กระบวนผนึกนี้มีชื่อว่า ‘คุกโซ่หกประสาน’ เมื่ออยู่ในนั้น พื้นที่แปดทิศหกทางล้วนประหนึ่งถูกปิดผนึก กลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง

แม้จะเป็นอริยะก็ยังยากจะหนีจุดจบที่ถูกจองจำพ้น

ฉะนั้นยามหลินสวินเพิ่งเอ่ยคำพูดอำมหิตก็ถูกกักขังภายในพริบตา พวกเล่อเซวี่ยซิวถึงได้รู้สึกว่าน่าขันถึงเพียงนี้

เสี่ยวอิ๋นเองก็กำลังหัวเราะ เพียงแต่หัวเราะที่มกุฎอริยะพวกนั้นเบาปัญญา!

กระบวนผนึกแค่นี้ก็สามารถกักขังนายท่านไว้ได้หรือ นั่นต่างหากที่เรียกว่าเรื่องน่าขัน ในดินแดนรกร้างโบราณ ใครไม่รู้บ้างว่านายท่านเป็นถึงนักสลักลายมรรคที่มีฝีมือเปลี่ยนของเน่าให้กลายเป็นของวิเศษได้

ดังคาด ครู่ต่อมาภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน หลินสวินย่างเท้า ลอยล่องแผ่วเบาก็เดินออกจากคุกโซ่หกประสานนั่นได้แล้ว

“นี่…”

รอยยิ้มของพวกเล่อเซวี่ยซิวแข็งทื่อ นี่เป็นไปได้อย่างไร

หากหลินสวินเลือกทลายกระบวนผนึก พวกเขาก็คงไม่ถึงขนาดสะดุ้งเฮือกเช่นนี้

ที่สำคัญคือ ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินล้วนเสมือนไม่รู้สึกรู้สา มองกระบวนค่ายกลคุกโซ่หกประสานราวกับไร้ตัวตน เดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผยทั้งอย่างนั้น!

เขาทำได้อย่างไร

พวกเล่อเซวี่ยซิวตกใจไม่หยุด ต่างสงสัยว่ากระบวนผนึกเกิดช่องโหว่ใช่หรือไม่…

“เหตุใดไม่หัวเราะแล้ว”

นัยน์ตาดำของหลินสวินดั่งอสนี กวาดมองพวกเล่อเซวี่ยซิว เจือแววถากถาง

“เฮอะ!”

ถูเยี่ยนเหวินจากเผ่ามารปีกโลหิต ใบหน้าหวานละมุนดุจหญิงสาวหัวเราะเยาะหยัน “แม้จะออกจากกระบวนค่ายกลใหญ่ได้แล้วอย่างไร ต่างอะไรจากการมาตายเปล่า เจ้าโง่!”

ขณะพูดร่างของเขาขยายออกทันควัน

ตูม!

แสงเลือดบาดตาสายหนึ่งล้นทะลักออกจากร่างเขา ส่ายไหวพุ่งทะยานขึ้นสู่เก้าชั้นฟ้า ซัดสะเทือนชั้นเมฆรอบทิศให้แหลกละเอียด

ก็เห็นแสงมรรคสีเลือดที่ใหญ่หนาดุจโซ่ตรวจสายแล้วสายเล่าไหลเวียนบนตัวถูเยี่ยนเหวิน ดุจดั่งเจียวหลงสีเลือดวาววับหลายตัวเคลื่อนไหวอยู่รอบกายเขาอย่างไรอย่างนั้น อานุภาพระดับนั้นเพียงพอจะทำให้ฟ้าดินสนั่นหวั่นไหว เทพผีถอยหนีกระเจิง

ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตละแวกใกล้เคียงต่างหวาดเสียว พากันถอยหนี นี่ก็คือพลังของมกุฎอริยะ! สูงสง่าน่าเกรงขามเกินไปแล้ว!

“ฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดเชือดวัว เห็นได้ชัดว่าถูเยี่ยนเหวินใจร้อนเกินไป ห่วงว่าจะถูกพวกเราชิงตัดหน้าฆ่าเจ้าเด็กนี่เสียก่อน เอาเถิด พวกเราก็ให้เขาสมปรารถนา”

เล่อเซวี่ยซิวหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกจับตับมาเหล่านั้นจำตัวตนของหลินสวินได้นานแล้ว เดิมทีในใจยังเหลือความหวังอยู่เสี้ยวหนึ่ง แต่เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ก็พลันสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง

อานุภาพมกุฎอริยะระดับนี้น่าสะพรึงไร้สิ้นสุดชัดๆ ทำเอาพวกเขาล้วนรู้สึกหายใจไม่ออกคล้ายสิ้นหวัง

หลินสวินจะเอาอะไรมาสู้กับอีกฝ่าย

“เจ้าตัวจ้อย คนที่สามารถทำให้ข้าอยากบุกฆ่าจนใจจะขาดเช่นนี้ได้มีไม่กี่คนหรอก เจ้าโชคดียิ่ง แต่ก็โชคไม่เข้าข้างยิ่งเช่นกัน เพราะอีกเดี๋ยวเจ้าก็จะถูกข้าสังหารแล้ว”

ในน้ำเสียงนุ่มละมุนแผ่วเบา ถูเยี่ยนเหวินย่างเท้าเนิบนาบ ยื่นมือออกไปลวกๆ แหวกอากาศคว้าไปทางหลินสวิน

เวลานี้มีเพียงพวกเสี่ยวอิ๋น รั่วอู่ที่สงบนิ่งที่สุด ถึงขั้นเผยแววเวทนาออกมา เจ้าโง่นี่คิดว่าหลินสวินยังไม่บรรลุอริยะหรือ

ตูม!

มือใหญ่สีเลือดที่ควบรวมขึ้นจากวิชาอริยมรรคข้างหนึ่งปั่นป่วนห้วงอากาศ แฝงอานุภาพที่ครอบคลุมฟ้าดินบีบเข้ามา

และเวลานี้ หลินสวินลงมือแล้ว

การเคลื่อนไหวของเขาก็เรียบง่ายเช่นกัน หมัดเดียวผ่านอากาศเท่านั้น ปรากฏประทับหมัดสีเขียวแวววาวโปร่งแสง เรียบง่ายแข็งแน่น อัศจรรย์ดั่งสวรรค์สร้าง

ถึงแม้จะเรียบง่ายไม่หวือหวา แต่หนึ่งหมัดซัดออกไป ฝ่ามือใหญ่สีเลือดที่ปะทะเข้ามากลับระเบิดกระจุยเหมือนกระจกแก้วที่แตกหักง่าย

ท่ามกลางละอองแสงสาดกระเซ็น ประกายหมัดโฉบแหวกอากาศ ฉีกทึ้งออกเป็นรอยแยกตรงแน่วสายหนึ่ง เสียงครวญเล็กแหลมสะเทือนโสตจวนหูจะหนวกทำให้ฟ้าดินยังเปลี่ยนสี

หืม?

ถูเยี่ยนเหวินแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

แทบจะเป็นไปตามสัญชาตญาณ เขาลงมือโจมตีอีกครั้ง นิ้วมือทำมุทระแล้วตบออกไปอย่างจัง

ตูม!

ท่ามกลางเสียงกระแทกสะเทือนฟ้าดิน ร่างถูเยี่ยนเหวินถอยออกไปเต็มแรง แทบอยากกระอักเลือดออกมา สีหน้าเปลี่ยนไปชั่วพริบตา คล้ายไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าบรรลุอริยะแล้ว!?”

“เจ้าเพิ่งรู้หรือ”

ยามที่เสียงดังก้อง

เงาร่างของหลินสวินหายลับกลางอากาศ ไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าถูเยี่ยนเหวิน หนึ่งฝ่ามือฟันลงไป

ประทับปี้อั้น!

เพียงแต่ประทับปี้อั้นในยามนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าคว่ำดินนานแล้ว แห่ห้อมด้วยพลังยิ่งใหญ่อริยมรรคที่เจิดจรัสน่าสะพรึง แสงมรรคสาดกระเซ็น

ตอนที่เสียงของหลินสวินสิ้นสุด

ตูม!

ภายใต้สภาพไม่ทันตั้งตัว ถูเยี่ยนเหวินถูกซัดลอยออกไปอย่างจัง จมูกปากกบเลือด ใบหน้ายังถูกกระแทกจนยุบ ส่งเสียงโหยหวนออกมา

ประโยคเดียวดังขึ้นและหยุดลง เพิ่งจะแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

มกุฎอริยะถูเยี่ยนเหวิน ถูกซัดกระเด็น!

