื่องราวได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันในใจก็บังเกิดความรู้สึกขื่นขมเล็กน้อย

 

เดิมทีหลังจากที่ได้รับทราบว่าสิบในสิบตัวตนในตำนานปรัมปราจากบ้านเกิดของเขาสมควรมีอยู่จริง เขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอโอกาสที่จะได้พบเจอตัวตนเหล่านั้นตัวเป็นๆ กระทั่งหากมีวาสนาได้นั่งลงสนทนาพลางจิบสุราเล่าเรื่องราวคงจะดีไม่น้อย

 

แต่ตอนนี้พอรับทราบความแข็งแกร่งของซุนหงอคงกับหยางเจี่ยนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที…

 

ว่ากระทั่งศิษย์สาวกชั้นปลายแถวของซุนหงอคงและหยางเจี่ยน ยังไม่น่าจะเหลียวแลเขาด้วยซ้ำ เช่นนั้นนับประสาอะไรกับซุนหงอคงที่สมควรยืนอยู่บนจุดสูงสุดของระนาบเทวโลกทั้งมวล

 

“หากคิดจะพบปะพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างเท่าเทียม อย่างน้อยๆก็ต้องมีพลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าอีกฝ่ายก่อน…ตอนนี้ข้ายังอ่อนแอเกินไป”

 

ต้วนหลิงเทียนถอนหาใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ใช้พลังหอบหิ้วยันต์อมตะเก็บความทรงจำในมือไปเก็บไว้บนชั้นวาง

 

เรื่องนี้เขารู้ตัวเองดี

 

หลังจากเก็บยันต์อมตะเข้าชั้นแล้ว เขาก็เริ่มหยิบยันต์อมตะแผ่นอื่นออกมาชมดู

 

ยันต์อมตะเก็บความทรงจำเหล่านี้ได้บันทึกเรื่องราวเอาไว้มากมาย เรื่องแปลกประหลาดทั้งพิสดารก็มีเต็มไปหมด ทำให้ต้วนหลิงเทียนเพลิดเพลินและรู้สึกสนุกสนานอยู่บ้าง เพราะบางอย่างเขาก็สุดที่จะจินตนาการได้ถึง

 

จะอย่างไรก็แล้วแต่หลังจากได้อ่านเรื่องราวทั้งหมดในยันต์อมตะเก็บความทรงจำแล้ว ก็เสมือนได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ขยายขอบเขตความรู้ความเข้าใจในระนาบเทวโลกได้มากโข

 

ระนาบเทวโลกยังยิ่งใหญ่กว่าที่คิดไว้ตอนแรกมาก

 

ตัวอย่างเช่นแดนผิงเทียน อันมีคฤหาสน์เอี้ยนซานที่เขาพักอยู่ กับแดนสวรรค์ใต้ที่มีคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น เป็นแค่ดินแดนเล็กๆของอวี้หวงเทียนและหลิงหลัวเทียนเท่านั้น

 

ดินแดนระดับนี้จะมีจอมราชันอมตะสมญานามคนหนึ่งปกครอง และโดยปกติแล้วจะมีจอมราชันอมตะสมญานามดำรงอยู่เพียงคนเดียว

 

“กระจ้อยร่อยนัก…ตัวข้ายังกระจ้อยร่อยเกินไป”

 

“ถึงแม้คราวนี้ด้วยพลังของผลเทพสังเวยสวรรค์จะทำให้ข้าบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ แต่ก็ยังไม่นับเป็นตัวอะไรในระนาบเทวโลก”

 

เหนือขุนนางอมตะ 10 ทิศยังมีราชาอมตะ…

 

ด่านพลังราชาอมตะเองก็แบ่งย่อยออกเป็น 10 ขั้นพลังเช่นกัน และเหนือกว่านั้นก็คือขอบเขตจอมราชันอมตะ

 

เหนือด่านพลังจอมราชันอมตะ ก็ยังมีขอบเขตจักรพรรดิอมตะ

 

จักรพรรดิอมตะนั้น แม้จะบรรลุถึงขั้นพลังสูงสุดอย่างจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้ว แต่ก็ยังมีสูงมีต่ำ ไหนจะยังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก

 

