ตอนที่ 2681 ศิลาชีพมังกร

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ไอ้เด็กนรก ข้าพูดกับเจ้าอยู่ หูเจ้าหนวกหรืออย่างไร?” หยูชิงกล่าวขึ้นมาถาม

เย่หยวนหันไปมองหน้าเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ต้องขออภัยด้วยหากคำพูดของข้ามันทำให้เจ้ารู้สึกเจ็บปวด แต่ข้าพูดอะไรผิดหรือไม่? ความเป็นจริงนั้นคือพวกเจ้าเป็นแค่เหล่ากึ่งมังกร!”

เมื่อหยูชิงได้ยินเช่นครึ่งแรกของประโยคเขาก็ยังวางใบหน้าเรียบเฉยได้ แต่เมื่อได้ยินครึ่งหลังแล้วหยูชิงรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างแรง

เขานั้นร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจในทันที “เด็กน้อย เจ้ามารนหาที่ตายแล้ว! เรื่องของเผ่ามังกรคนนอกอย่างเจ้ามีสิทธิอะไรมายุ่งเกี่ยวด้วย? ท่านเจ้ามังกรวันนี้อย่าได้หาว่าหลานคนนี้ไร้มารยาทเลย!”

แต่ก่อนที่หยูชิงจะทันได้ลงมือนั้นตัวราชามังกรน้ำดำก็กล่าวขึ้นมาเป็นครั้งแรก

“หลานหยูชิง เขานั้นมิใช่คนนอกใดๆ! ในร่างของเย่หยวนนั้นเองก็มีสายเลือดของมังกรอยู่ด้วย! ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังเป็นพลังสายเลือดที่สุดแสนรุนแรง!” ราชามังกรน้ำดำกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

“หะ?! มนุษย์อย่างมันจะมีสายเลือดมังกรได้อย่างไร?”

“น่าขัน! มันจะแข็งแกร่งรุนแรงได้แค่ไหน? จะบอกว่ามันแข็งแกร่งรุนแรงกว่าสายเลือดของน้องจิงเฟยหรืออย่างไร?”

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าเด็กคนนี้มันคงเคยได้หลอมสายเลือดมังกรมาก่อนแน่! หากจะพูดว่าใครที่เป็นกึ่งมังกร มันก็คงหมายถึงตัวมันมากกว่ามิใช่หรือ?”

คำพูดของราชามังกรน้ำดำนั้นมันทำให้เหล่าผู้คนต้องร้องลั่นขึ้นมาตามๆ กัน

เวลานี้เองที่คนทั้งหลายเพิ่งจะได้รู้ว่าราชามังกรน้ำดำไม่ได้ไม่โกรธ แต่เขานั้นไม่กล้าจะโกรธ

แต่มีหรือที่หยูชิงจะเชื่อเรื่องราวเช่นนั้น?

เขานั้นยิ้มกว้างขึ้นมากล่าว “รุนแรงมาก? หึๆ มันจะแรงแค่ไหน? ข้าก็คิดไปว่าเจ้านั้นมีอะไรมามั่นใจที่แท้มันก็กลับใช้แค่เรื่องนี้! แค่มนุษย์ที่ได้หลอมผสานเลือดมังกร ดูอย่างไรมันก็เป็นแค่การลอกเลียนคนอื่นทำให้ตัวเองดูโง่เง่าเท่านั้น!”

เย่หยวนนั้นหันกลับไปมองด้วยรอยยิ้ม “แรงแค่ไหน? อย่างน้อยๆ มันก็ต้องเหนือกว่าเจ้าแล้วกัน! ลอกเลียนคนอื่นจนทำให้ตัวเองดูโง่? หึๆ ลอกเลียนเจ้านี้เหรอ”

เย่หยวนนั้นรู้ดีว่าอย่างน้อยๆ สายเลือดของเขามันก็ต้องอยู่เหนือจิงเฟย

เขานั้นไม่รู้ได้ว่าสายเลือดของตัวเองมันสูงล้ำหรือต่ำตมแค่ไหน แต่อย่างน้อยๆ มันก็ยังรุนแรงและแข็งแกร่งกว่าคนที่ถูกยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่กึ่งมังกรทั้งหลายนี้!