ทั่วลานสั่นสะท้าน ต่างปากอ้าตาค้างกันถ้วนหน้า

พวกเล่อเซวี่ยซิวยิ่งหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่เห็นพ้องด้วย คิดว่าถูเยี่ยนเหวินใจร้อนลุกออกมาลงมือ ออกจะทำเรื่องใหญ่แต่ได้ผลเล็กน้อยไปหน่อย ดูเสียศักดิ์ศรี

ไหนเลยจะคาดคิด เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นถูเยี่ยนเหวินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส!

และเจ้าหนุ่มที่ถูกพวกเขามองเป็นมดปลวกคนนั้น ก็สำแดงอานุภาพน่าสะพรึงที่มีแต่มกุฎอริยะเท่านั้นจึงจะมีได้!

เขา…

ถึงกับบรรลุอริยะแล้ว!?

ความจริงข้อนี้ทำเอาพวกเล่อเซวี่ยซิวต่างไม่อาจยอมรับได้ เพราะพวกเขาฟันธงไปแต่แรกแล้วว่าหลินสวินที่ถูกจองจำอยู่ใต้หุบเหวลึก และพลาดโอกาสเข้าสู่แดนลับนรกโลกันตร์แล้ว ก็ต้องพลาดโอกาสบรรลุมกุฎอริยะด้วยอย่างแน่นอน!

แต่ใครจะกล้าเชื่อ เขาถึงกับบรรลุอริยะแล้ว ซ้ำยังครอบครองพลังแห่งมกุฎอีกด้วย!

การโจมตีครั้งนี้ทำให้พวกเล่อเซวี่ยซิวล้วนรู้สึกเหมือนถูกคนเอาท่อนไม้ฟาด นี่… เป็นไปได้อย่างไรกัน

และในบริเวณที่ห่างออกไป ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตซึ่งกำลังฮึกเหิมพวกนั้นต่างตะลึงอึ้งค้าง ส่วนใหญ่ก็ไม่อาจยอมรับภาพเช่นนี้ได้

ตูม!

พูดเหมือนช้าแต่กลับเร็วยิ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่ได้หยุดมือเลย หลังจากพิชิตถูเยี่ยนเหวินได้ เขาก็โจมตีออกไปอีกครั้ง

เขาในตอนนี้เพิ่งจะสำแดงความแข็งแกร่งแท้จริงของตนออกมา ร่างกายมีกลิ่นอายไพศาลไหลเวียน ผมสีดำทั่วศีรษะล้วนสาดแสงศักดิ์สิทธิ์ ดุจดั่งเดินออกมาจากสรวงสวรรค์

ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีอานุภาพกดข่มปิดครอบเวิ้งฟ้า อานุภาพผงาดกร้าว!

ฟุ่บ!

เขารวบนิ้วตวัดวาด ลำแสงสีทองที่บางเบาดุจเส้นใย เจิดจรัสดั่งควบหลอมสายหนึ่งปรากฏขึ้น

“ฟัน!”

นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็นลุ่มลึก ผ่าฟันลงไป ณ ที่นั้น

ถูเยี่ยนเหวินผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ร้องตวาดคราหนึ่ง พลังอริยะที่เหมือนเจียวหลงสีเลือดแวววาวรอบกายคำราม กลายเป็นประทับฝ่ามือหนึ่งที่มีรัศมีสิบจั้งเต็ม

ทว่าเพียงพริบตาก็ถูกลำแสงสีทองสายนั้นของหลินสวินฉีกทึ้ง ระเบิดกระจายกลางห้วงอากาศ แสงเลือดลุกโชนไหลพุ่งไปสี่ทิศแปดด้าน

พรูด!

บริเวณอกของถูเยี่ยนเหวินถูกแหวกออกเป็นรอยแผลโชกเลือดสายหนึ่ง ลึกจนเห็นกระดูก ขาดเพียงนิดเดียวก็จะถูกผ่าท้องเปิดอกแล้ว

เขาหน้าถอดสีทันควัน

“ไม้ซีกงัดไม้ซุง ทนการโจมตีเดียวยังไม่ได้”

หลินสวินกล่าวสบายๆ

บรรยากาศในลานเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดถึงขีดสุดแล้ว ไม่มีใครไม่ถูกอานุภาพที่หลินสวินสำแดงออกมาทำให้สั่นสะท้าน แม้จะเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะ แต่ก็เพิ่งจะบรรลุอริยะเท่านั้น จะแข็แกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร

ต่อให้เป็นรั่วอู่ก็เพิ่งจะตระหนักได้ตอนนี้เองว่า การดวลแลกเปลี่ยนวิชาในหุบเหวลึกก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าหลินสวินยั้งมือไว้!