จักรพรรดิอมตะสมญานามที่ร้ายกาจมากหน่อยก็เป็นดั่งซุนหงอคง หยางเจี่ยน รวมถึงจักรพรรดิหยก ไม่เว้นเหล่าจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลาย

 

“หากซุนหงอคงแตะถึงธรณีประตูขอบเขตเทพทั้งยังเอาชนะหยางเจี่ยนได้ใน 3 พลอง…พลังฝีมือเกรงว่าไม่น่าจะด้อยกว่าจักรพรรดิหยกแล้วกระมัง…”

 

“ไม่ทราบว่าลักษณะของซุนหงอคงที่แท้จริงจะหยิ่งผยองไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเหมือนในตำนานที่เล่าขานกันมารึเปล่า…หากเป็นเช่นนั้น ใช่จะไปท้าทายจักรพรรดิหยกเพื่อชิงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ของอวี้หวงเทียนหรือไม่?”

 

คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดสงสัยไม่ได้ กระทั่งยังบังเกิดความคาดหวังเล็กน้อย

 

หากราชาวานรผู้ร้ายกาจนั่นท้าทายจักรพรรดิหยก กระทั่งเอาชนะและชิงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์มาได้จริงๆ ต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โตที่แพร่กระจายไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวลแน่

 

เรื่องใหญ่โตแบบนี้ ไม่พ้นต้องลือกระฉ่อนไปถึงหลิงหลัวเทียน

 

ดังนั้นต่อให้เขาจะกลับไปยังหลิงหลัวเทียนแล้ว แต่ก็ต้องได้ยินข่าวเรื่องราวแน่นอน

 

“ด่านพลังก็ก้าวหน้าขึ้นมาใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว…แต่พลังที่จะช่วยให้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏยังไม่ปรากฏขึ้นมาเลย”

 

ถึงงแม้ตอนแรกต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้กังวลกับเรื่องพลังที่ช่วยให้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏหลายประการมากเท่าไหร่ แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า ในใจก็เริ่มบังเกิดความกังวลขึ้นมาอยู่บ้าง

 

จากนั้นหลังสงบจิตสงบใจได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก้เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องใกล้ตัวอย่างเช่นการเปิดโลกใบเล็กที่สามารถกระทำได้ตั้งแต่บรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิด

 

อย่างไรก็ตาม แม้โลกใบเล็กจะสามารถเปิดได้ตั้งแต่ขอบเขตขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิด แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันระหว่างโลกใบเล็กของด่านพลังสูงๆ

 

อย่างเช่นโลกใบเล็กที่ตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะเปิดสร้างนั้น มันจะอยู่ติดตัวเสมอ กล่าวให้ถูกก็คือด่านพลังขุนนางอมตะ ทำได้แค่เปิดสร้างโลกใบเล็กภายในกายของตัวเอง

 

โลกใบเล็กดังกล่าว ก็แทบไม่ต่างอะไรจากการสร้างพื้นที่มิติเอาไว้เก็บของสักเท่าไหร่ แต่ต่างจากพื้นที่มิติของแหวนพื้นที่ๆมิอาจเก็บสิ่งมีชีวิตได้อยู่บ้าง เพราะโลกใบเล็กของขุนนางอมตะนั้นสามารถเก็บสิ่งมีชีวิตเอาไว้ภายในนั้นได้

 

โลกใบเล็กที่ถูกสร้างขึ้นโดยราชาอมตะ ก็จะมีการพัฒนาขึ้นมาหน่อย สามารถสร้างพื้นที่แยกย่อยใดๆและกำหนดควบคุมการเคลื่อนย้ายระหว่างพื้นที่แยกย่อยได้ สิ่งนี้ก็เหมือนกับโลกใบเล็กของยอดฝีมือนิกายอมตะสราญรมย์ที่เขาพลัดหลงเข้าไปพร้อมมู่หรงปิง สุดท้ายก็กลายเป็นมีชะตาผูกพันกันอย่างไม่ตั้งใจ…เป็นดั่งแดนลับกลายๆ

 

สำหรับโลกใบเล็กของตัวตนขอบเขตพลังจอมราชันอมตะนั้น จะทรงพลังกว่าโลกใบเล็กของราชาอมตะและมีขนาดกว้างใหญ่กว่ากันมาก ยกตัวอย่างก็เช่นแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำที่ต้วนหลิงเทียนเคยเข้าไปก่อนหน้า อันที่จริงมันก็คือโลกใบเล็กที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้เปิดสร้างเอาไว้