เขานั้นยังมีความมั่นใจในเรื่องนี้อยู่เสมอมา

แต่คำพูดเหล่านั้นมันย่อมจะกลายเป็นเพียงแค่เรื่องตลกในสายตาของหยูชิง

มนุษย์คนหนึ่งที่มาอวดอ้างพลังสายเลือดต่อหน้าเขา สมาชิกที่แท้จริงของเผ่ามังกร

หากมันไม่ใช่เรื่องตลกแล้วมันจะเป็นอะไรได้?

“เหนือกว่าข้า? เด็กน้อย เวลาจะโม้อะไรไม่กลัวบ้างหรือว่าจะกัดลิ้นตัวเองเข้า! ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้แล้วก็ลองมาดูกันหน่อยไหมเล่าว่าสายเลือดของเจ้ามันรุนแรงแค่ไหน?”

หยูชิงนั้นหันกลับไปก้มหัวกล่าวต่อราชามังกรน้ำดำ “ท่านเจ้ามังกร ช่วยนำเอาศิลาชีพมังกรออกมาด้วยเถอะ”

เมื่อจิงเฟยได้ยินเช่นนั้นนางก็รีบยกมือขึ้นมาตบด้วยท่าทางเห็นด้วยทันที “ดีๆ! ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าพลังชีพมังกรของพี่เย่หยวนนั้นมันรุนแรงแค่ไหน!”

เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะไปอย่างมึนงงก่อนจะหันไปถามจิงเฟย “ศิลาชีพมังกรมันคืออะไรหรือ”

เขานั้นไม่รู้ถึงวัฒนธรรมและชีวิตของเหล่าเผ่าทะเล แน่นอนว่าย่อมจะไม่รู้ว่าที่แห่งนี้มันมีของวิเศษของดีใดอยู่บ้าง

จิงเฟยนั้นรีบตอบกลับไป “ศิลาชีพมังกรนั้นมันคือศิลาที่เอาไว้ใช้วัดพลังสายเลือดของผู้คน เผ่ามังกรของเจ็ดทะเลเรานั้นจะใช้งานมันเพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของชีพมังกร การมีชีพมังกรสูงหมายความว่าคนผู้นั้นจะมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่และมีโอกาสจะขึ้นเป็นมังกรฟ้าได้ แน่นอนว่าชีพมังกรของข้านั้นมันสูงถึงห้าข้อ ระดับเดียวกับเสด็จพ่อไปแล้ว ในหมู่พี่ๆ ของข้าทั้งหลายมันไม่มีใครที่มีพลังสายเลือดเหนือล้ำไปกว่าข้า!”

พูดไปตัวจิงเฟยก็ยิ่งเชิดหน้าทำท่าทางภาคภูมิ

เพราะว่าชีพมังกรของนางมันรุนแรงมากล้นนี้เองที่ทำให้สถานะของตัวนางนั้นมันจึงสูงล้ำหัวใครๆ ในทะเลทั้งเจ็ด

เพราะว่านี่มันคือเครื่องยืนยันว่าตัวนางมีโอกาสจะก้าวขึ้นเป็นมังกรฟ้า!

หากทะเลทั้งเจ็ดสามารถผลิตมังกรฟ้าขึ้นมาได้แล้วมันย่อมจะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!