หาไม่เกรงว่าตนจะถูกสยบอยู่หมัดนานแล้ว…

เมื่อนึกถึงตรงนี้ในใจรั่วอู่ก็ทอดถอนใจคราหนึ่ง นางมีหรือจะไม่เข้าใจ หลินสวินทำเช่นนี้ก็เพื่อไว้หน้าตน

“โอหัง!”

ทันใดนั้นถูว่านคงที่หน้าผากกว้างหนวดเคราขึงขัง เงาร่างกำยำดุจภูเขาก็บุกโจมตี หมายจะหยุดหลินสวินโจมตีใส่ถูเยี่ยนเหวิน

ตูม!

แสงอสนีที่มองเห็นด้วยตาเปล่าสายแล้วสายเล่ามารวมตัวกันจากสี่ทิศแปดทาง ชักนำกระตุ้นพลังอสนีแห่งฟ้าดิน ห้วงอากาศละแวกใกล้เคียงล้วนพังครืน ถูกทะเลสายฟ้าท่วมท้นโดยมีถูว่านคงเป็นศูนย์กลาง

เขาซัดหนึ่งหมัดออกไป ดั่งเทพอสนีพิโรธ แสงสายฟ้าเจิดจ้าราวแม่น้ำกว้างใหญ่ทะลักเข้าสู่หนึ่งหมัดนี้ ฉีกแหวกห้วงอากาศ

หมัดของเขาเคลื่อนขวางเวิ้งฟ้า อานุภาพดุจแหวกนภา!

“หมัดเท้าประดับบุปผา น่ามองแต่ไม่ได้ความ”

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง แสงเรืองศักดิ์สิทธิ์สีทองม้วนตลบ หักทำลายอย่างง่ายดาย บดขยี้พลังของหมัดนี้จนแตกกระจายกลางห้วงอากาศ

ส่วนถูว่านคงมาไวไปไวยิ่งกว่า เขารู้สึกเพียงเหมือนถูกพายุรุนแรงหอบม้วน ร่างก็ถูกซัดปลิวออกไปอย่างควบคุมไม่ได้

แค่สะบัดแขนเสื้อครั้งเดียวก็ซัดมกุฎอริยะคนหนึ่งให้ถอยออกไปได้!

พวกเล่อเซวี่ยซิวที่ได้เห็นภาพนี้กับตาล้วนหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ในที่สุดก็กล้ามั่นใจว่า หลินสวินไม่เพียงกลายเป็นมกุฎอริยะที่ฝีมือสมชื่อคนหนึ่งเท่านั้น

พลังต่อสู้ของเขาก็ยังแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อด้วย!

ควรรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นถูเยี่ยนเหวินหรือถูว่านคง ใครบ้างไม่ใช่สัตว์ประหลาดเฒ่าในระดับมกุฎอริยะ โชกโชนอยู่ในระดับนี้มานานปี

แต่ภายใต้น้ำมือของหลินสวิน กลับเหมือนมดเขย่าต้นไม้ ต้านการโจมตีเดียวไม่อยู่!

นี่เห็นได้ชัดว่าน่าสยองเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

“ลงมือพร้อมกัน!”

พวกเล่อเซวี่ยซิวตระหนักถึงความไม่เข้าทีอย่างที่สุด

ก่อนหน้านี้พวกเขาข่มกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ คิดว่าการที่ไม่สามารถฆ่าพวกหลินสวินได้จะทำให้พวกเขาเสียหน้า

แต่ตอนนี้ พวกเขามีหรือจะกล้าคิดเช่นนี้

ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ล้วนรู้ว่า หลินสวินที่ถูกพวกเขามองเป็นมดปลวกที่จะฆ่าแกงอย่างไรก็ได้ ยามนี้ได้กลายเป็นคนระดับเดียวกับพวกเขาแล้ว หนำซ้ำพลังต่อสู้ยังน่ากลัวยิ่ง!