 

อย่างไรก็ตามแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ เป็นสิ่งที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้รุ่นแรกเปิดสร้างเอาไว้นานมากแล้ว จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้รุ่นหลังๆก็มีหน้าที่แค่คอยทำนุบำรุง ไม่ให้มันล่มสลายลงเพราะสูญสิ้นพลังมากเกินไปเท่านั้น

 

โลกใบเล็กที่ราชาอมตะหรือจอมราชันอมตะเปิดสร้าง สามารถจัดสร้างให้เป็นดั่งแดนลับได้ ถ้าไม่มีใครเข้าไปเลย ตามทฤษฎีแล้วมันก็สามารถดำรงอยู่ได้ชั่วกาลนาน แต่ถ้ามีคนเข้าไป พลังในนั้นก็จะค่อยๆถูกดูดซับไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็มีอันต้องพังทลายสลายหายไป…

 

‘วิธีการเปิดโลกใบเล็กข้าก็ศึกษามาจากหอตำราฝ่ายในของนิกายอมตะเป้าผู่โดยละเอียดแล้ว…ตอนนี้มาลองเปิดโลกใบเล็กของข้าเองดูดีกว่า’

 

คิดได้ดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็พยายามเปิดโลกใบเล็กภายในกาย ตามวิธีสร้างโลกใบเล็กที่เขาได้ศึกษามา

 

การเปิดสร้างโลกใบเล็กนั้นก็ไม่มีอะไรยากมาก อาศัยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตขุนนางอมตะเป็นหลัก จากนั้นก็ต้องใช้พลังวิญญาณขอบเขตขุนนางอมตะหนุนเสริม

 

ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเปิดสร้างโลกใบเล็กขึ้นมาได้แล้ว ก็จำต้องใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและพลังวิญญาณหล่อหลอมขัดเกลาอีกสักระยะ จึงจะทำให้โลกใบเล็กภายในกายมีเสถียรภาพ

 

หาไม่แล้วตอนที่ต้วนหลิงเทียนใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองจนได้ถือครองพลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด เขาก็คงใช้มันเปิดสร้างโลกใบเล็กไปแล้ว แถมยังเป็นโลกใบเล็กของขอบเขตจอมราชันอมตะอีกด้วย

 

ที่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น ก็เพราะหลังเปิดสร้างโลกใบเล็กได้สำเร็จ เขาก็จำต้องใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและพลังวิญญาณหล่อหลอมขัดเกลาสักพัก ดังนั้นในทางทฤษฎีแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้พลังที่ได้รับมาหล่อหลอมขัดเกลาให้มันมีเสถียรภาพได้…เว้นเสียแต่ท่านจะมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองเป็นเข่งให้ใช้ไม่หยุด!

 

วู้ม!

 

วู้ม!

 

 

ภายในร่างต้วนหลิงงเทียน บัดนี้เขาได้โคจรพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดให้มาควบรวมบีบอัด จนมีความหนาแน่นมากขึ้นทุกขณะ

 

หากคิดจะเปิดสร้างโลกใบเล็ก ก่อนอื่นเลยก็จำต้องรวบรวมพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมาควบแน่นโดยอาศัยพลังวิญญาณช่วยเหลือ จากนั้นเมื่อควบแน่นพลังจนถึงขีดสุดแล้ว พอจุดชนวนระเบิดตามวิธีการเฉพาะบางอย่างเพื่อสร้างห้วงมิติ โลกใบเล็กก็จะถูกเปิดสร้างขึ้น

 

“หากเจ้าคิดจะเปิดสร้างโลกใบเล็กของเจ้า ข้าขอแนะนำให้เจ้าไปเปิดสร้างมันใกล้ๆหัวใจ”

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังรวบรวมพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเพื่อเตรียมเปิดโลกใบเล็กนั้นเอง เสียงของทองเทพสุดลี้ลับพลันดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ

 

“หือ? เปิดมันใกล้ๆหัวใจหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนแปลกใจ “ทำไมต้องทำแบบนั้นเล่า?”