เพราะฉะนั้นแม้เด็กน้อยคนนี้จะเป็นตัวปัญหาแค่ไหนคนทั้งหลายก็ไม่กล้าจะไปขัดใจนางให้มากนัก

ในเผ่าทะเลนั้นเหล่ากึ่งมังกรทั้งหลายต่างมีความเคารพต่อพลังของสายเลือดอย่างมากล้น

เพราะเป้าหมายของพวกเขาทุกคนนั้นคือการก้าวขึ้นเป็นมังกรฟ้าแต่น่าเสียดายว่ามันยังไม่มีใครสามารถทำได้

ได้เห็นหน้าตามึนงงเช่นนั้นของเย่หยวนหยูชิงก็ยิ้มกล่าวขึ้นมา “เด็กน้อย เจ้ากลัวแล้วหรือ? ศิลาชีพมังกรนี้มันจะเปิดโปงตัวเจ้าออกมาให้คนทั้งหลายได้เห็นแน่!”

เย่หยวนหันกลับมามองเขาด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก “เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? มาพนันกันด้วยพลังชีพมังกร! ใครที่แพ้พ่ายนั้นจะต้องก้มหัวกราบขอโทษแก่อีกฝ่าย?”

เมื่อหยูชิงได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “ก็เอาสิ! ข้าจะยังมากลัวเจ้าหรือ? จะว่าไปแล้วนายน้อยผู้นี้เองก็ไม่ได้วัดพลังชีพมังกรของตนเองมานานแล้วด้วย!”

ตอนที่เขากล่าวเช่นนี้ขึ้นมาตัวหยูชิงก็ทำหน้าเย่อหยิ่งขึ้น

ดูท่าแล้วเขาคงจะมั่นใจในชีพมังกรของตนเองเป็นอย่างมาก

ในหมู่ยอดคนทั้งหลายในที่นี้นอกจากตัวราชามังกรน้ำดำและจิงเฟยแล้วมันไม่มีใครที่มีชีพมังกรเหนือล้ำไปกว่าเขาแน่!

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเช่นนั้นเหล่าคนทั้งหลายต่างก็ต้องหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาเย้ยหยัน

“หึๆ ไอ้เด็กคนนี้มันกลับกล้าจะไปคิดวัดชีพมังกรกับหยูชิง มันไม่มีสมองบ้างหรือ? หยูชิงนั้นมีชีพมังกรที่สูงล้ำถึงสี่ข้อไปตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน! เวลานี้มันคงจะพัฒนาขึ้นมาได้สี่ข้อขั้นกลางได้แล้วด้วยซ้ำ!”

“ข้ายอมรับเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้มันเป็นยอดอัจฉริยะจริงแต่มันก็แค่นั้น สิ่งนี้มันวัดกันที่สายเลือดแต่มันกลับยังกล้าไปท้าทายหยูชิง!”

“ก่อนที่น้องชิงเฟยจะเกิดขึ้นมานั้นหยูชิงคือคนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่สุดและมีโอกาสจะขึ้นเป็นมังกรฟ้า!”

ในสายตาของคนทั้งหลายนั้นจุดสูงสุดมันย่อมจะเป็นตัวจิงเฟยแล้ว หยูชิงนั้นเป็นอันดับสองที่อยู่ห่างจากตัวนางไปแค่ไม่มาก

หากวัดกันด้วยชีพมังกรแล้วตัวหยูชิงย่อมจะเอาชนะได้อย่างท่วมท้น

ไม่นานยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกสองคนก็ได้ยกเอาแท่นศิลาใหญ่เข้ามาภายในห้อง

แท่นศิลานี้มันมีสีเขียวมรกตแต่ไม่อาจจะมองออกได้ว่ามันสร้างขึ้นมาจากสิ่งใด

แต่ว่าเมื่อได้เห็นพลังสายเลือดในร่างกายของเย่หยวนมันก็เดือดพล่านขึ้น

ศิลาชีพมังกรนี้มันมีอยู่ทั้งหมดเก้าข้อ เป็นตัวแทนของระดับชีพมังกรนั่นเอง มันเหมือนดั่งหลอดที่แบ่งเป็นเก้าส่วนตั้งตระหง่านสูงท่วมหัว

หยูชิงนั้นหันมามองเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย เจ้าจะลองก่อนหรือจะให้ข้าลองก่อน?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าวัดก่อนเถอะ หากข้าวัดก่อนเจ้าคงอายจนไม่กล้าวัดแล้ว”

หยูชิงนั้นหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยิน “วางท่าไปเถอะ! ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะวางท่าไปได้ถึงเมื่อไหร่!”