ต่อให้ตีหัวจนแตกก็ยังคิดไม่ออกว่า เหตุใดหลินสวินจึงสามารถข้ามเคราะห์บรรลุอริยะในเหวลึกนั่นได้ แต่พวกเขาไม่อาจสนใจเรื่องพวกนั้นได้แล้ว

ตอนนี้พวกเขาจำต้องลงมือ โจมตีสังหารอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้!

ตูม!

เงาร่างของเล่อเซวี่ยซิวพริบไหว แปลงศิลาสีเลือดที่เรียงซ้อนเป็นชั้นๆ ออกมา มีถึงหนึ่งร้อยแปดก้อน ต่างเชื่อมโยงกัน วิวัฒน์เป็นป่าศิลาสีเลือดที่แปลกพิสดารผืนหนึ่งแล้วเข่นฆ่าลงมา

“ทะยาน!”

เสอไท่สิงที่สวมชุดเขียวส่งเสียงคำรามยาว แขนเสื้อโบกสะบัด กระบี่สีชาดยาวสามฉื่อเล่มหนึ่งปรากฏ สะท้อนลำแสงคมกริบสะท้านโลก

กระบี่เล่มนี้ควบหลอมจากกฎเกณฑ์อริยมรรคอันพิสุทธิ์ผุดผ่องที่สุด ถึงขั้นสามารถมองเห็นว่าบนตัวกระบี่ประทับลายมรรคแน่นขนัด วิวัฒน์เป็นลักษณ์ประหลาดพิสดารหลายชั้น

สวบ!

กระบี่สีชาดบั่นเฉือนไปทางหลินสวินราวกับริ้วไหมที่เคลื่อนขวางอากาศ

และพวกเฟิงอวิ๋นเชวีย ชางสิงคุน เฮ่อชิงไหวสามคน บ้างก็เรียกสมบัติออกมา บ้างก็สำแดงวิชามรรค พุ่งโจมตีจากคนละทิศ

ชั่วขณะนั้นฟ้าดินหนาวเหน็บหดหู่ พื้นที่ในบริเวณพันลี้ล้วนถูกพลังอริยมรรคน่าสะพรึงท่วมท้น ทำให้ห้วงอากาศแหลกลาญ หินผาพังครืน ต้นไม้ใบหญ้ามอดไหม้ ผืนดินใหญ่แตกระแหง!

มกุฎอริยะทั้งกลุ่มลงมือ อานุภาพระดับนั้นดุจดั่งเคราะห์ใหญ่ฉากหนึ่งมาเยือนโลกชัดๆ!

แม้จะเป็นรั่วอู่และเสี่ยวอิ๋นที่เชื่อมั่นในหลินสวินเต็มเปี่ยมก็ยังอดประหม่าขึ้นมาไม่ได้

เพราะการบุกโจมตีทั้งหมดนี้ล้วนพุ่งไปทางหลินสวินคนเดียว!

ทว่าหลินสวินหน้าไม่เปลี่ยนสี เรียบนิ่งไร้ว้าวุ่น

เขายังคงสงบไม่ร้อนรน รอบกายเขาพร้อมๆ กับเสียงครวญกระบี่ดังชิ้งๆ ระลอกหนึ่ง ปราณกระบี่เจิดจ้าประหนึ่งกระแสน้ำหลากแถบหนึ่งพุ่งโฉบออกมา เบียดเสียดแน่นขนัด อานุภาพคมกริบ ประหนึ่งหมายจะแหวกผ่าจักรวาล เฉือนสุริยันจันทราดวงดาราร่วงโรย บรรจุพลังน่าสะพรึงหาใดเปรียบ

เป็นปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายที่ฟูมฟักอยู่ในจุดชีพจร!

กระทั่งพลังโจมตีทั้งหมดมาถึง ร่างกายหลินสวินขยายออกทันควัน นัยน์ตาดำสาดลำแสงเทพออกมา

“ทะลวง!”

พร้อมๆ กับที่ริมฝีปากของหลินสวินพูดหนึ่งคำออกมาเบาๆ ปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายที่สั่งสมไว้แต่แรก สาดแสงบาดตาออกมาในพริบตาเดียว ส่องสว่างฟ้าดิน พุ่งออกไปพร้อมกับเสียงครวญ

กระบี่ไท่เสวียนสามพันเคลื่อนขวางเวิ้งฟ้า หมายจะประชันประกายคมกับศัตรู ในวันนี้ที่บรรลุมกุฎอริยะ!

——