 

“อาจมีเรื่องที่ทำให้ประหลาดใจเกิดขึ้น…”

 

ทองเทพสุดลี้ลับกล่าว

 

“เรื่องประหลาดใจ?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามไปด้วยความสงสัย หากแต่ทองเทพสุดลี้ลับก็เงียบไม่พูดจา เห็นชัดว่าไม่คิดจะคลายความสงสัยให้เขา และด้านเพลิงเทพโกลาหลกับปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเองก็เงียบไม่พูดอะไรเช่นกัน

 

เพลิงเทพโกลาหลไม่พูดอะไรต้วนหลิงเทียนยังพอเข้าใจได้ แต่การที่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินไม่พูดไม่จาอะไรเลย ทำให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจอยู่บ้าง “ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน เจ้าไม่คิดจะบอกข้าบ้างหรือ ว่าเรื่องประหลาดใจที่ว่าคืออะไร?”

 

“เฮ่อ โอกาสสำเร็จมันมีน้อยนัก…หากทำสำเร็จก็นับว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ แต่ถ้าไม่สำเร็จก็เท่านั้น เช่นนั้นต่อให้ข้าบอกเจ้าตอนนี้มันก็เปล่าประโยชน์”

 

เสียงเล็กๆราวเด็กน้อยยังไม่หย่านมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังขึ้น และคำพูดของมันก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากรู้ของต้วนหลิงเทียนให้บังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกาเข้าไปใหญ่…

 

“โอกาสสำเร็จย่อมมีมากกว่าผู้อื่น…พวกเจ้าอย่าได้ลืมไปว่าเจ้าหนูมันมีชีพจรสวรรค์ 99 สาย แถมกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพก็ยอมรับเจ้าหนูเป็นนายไปแล้วด้วย”

 

เพลิงเทพโกลาหลกล่าว

 

“แต่กระนั้นโอกาสสำเร็จก็มิถึง 3 ใน 10 ส่วน…”

 

เสียงทองเทพสุดลี้ลับดังขึ้นอีกครั้ง และเป็นการบอบต้วนหลิงเทียนให้รู้ว่า…โอกาสที่จะเกิดเรื่องประหลาดใจที่ว่า มันมีอัตราความสำเร็จไม่ถึง 3 ส่วน สิ่งนี้ยิ่งทำให้ต้วนหลิงเทียนงุนงงสงสัยไปกันใหญ่ ว่ามันคืออะไรกันแน่

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ในร่างทั้ง 3 ไม่คิดจะอธิบายอะไร ถึงต้วนหลิงเทียนจะสงสัย แต่ก็ไม่คิดจะถามเซ้าซี้ให้มากความ และเริ่มมุ่งความสนใจกับการควบแน่นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดต่อไป

 

เพราะเขารู้ดีว่าทุกข้อสงสัยที่คลางแคลงใจ หลังเปิดโลกใบเล็กสำเร็จแล้วมันก็จะเฉลยไปเอง

 

แต่เป็นธรรมดาว่าเขายังเลือกกระทำตามคำแนะนำของทองเทพสุดลี้ลับ และพยายามเปิดโลกใบเล็กภายในกายให้ใกล้กับหัวใจ

 

เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน

 

1 ชั่วโมง

 

2 ชั่วโมง

 

 

1 วัน

 

2 วัน

 

 

และหลังจากผ่านไป 3 วัน ด้วยอาศัยพลังวิญญาณควบคุมการบีบอัด ในที่สุดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างของต้วนหลิงเทียน ก็ได้ควบแน่นจนถึงขีดสุด

 

‘ในที่สุดก็มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ…จากบันทึกที่ข้าอ่านเจอในนิกายอมตะเป้าผู่ ตอนนี้ข้าจำต้องควบรวมพลังวิญญาณให้เล็กที่สุดเพื่อเจาะทะลวงเข้าไปในกลุ่มก่อนพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ควบแน่นจนถึงขีดสุดดั่งการจุดชนวน จากนั้นพอมันเกิดการระเบิดขึ้นจนฉีกเปิดห้วงมิติ ก็ต้องจ่ายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดกับพลังวิญญาณในเพื่อจัดการเปิดสร้างโลกใบเล็กให้ได้ตามต้องการ…’

 

‘ที่สำคัญกระบวนการเปิดโลกใบเล็กหลังจากนั้น ก็ไม่อาจผ่อนปรนพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและพลังวิญญาณได้เลย จำต้องถ่ายทอดพลังเพื่อประคองสภาวะเอาไว้ตลอดจนจบสิ้นกระบวนการ…’