พูดไปเขาก็เดินเข้าไปหาศิลาชีพมังกรนั้น

ตูม!

คลื่นพลังสายเลือดมังกรมันปะทุขึ้นมาทันที!

เหล่ายอดฝีมือหนุ่มสาวทั้งหลายนั้นต่างต้องร้องขึ้นมาอย่างแตกตื่น

ดูท่าแล้วพลังสายเลือดมังกรของหยูชิงนี้มันจะทำให้พวกเขานั้นตกตะลึงอย่างมาก

พลังสายเลือดมังกรฟ้าของหยูชิงนั้นมันพุ่งทะยานขึ้นมาเรื่อยๆ

เวลานี้ใบหน้าของเขานั้นมันแดงก่ำเหมือนคนที่เกร็งทั้งร่างกายอย่างสุดตัว

ดูท่าแล้วเขานั้นคงรีดพลังทั้งหมดออกมาและคิดจะใช้พลังสายเลือดมังกรที่หลบซ่อนอยู่ทั้งหมดออกมา

ปัง!

หยูชิงกระแทกมือลงมือศิลาชีพมังกรจนทำให้ศิลาชีพมังกรส่องสว่างขึ้นทันที

ข้อแรกสว่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

จากนั้นข้อที่สองและสามมันก็ค่อยๆ ส่องสว่างขึ้นตาม

เมื่อมันสว่างขึ้นมาถึงข้อสี่ความเร็วของการส่องสว่างมันก็ค่อยๆ ขยับช้าลง

แต่ว่ามันก็ยังคงค่อยๆ พุ่งขึ้นไป!

สี่ข้อขั้นต้น!

สี่ข้อขั้นกลาง!

สี่ข้อขั้นปลาย!

เวลานี้ร่างกายของหยูชิงนั้นมันแทบจะมีควันร้อนลอยออกมา

“ฮา!”

หยูชิงร้องลั่นขึ้นมาก่อนที่แสงของข้อสี่มันจะส่องสว่างขึ้นมาจนเต็ม

ในโถงใหญ่นั้นมันเกิดเสียงร้องลั่นขึ้นมาอย่างแตกตื่น

“สี่ข้อสุด! หยูชิงกลับพัฒนาไปได้อย่างมากล้นในเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปีนี้ น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

“พระเจ้าช่วย! ชีพมังกรของเขานั้นมันกลับด้อยกว่าจิงเฟิยไปแค่เล็กน้อยแล้ว!”

“หึๆ เจ้าเด็กมนุษย์คนนี้มันคงไม่รู้จักฟ้าดิน! แน่นอนว่ามันย่อมจะไม่เคยได้ยินถึงศิลาชีพมังกรเพราะฉะนั้นมันคงไม่รู้หรอกว่าสี่ข้อสุดนั้นมันน่ากลัวแค่ไหน!”

หยูชิงนั้นมองดูศิลาชีพมังกรตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่สุดแสนพอใจ

ดูท่าเขาจะมั่นใจกับผลลัพธ์นี้มาก

คนอย่างจิงเฟยนั้นมันเป็นตัวประหลาด

มีใครบ้างที่สามารถพัฒนาไปถึงห้าข้อได้ด้วยอายุแค่ร้อยปี?

แม้แต่เหล่าราชาของทะเลทั้งเจ็ดเองก็ยังไม่มีใครทำได้!

หยูชิงหันกลับมาหาเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย ตาเจ้าแล้ว!”

…………………………