 

‘โลกใบเล็กแรกเปิดสร้างจักไร้ซึ่งสิ่งใดดั่งพื้นที่ว่างเปล่าเหมือนพื้นที่ในแหวน…หากคิดตกแต่งมัน ก็จำต้องขนดินขนน้ำรวมถึงพืชพรรณอะไรเข้าไปสร้างขึ้นด้วยตัวเอง…’

 

หลังจากใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มควบรวมพลังวิญญาณให้เล้กเรียวดั่งเข็ม ก่อนจะเจาะทะลวงเข้าไปในกลุ่มก้อนพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ควบแน่นจนถึงขีดสุดทันที

 

เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนที่ได้ศึกษาวิธีมาอย่างละเอียดแล้ว ก็ควบคุมจัดการได้อย่างราบรื่น ไร้ซึ่งข้อผิดพลาดอะไร

 

เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!

 

 

พลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนประหนึ่งพลังแห่งเทพผู้สร้าง มันเริ่มควบคุมพลังเซียนอมตะควบแน่นที่ถูกจุดระเบิดจนห้วงมิติเปิดออก และประคองสภาวะดังกล่าวเพื่อทำให้พื้นที่มิติที่ฉีกเปิดเริ่มเข้าสู่สภาวะคงตัว

 

สิ่งแรกที่ต้องกระทำก็คือกำหนดขอบเขตพื้นที่มิติดังกล่าว จากนั้นก็ใช้พลังควบคุมเพื่อให้ห้วงมิติขยายตัวจนมีเสถียรภาพตามที่ต้องการ

 

และทันใดนั้นเอง

 

วู้มมม!!

 

บังเกิดเสียงประหนึ่งมีพลังบางอย่างไหลเวียนไปทั่วร่างกายของต้วนหลิงเทียน และหากจะกล่าวชี้ชัด เสียงพลังดังกล่าวมันดังขึ้นจากหัวใจของเขา

 

วินาทีต่อมา เมื่อต้วนหลิงเทียนใช้สำนึกเทวะส่องภายในไปติดตามสถานการณ์ดังกล่าว เขาก็พบเห็นความเปลี่ยนแปลงที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย!

 

เขาพบว่ากิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่ไปหยั่งรากและม้วนพันหัวใจเขาเอาไว้นั้น มันเริ่มลุกขึ้นทั้งถอนรากขึ้นมาอย่างรวดเร็วประหนึ่งกำลังจะย้ายถิ่นฐาน

 

และจากนั้นไม่ทันไร มันก็ละทิ้งหัวใจของเขา ก่อนที่จะแทงรากเข้าสู่ห้วงมิติที่กำลังขยายตัวด้านข้าง หรือก็คือโลกใบเล็กที่เขากำลังเปิดสร้างอยู่!

 

ชั่วพริบตาต่อมา ราวกับมันกลายเป็นหลุมดำ ดูดซับพลังงานทั้งหมดในร่างต้วนหลิงเทียนประหนึ่งแม่น้ำสายย่อยมากมายให้ไหลมารวมกันที่อ่าว จากนั้นก็เริ่มแพร่พลังดังกล่าวออกทางราก ไปเติมเต็มยังห้วงมิติของโลกใบเล็กที่เขากำลังเปิดสร้างอยู่!

 

ใขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าชีพจรสวรรค์ทั้ง 99 จุดสายของเขาเสมือนร้อนขึ้นปานไฟลวก และพอแบ่งสติมาชมดูเรื่องราวรอบกาย เขาก็พบว่าพลังวิญญาณฟ้าดินในสภาพแวดล้อมโดยรอบ กำลังถูกดูดกลืนเข้าร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง และเริ่มต้นกระบวนการโคจรขัดเกลาแปรเปลี่ยนเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็หลั่งไหลไปควบรวมที่หัวใจเขา

 

กล่าวให้ชัดคือพวกมันมาบรรจบกันยังโลกใบเล็กที่เขากำลังเปิดสร้างอยู่!

 

“นี่มันอะไรกัน…”

 

ความเปลี่ยนแปลงในฉับพลันดังกล่าวทำให้ต้วนหลิงเทียนตกใจทั้งสับสนนัก